565 ตาแก่นั่น
“เกิดอะไรขึ้นกับราชายากัน?” คนไข้คนหนึ่งถาม “เขาไม่ตรวจคนไข้มาหกวันแล้วนะ แล้วฉันก็มารอที่นี่ตั้ง 10 วันแล้วด้วย”
“แค่ 10 วันงั้นเหรอ? นายน่าจะดีใจนะ” คนไข้อีกคนพูด “บางคนมารอที่นี่ตั้ง 20 กว่าวันแล้วด้วยซ้ำ!
ในเมื่อราชายายังไม่สามารถวิเคราะห์หาส่วนผสมของตัวยาได้ เขาจึงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้น เขาเลยไม่ได้ตรวจคนไข้มาหลายวันแล้ว เรื่องนี้ทำให้หลายคนที่มารอรู้สึกไม่พอใจ ถึงพวกเขาจะรู้อยู่แล้วก็ตาม ว่าถ้าหากเขาอารมณ์ไม่ดี เขาก็จะไม่ตรวจคนไข้
“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ราชายาจะใจเย็นลงได้” คนไข้คนหนึ่งพูด
“เฮ้อ เราก็คงได้แต่รอเท่านั้นแหละ” คนไข้อีกคนพูด พร้อมกับถอนหายใจออกมา
ผู้คนที่มารอรักษากับราชายา ต่างมองไปที่ตึกไม้ไผ่อย่างไร้หนทาง พวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้เลย
เช้าวันต่อมา ฝนโปรยลงมาบางเบา ครอบครัวหานเคลื่อนย้ายน้องชายที่ป่วยหนักขึ้นไปบนตัว และมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านของราชายา อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงจุดหมาย
“หืม วันนี้ ราชายังไม่เริ่มทำงานอีกเหรอ?” หานชิ่งพูด เขาลงมาจากรถและได้ฟังบทสนทนาของคนที่มารออยู่ก่อนแล้ว “เราต้องเข้าแถวด้วยรึเปล่า?”
“เราน่าจะไม่ต้องเข้าแถวรอนะ” หานจื้อหยูพูด “ไม่ใช่เขาบอกเราเองเหรอ ว่าให้มาหาเขาในหนึ่งอาทิตย์น่ะ?”
“นายลองไปถามดูก่อนสิ” หานชิ่งพูด
“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” หานจื้อหยูพูด
เขาลงไปจากรถและเดินตรงไปที่อาคารไม้ไผ่
“ไม่ต้องไปหรอก หลายวันมานี้ ราชายาอารมณ์ไม่ดีและไม่รับตรวจคนไข้ด้วย” คนไข้ใจดีคนหนึ่งพูด
“ขอบคุณครับ แต่ผมอยากจะลองไปดูสักหน่อยน่ะครับ” หานจื้อหยูพูด
ด้านนอกตัวอาคารไม้ไผ่ มีรั้วสูงประมาณ 1 เมตรและประตูไม้ที่มีกระดิ่งแขวนเอาไว้ หานจื้อหยูเดินเข้าไปดึงกระดิ่ง
กริ๊ง! กริ๊ง!
ชายวัยประมาณ 30 เดินออกมาจากอาคารไม้ไผ่ เขาก็คืออาเจี้ยนที่เดินทางไปต้าหลี่พร้อมกับราชายาคนนั้น
“สวัสดีครับ” หานจื้อหยูพูด
“คุณนั่นเอง คนไข้มากับคุณด้วยไหม?” อาเจี้ยนจำหานจื้อหยูได้ตั้งแต่แวบแรก
“ครับ เราพาเขามาด้วย” หานจื้อหยูพูด
“รอเดี๋ยวนะ” อาเจี้ยนเดินกลับเข้าไปในอาคารและไม่นานก็ออกมา “พาคนไข้เข้ามาได้เลย”
“โอ้ ขอบคุณครับ” หานจื้อหยูรีบเดินกลับไปที่รถ
หลังจากนั้นไม่นาน พี่น้องหานก็แบกน้องชายของพวกเขาตรงไปยังอาคารไม้ไผ่ ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนที่รออยู่ด้านนอก
“ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รักษาคนไข้เหรอ? เกิดอะไรขึ้นกัน?” คนไข้คนหนึ่งถาม
“ฉันเดาว่า ราชายาน่าจะรับปากพวกเขาเอาไว้แล้ว” คนไข้ที่มีไหวพริบพูดขึ้นมา “คนคนนั้นดูเหมือนจะป่วยหนักมากด้วย!”
