551 ครั้งแรกที่ได้ยินนามของ “ราชา”
“ใช่ครับ ลูกศิษย์ของเขามาพูดเรื่องนี้กับผม” ซุนหยุนเชิงพูด
“เขามีลูกศิษย์ด้วยเหรอ?” ซุนเจิ้งหรงถามด้วยความประหลาดใจ
“ผมเคยเปรยให้พ่อฟังคราวก่อนไงครับ ลูกศิษย์ของเขาเป็นหมอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลประจำเขตเหลียนชานครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“โอ้ พ่อนึกออกแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องเนินเขานะ ลูกแค่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก็พอ สิ่งสำคัญที่ลูกต้องใส่ใจตอนนี้ก็คือเรื่องสร้างอพาร์ทเมนต์ ต้องดูแลให้การก่อสร้างราบรื่นที่สุด” ซุนเจิ้งหรงพูด
“ครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“แล้วลุงหลินกับอาหาวเป็นยังไงบ้าง?” ซุนเจิ้งหรงถาม
“พวกเขาสบายดีครับ หมอหวังมาตรวจดูอาการของทั้งสองแล้ว ภายในหนึ่งเดือนนี้ พวกเขาก็น่าจะหายดีแล้วล่ะครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“ดี” ซุนเจิ้งหรงพูด
“หมอหวังอาจจะเจอปัญหาบางอย่างด้วยครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“พ่อรู้แล้ว พ่อได้คุยกับคนที่เกี่ยวข้องให้แล้ว ลูกมีหน้าที่ที่ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา พยายามแก้ปัญหาให้เขาโดยที่ไม่ต้องรอให้เขามาขอ” ซุนเจิ้งหรงพูด
“แต่เขาก็จะไม่รู้น่ะสิครับ ว่าผมเป็นคนช่วยเขา” ซุนหยุนเชิงพูดด้วยความสับสน
“เขาไม่จำเป็นต้องรู้ในทันที แต่สักวันเขาก็จะรู้เองว่าลูกคือคนที่ช่วยเขา และเขาก็จะรู้สึกขอบคุณในความช่วยเหลือที่ลูกได้มอบให้เขา” ซุนเจิ้งหรงพูด “พ่อต้องการให้หมอหวังเป็นมิตรแท้ของพวกเรา”
“ผมเข้าใจแล้วครับ พ่อ” ซุนหยุนเชิงพูด
พวกเขาพูดคุยกันอยู่นาน โดยเน้นไปที่เรื่องของธุรกิจ ซุนเจิ้งหรงสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ขึ้นมา มันอาจจะดูง่าย แต่คนนอกไม่มีทางรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะรักษามันเอาไว้ ซุนเจิ้งหรงและคนของเขาต้องระมัดระวังอย่างมากกับการตัดสินใจในทุกๆเรื่อง ถ้าไม่อย่างนั้น ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาก็จะสูญเปล่า บริษัทขนาดใหญ่มากมายต้องล้มละลายเพราะการตัดสินใจที่ไม่ชาญฉลาด และยังมีคนอีกมากที่กำลังเฝ้ารอโอกาสเพื่อจะดึงซุนเจิ้งหรงลงมา
…
เช้าวันหนึ่ง มีแขกที่คาดไม่ถึงเดินทางมาที่คลินิก เขาเป็นชายชราวัยประมาณ 70 เขามาพร้อมกับชายวัยกลางคนที่ชื่อว่า หานจื้อหยู
“ซางเหล่า มาถึงที่นี่ได้ยังไงกัน? เชิญเข้ามาก่อนครับ” หวังเย้าเชิญซางกู้จื้อเข้ามาด้านในคลินิก
ซางกู้จื้อถือเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของหวังเย้า แม้ว่าพวกเขาจะอายุห่างกันมากก็ตามที
“เชิญดื่มชาครับ” หวังเย้าใช้ชาที่เติบโตในแปลงสมุนไพรมาชงชาให้กับซางกู้จื้อ
“ขอบคุณ” ซางกู้จื้อพูด “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? งานยุ่งรึเปล่า?”
“ไม่เท่าไหร่ครับ ช่วงนี้ของปี ผมจะไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ แต่ผมจะยุ่งช่วงหลังวันตรุษจีนมากกว่า” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วซางเหล่าล่ะครับ?”