“ใช่ เขาถูกพันผ้าพันแผลจนทั่วตัวเลย” คนไข้อีกคนพูด “บางทีเขาอาจจะถูกไฟครอกมาก็ได้”
“ครั้งก่อนที่ฉันมาที่นี่ ฉันได้เห็นคนที่อยู่ในสภาพเดียวกับเขานี่แหละ แล้วดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะต้องอยู่รักษาตัวนานเป็นเดือนเลยนะ” คนไข้ที่มีไหวพริบพูด
“นายเคยมาที่นี่แล้วเหรอ?” คนไข้อีกคนถาม
“ครั้งก่อน ฉันมาส่งเพื่อน่ะ แต่ครั้งนี้ ฉันตั้งใจมาเอง” เขาตอบ
ภายในอาคารไม้ไผ่ ราชายาดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก พี่น้องหานและคนของพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ
“ให้อยู่ได้แค่สองคน แล้วที่เหลือให้ออกไปให้หมด” ราชายาพูด
หานชิ่งและหานจื้อหยูคือคนที่อยู่ ส่วนที่เหลือก็ออกไปอยู่รอด้านนอก
“แกะผ้าพันแผลออก” ราชายาพูด
“ครับ” ในตอนที่หานจื้อหยูกำลังจะเอื้อมมือออกไป อาเจี้ยนก็เดินเข้าไปถึงตัวคนไข้และแกะผ้าพันแผลออกอย่างรวดเร็ว
หลังจากแกะผ้าพันแผลอกจนหมดแล้ว พวกเขาก็สามารถมองเห็นตัวยาที่ถูกทาเอาไว้ทั้งสามชั้น มันดูคล้ายกับรอยแผลเป็นที่แตกออก
“เอามันออก” ราชายาพูด
อาเจี้ยนเคาะเศษยาออก ครั้งนี้ เขาลงมือทำอย่างเบามือ เมื่อยาถูกแกะออกก็มีกลิ่นฉุนลอยออกมาด้วย
ผิวหนังน้องชายคนเล็กดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก และยังมีสีของเนื้อใหม่ให้เห็นด้วย การรักษาได้กำจัดเนื้อเสียออกไปและสร้างเนื้อใหม่ขึ้นมา
“มันได้ผล” หานชิ่งพูดเบาๆกับหานจื้อหยู
ราชายาเดินเข้าไปหาและมองดูคนไข้อย่างละเอียด เขาพูด “ยา”
อาเจี้ยนหยิบโถยาออกมาสามโถ
“เธอทำได้เลย” ราชายาพูด
“ครับ อาจารย์” อาเจี้ยนพูด
เขาลงมือทำอย่างรวดเร็ว เขาเปิดฝาโถใบแรก ตัวยามีสีเขียวและเหนียวคล้ายกับน้ำผึ้ง มันยังส่งกลิ่นฉุนแสบจมูกออกมาด้วย
การเคลื่อนไหวของอาเจี้ยนช้ากว่าครั้งก่อนที่ราชายาเป็นคนลงมือ แต่มือของเขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้ไม่มีสะดุด เขาทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
“เอาเขาลุกขึ้น” ราชายาพูด
“ครับ” หานจื้อหยูรีบเดินเข้าไปช่วย มือของเขาจึงไปโดนเข้ากับตัวยาโดยบังเอิญ เขารู้สึกได้ถึงตัวยาที่เย็นเฉียบ
หลังจากทายาชั้นแรกเสร็จ ก็ได้เวลาลงยาตัวที่สอง มันเหนียวราวกับพลาสเตอร์ ยาตัวที่สองเคลือบไปบนยาตัวแรก หลังจากนั้น ก็เป็นชั้นที่สาม ซึ่งเป็นยาผงที่ส่งใส่ลงไป
มือที่ถือโถยาของอาเจี้ยนสั่นเล็กน้อย หลังจบขั้นตอนนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อได้พักครู่หนึ่ง เขาก็จัดการพันแผลจนทั่วร่างกายของคนไข้
“ทำได้ดีมาก” ราชายาพยักหน้า เขาพอใจกับผลงานของลูกศิษย์มาก “เอาเม็ดยาฉงเฉาให้เขากิน”
“ครับ อาจารย์” อาเจี้ยนพูด
เขาเทยาที่มีขนาดพอๆกับหัวแม่มือออกมาจากขวด และป้อนให้คนไข้กิน
“โอเค กลับมาในอีก 10 วัน” ราชายาพูด
“ขอบคุณครับ” หานชิ่งและหานจื้อหยูรู้สึกโล่งใจมาก
ในระหว่างการรักษา ทั้งสองต่างก็กลัวว่า ลมหายใจของพวกเขาจะทำให้ราชายาโมโหเอาได้ มันเป็นเรื่องที่ทรมานพวกเขาอย่างมาก
“ฉันจะออกไปเรียกพวกเขาเข้ามา” หานจื้อหยูกำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยว” ราชายาพูด
“มีอะไรเหรอครับ?” หานจื้อหยูถาม
ราชายาจ้องหน้าพวกเขาทั้งสอง ไม่มีใครเดาออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งสองเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย มันให้ความรู้สึกราวกับว่า พวกเขากำลังถูกสัตย์ร้ายที่อยู่ในเงามืดจับจ้องอยู่
“พวกเธอได้ยาทั้งสามตัวนี้มาจากที่ไหน?” ราชายาถาม เขาชี้ไปที่ขวดกระเบื้องสามขวดตรงหน้าเขา
ทั้งสองแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและคิดในใจ แค่นี้เหรอ? เขาไม่เห็นจะต้องทำตัวน่ากลัวขนาดนี้ก็ได้
“เราได้มาจากหมอหนุ่มคนหนึ่งครับ” หานชิ่งพูด
“พูดให้ชัดเจนกว่านี้ด้วย” ราชายาพูด
หานชิ่งจึงได้อธิบายรายละเอียดทั้งหมดให้เขาฟัง รวมไปถึงเรื่องยาที่หวังเย้าเป็นคนขึ้นมาเองและการที่พวกเขาทำลายสัญญาที่ให้ไว้กับหวังเย้า ออกมาจนหมดเปลือก
“ซางกู้จื้อ ตาแก่นั่น” ราชายาก้มหน้าลงและนิ่งไป ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาโบกมือและพูดว่า “ไปได้”
“ครับ” สองพี่น้องพากันออกไปจากอาคาร พร้อมกับคนทั้งหมดที่พวกเขาพามา พวกเขาแบกร่างน้องชายคนเล็กและเตรียมตัวกลับ
“มือของคุณโดนยาเข้า มันอาจจะรู้สึกเจ็บและคันหน่อยนะ” อาเจี้ยนบอกกับหานจื้อหยู ก่อนที่พวกเขาจะออกไป “ไม่ต้องกลัวไป ไม่นานมันก็จะหายได้เอง”
“อ่อ ครับ” หานจื้อหยูพูด
คนไข้ที่กำลังรออยู่ด้านนอกมองดูพวกเขาแบกร่างน้องชายของพวกเขาออกมา
“นี่ เขาได้รักษารึเปล่า?” คนไข้คนหนึ่งถามขึ้นมา
“รักษาสิ” คนไข้อีกคนพูด “ไม่เห็นเหรอ ว่าผ้าพันแผลที่พันอยู่เป็นอันใหม่น่ะ?”