“โอ้ ฉันกลับไปที่บ้านตอนช่วงตรุษจีนน่ะ ตอนนี้ ฉันก็ออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว แต่ฉันดันไปเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้เข้า ฉันก็เลยมาที่นี่ยังไงล่ะ” ซางกู้จื้อพูด
“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
หานจื้อหยูคิด ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน? อะไรที่ทำให้หมอซางถึงกับต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขาได้?
หนึ่งในสมาชิกครอบครัวของหานจื้อหยูป่วยด้วยโรคประหลาด พ่อของเขารู้จักกับซางกู้จื้อมานานกว่า 20 ปี พวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนเก่ากัน ดังนั้น ซางกู้จื้อจึงได้เดินทางมารักษาคนในครอบครัวของหานจื้อหยู แต่ซางกู้จื้อก็ไม่สามารถรักษาเขาได้ ซางกู้จื้อจึงคิดถึงหวังเย้าและตัดสินใจแนะนำหวังเย้าให้ครอบครัวของหานจื้อหยูได้รู้จัก พวกเขาพากันเดินทางมาที่คลินิกของหวังเย้าในทันที
เขาเป็นหมอที่เด็กมาก! เขาจะไปทำอะไรได้? หานจื้อหยูมีความคิดเดียวกับคนไข้ส่วนใหญ่ของหวังเย้า ในตอนที่พวกเขาได้เจอหวังเย้าเป็นครั้งแรก
“ลูกชายของเพื่อนสนิทของฉันคนหนึ่งป่วยหนักมาก ฉันไปดูอาการเขามาแล้ว แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันก็เลยคิดถึงเธอขึ้นมา และมันก็คือสาเหตุที่ฉันมาอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ” ซางกู้จื้อพูด
“อาการของเขาเป็นยังไงครับ?” หวังเย้าถาม
“เขาได้รับพิษที่ประหลาดมาก และมันทำให้ร่างกายของเขาเริ่มเน่า” ซางกู้จื้อพูด
“พิษประหลาดเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่แล้วล่ะ” ซางกู้จื้อตอบ
“เขาอยู่ที่ไหนครับ?” หวังเย้าถาม
“ต้าหลี่” ซางกู้จื้อพูด
“ในเมื่อซางเหล่าเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ผมก็จะไปหาเขาดูครับ” หวังเย้าพูด เขาไม่สามารถปฏิเสธคำขอของซางกู้จื้อได้ “มันอาจจะต้องใช้เวลาประมาณสามสี่วันในการเดินทางไปต้าหลี่ คุณช่วยจัดการเรื่องการเดินทางได้ไหมครับ? เราสามารถออกเดินทางกันได้เลยในตอนบ่าย แต่ผมต้องการเวลาเตรียมสมุนไพรสักหน่อย”
“โอเค ฉันไม่รบกวนเธอแล้ว” ซงกู้จื้อพูด
“ไม่เลยครับ ไหนๆคุณก็อยู่ที่นี่ แล้วมันก็ใกล้จะได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว เราไปกินข้าวกลางวันด้วยกันดีไหมครับ?” หวังเย้าจัดการจองโต๊ะที่ร้านอาหารใกล้ๆอย่างรวดเร็ว
“เธอจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันอยากจะเดินดูรอบๆสักหน่อยน่ะ?” ซางกู้จื้อถาม
“ตามสบายเลยครับ” หวังเย้าพูด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซางกู้จื้อมาที่คลินิกของหวังเย้า แต่ตัวคลินิกนั้นต่างไปจากครั้งก่อนที่เขาเคยมา เพราะในเวลานั้น หวังเย้ายังไม่ได้จัดขนของเขามาไว้ในคลินิกเลย
แล้วสายตาของซางกู้จื้อก็สะดุดเข้ากับตู้เก็บยาสมุนไพร “หืมม นี่เป็นของเก่าใช่ไหม?”