“ฉันจะลองไปถามพวกเขาดู” คนไข้ที่พูดขึ้นมาคนแรกเดินเข้าไปหาหานชิ่งและพูดว่า “ขอโทษนะครับ”
“มีอะไรเหรอครับ?” หานจื้อหยูถาม
“วันนี้ ราชายาจะรักษาคนไข้คนอื่นด้วยไหม?” ชายคนนั้นถาม
“พอดีเราได้นัดกับเขาเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้วน่ะครับ” หานชิ่งพูด
“อ่อ ขอบคุณครับ” ชายคนนั้นพูด
“ยินดีครับ” หานจื้อหยูพูด
พี่น้องหานเดินทางมุ่งหน้ากลับไปที่ต้าหลี่
มีคนหนึ่งที่กำลังรอรักษาจำหานจื้อเกาได้ “โอ๊ะ ฉันจำได้แล้ว! หนึ่งในพวกเขาเคยเอาสมุนไพรมาให้ราชายาเมื่อหลายวันก่อน ฉันจำคนนั้นได้”
“นายจะบอกว่า พวกเขาทำให้ราชายาไม่พอใจเหรอ?” คนไข้อีกคนถาม
“ฉันว่าไม่น่าใช่นะ” คนไข้อีกคนพูด “ถ้าเขาไม่พอใจ เขาก็คงจะไม่รักษาคนของพวกเขาแบบนี้หรอก”
…
เหลียนชาน ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง หวังเย้าขับรถออกมาจากหมู่บ้านและตรงไปที่ร้านขายต้นกล้า
“เจ้านายของคุณอยู่ไหนเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ผมนี้แหละเจ้านาย” ชายวัยประมาณ 30 ซึ่งนั่งอยู่ตรงที่เก็บเงินพูดกับหวังเย้า
“แต่ปกติผมเคยซื้อกับอีกคนนะ” หวังเย้าพูด
“เขาออกไปทำธุระข้างนอกและให้ผมอยู่แทนน่ะ” ชายคนนั้นพูด “คุณรู้จักพี่ชายผมด้วยเหรอ?”
“ผมรู้จักเขา” หวังเย้าพูด
“งั้นคุณคงจะเป็นลูกค้าประจำสินะ” ชายคนนั้นพูด “นายชื่ออะไรล่ะ?”
“ผมแซ่หวัง” หวังเย้าพูด
“คุณคือหวังเย้าใช่ใหม่?” ชายคนนั้นเผลอตะโกนชื่อของเขาออกมา
“ครับ นั่นผมเอง” หวังเย้าตอบ
“เข้ามาสิ เชิญเข้ามาข้างในก่อน” หลังจากที่ยืนยันตัวตนของหวังเย้าแล้ว ชายคนนั้นก็ปฏิบัติตัวอย่างสุภาพมากขึ้น เขาเกินนำหวังเย้าเข้าไปในออฟฟิสและชงชาให้กับหวังเย้า “พี่ชายของผมบอกเอาไว้ว่า คุณเป็นแขกคนสำคัญของร้านเรา เขายังบอกอีกว่า ให้ผมลดราคาให้คุณเป็นพิเศษด้วย อ้อ ผมชื่อว่า หลี่ชื่อหยู เรียกผมว่า เสี่ยวหลี่ ก็ได้”
“สวัสดีครับ ผู้จัดการหลี่ นี่เป็นต้นไม้ที่ผมต้องการ เอาไปดูได้เลยครับ” หวังเย้าพูด
“หยูชู, ยูคาลิปตัส, พุทรา…” หลี่ชื่อหยูอ่านดูชื่อต้นไม้อย่างละเอียด “ไม่มีปัญหา!
เขาคิดว่า ต้นไม่และพุ่มไม้ที่ลูกค้าต้องการนั้นค่อนข้างแปลก แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่พี่ชายของเขาได้บอกเอาไว้แล้ว เขาก็เลิกคิดเรื่องนั้นไป
“คุณต้องการต้นไม้พวกนี้เมื่อไหร่เหรอ?” หลี่ชื่อหยูถาม
“ภายใน 7 วันครับ” หวังเย้าพูด “ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ คุณก็โทรบอกผมได้เลย”
จากนั้น หวังเย้าก็ให้เบอร์โทรของเขาไป