เขาใช้มือลูบตัวตู้อย่างเบามือ พร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ว่ามันมีความแตกต่างยังไง แต่สำหรับแพทย์แผนจีนแล้ว สิ่งนี้คือของล้ำค่า
“ใช่ครับ” หวังเย้าตอบ
ซางกู้จื้อดึงลิ้นชักและมองดูสมุนไพรที่ถูกเก็บเอาไว้ เขาหยิบสมุนไพรบางส่วนขึ้นมาแตะตรงที่จมูก
“อืมมม สมุนไพรนี่มีคุณภาพสูงมาก” ซงากู้จื้อพูดขึ้นมา หลังจากที่ได้เปิดดูลิ้นชักแต่ละอันแล้ว “ทั้งหมดนี้คือสมุนไพรป่าเหรอ?” ซางกู้จื้อรู้สึกประหลาดใจ
“ใช่ครับ” หวังเย้าตอบ
“ว้าว วิเศษไปเลย” ซางกู้จื้อพูด
“ฉันเดินทางไปมาทั่วประเทศจีน นี่เป็นที่ที่สองที่สมุนไพรทั้งหมดเป็นสมุนไพรป่า” ซางกู้จื้อพูด
“โอ้ ที่ที่สองเหรอครับ? แล้วที่แรกคือที่ไหนเหรอ?” หวังเย้าถามด้วยความสงสัย
“ที่ทางใต้ของหยุนหนาน” ซางกู้จื้อตอบ “ที่นั่นมีเจ้าแก่ดื้อด้านนิสัยแย่เป็นเจ้าของ” เมื่อพูดถึงชายคนนั้น ซางกู้จื้อก็แสดงสีหน้าประหลาดออกมา ดูคล้ายกับว่า เขาไม่พอใจแต่ก็มีความชื่นชมอยู่ในนั้นด้วย
“ผมเดาว่า เขาจะต้องเป็นหมอที่มีชื่อเสียงมากแน่ๆ” หวังเย้าพูด
“เขาเป็นที่รู้จักอย่างมากของทางใต้ พวกเขาเรียกเขาว่า ราชายาแห่งเขตเมี่ยว” ซางกู้จื้อพูด
“ราชายา?” หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจกับชื่อเรียกนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีชื่อเรียกที่นำด้วยคำว่า “ราชา” ก็แสดงว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆสูงมาก
“ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดว่าเขาเก่งอะไรหอรก แต่ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่ที่ฉันได้เห็นเขารักษาคนไข้กับตาตัวเอง เขาใช่สูตรยาลับของเขตเมี่ยว มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก แล้วเขาก็ยังรื้อฟื้นสูตรยาโบราณบางตัวเพื่อเอากลับมาใช่ใหม่ด้วย” ซางกู้จื้อพูด
เพียงคำบรรยายง่ายๆแค่ไม่กี่ประโยค ก็สามารถทำให้หวังเย้ารู้สึกประทับใจได้แล้ว ใครที่ได้รับคำชื่นชมจากซางกู้จื้อได้ แสดงว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่สุดยอดมากอย่างแน่นอน
“เขามีชื่อว่าอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“อู่ซาน” ซางกู้จื้อพูด
“อะไรนะครับ?” หวังเย้าถามด้วยความแปลกใจ
“ถูกแล้วล่ะ ซานที่แปลว่าสามนั่นแหละ” ซางกู้จื้อพูด ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้ เขาก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน “เขาเป็นลูกคนที่สาม และนั่นก็คือสาเหตุที่เขาได้ชื่อนี้มา แล้วเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนมันเลย แม้กระทั่งหลังจากที่เขาจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าเรียกเขาว่าอู่ซานเลย เพราะทุกคนต่างก็เรียกเขาว่า ราชายา กันหมด”
(三sān = 3)
“ผมเข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพยักหน้ารับ
“แต่สมุนไพรของเธอก็ดีพอๆกับของเขาเลยล่ะนะ” ซางกู้จื้อพูด
“ชมเกินไปแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด
ในตอนที่ซางกู้จื้อกำลังสำรวจโดยรอบอยู่นั้น หวังเย้าก็เตรียมสมุนไพรไปด้วย สมุนไพรทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของที่หาได้ทั่วไป พวกมันมีสรรพคุณในการขับความร้อนสูงออกจากร่างกาย
ไม่นานก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน หวังเย้าเชิญซางกู้จื้อและหานจื้อหยูไปทานอาหารด้วยกันที่ร้นอาหารใกล้ๆ ซางกู้จื้อและหานจื้อหยู่อยู่รอหวังเย้าที่คลินิก ในขณะที่หวังเย้าขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานเพื่อไปเอาสมุนไพรราก ทั้งหญ้าพิษ, ปาเจียวถง, หลิงชานจี, และหญ้าว่านเหนียนชิง
ก่อนที่จะลงไปจากเขา หวังเย้าก็เปิดใช้งานค่ายกล แล้วเขาก็กลับไปแจ้งเรื่องการเดินทางกับคนที่บ้าน
“ลูกจะไปหยุนหนานบ่ายนี้เหรอ? ทำไมถึงได้รีบร้อนแบบนี้ล่ะ?” จางซิวหยิงถาม
“มันเป็นเรื่องด่วนที่ผมต้องรีบไปจัดการน่ะครับ ผมไปแค่สามวันเท่านั้น ผมจัดการทุกอย่างบนเนินเขาหนานชานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แค่ช่วยคอยจับตาดูเรื่องฟืนไฟก็พอ ที่เหลือก็ไม่มีอะไรให้ห่วงแล้วครับ” หวังเย้าบอกพ่อแม่ของเขา เรื่องที่เขาตั้งค่ายกลและพิษของเซียนชิวหลัว เผื่อว่าพวกเขาจะขึ้นไปบนนั้น เขายังบอกให้พ่อแม่ของเขากินยาที่สกัดจากเซียนชิวหลัวทุกวัน เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน
“แม่เข้าใจแล้วจ๊ะ ไม่ต้องห่วงพวกเรานะ” จางซิวหยิงพูด
หวังเย้า ซางกู้จื้อและหานจื้อหยูเดินทางไปถึงที่เมืองเต๋าในตอนเย็นและขึ้นเครื่องจากที่นั่น เพื่อเดินทางไปต้าหลี่
พวกเขาเดินทางไปถึงต้าหลี่ในตอนค่ำ มีรถคันหนึ่งจอดรอพวกเขาอยู่ที่สนามบินแล้ว พวกเขาใช้เวลาจัดการเรื่องสัมภาระเล็กน้อย
“นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาต้าหลี่ใช่ไหม?” ซางกู้จื้อถาม
“ครับ นี่เป็นครั้งแรกของผมเลย” หวังเย้าพูด
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะพาคุณทัวร์นะครับ” หานจื้อหยูพูด
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากที่เช็คอินเข้าโรงแรมแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกันพักผ่อน ตอนเช้า เมื่อกินข้าวเช้าง่ายๆกันเสร็จ พวกเขาก็เดินทางไปที่บ้านของหานจื้อหยู
มันเป็นบ้านแบบโบราณ มีสุภาพบุรุษวัยประมาณ 40 มารอต้อนรับหวังเย้าและซางกู้จื้อ
“สวัสดีครับ หมอซาง” ชายคนนั้นพูด “และนี่คงจะเป็นหมอหวัง”
“สวัสดีครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากที่ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าและซางกู้จื้อก็ไปที่ห้องของคนป่วย แม้จะยังไม่ได้เข้าไปด้านในห้อง หวังเย้าก็สามารถได้กลิ่นเหม็นลอยออกมาแล้ว มันคล้ายกับกลิ่นเหม็นของเนื้อที่ติดอยู่ในช่องปากเป็นเวลานานหลายเดือน
หวังเย้าและซางกู้จื้อเห็นคนคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง คนคนนั้นถูกพันด้วยผ้าพันแผลทั่วทั้งตัว ข้างๆนั้นมีธูปถูกจุดเอาไว้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสงบลง หวังเย้าสามารถมองเห็นหน้าอกที่ขึ้นลงของเขาได้ การหายใจของเขาอ่อนแรงมาก
หวังเย้าเดินเข้าไปดูใกล้ๆ คนไข้ดูเหมือนจะหลับลึกหรือไม่ก็อาจจะไม่ได้สติ
เขาจับดูชีพจรของคนไข้ มันเต้นอ่อนมาก ราวกับน้ำฝนที่หยุดผ่านรอยแตกของบ้าน มันเป็นชีพจรของคนใกล้ตาย
คนไข้ติดพิษอย่างรุนแรง และพิษก็ได้ลงลึกไปถึงอวัยวะภายในของเขาแล้ว หวังเย้าคิด อาการของเขาคล้ายกับของซูเสี่ยวซวีเลย
หลังจากที่ดูอาการของคนไข้เสร็จแล้ว เขาและซางกู้จื้อก็เดินออกไปจากห้อง
“เธอคิดว่ายังไง?” ซางกู้จื้อถาม
“พิษได้เข้าสู่อวัยวะภายในของเขาแล้วครับ ตอนนี้อาการของเขาอยู่ในขั้นวิกฤตแล้ว” หวังเย้าพูด