590 กระต่ายที่เชื่อฟัง
“ยาหนึ่งถ้วยกับผ้าพันแผลเท่านั้น ราคาเป็นหมื่นเลยเหรอ?” หลี่จูฉ่ายตกใจกับราคาที่เขาได้ยิน
ความรู้สึกขอบคุณที่มีให้หวังเย้าก่อนหน้านี้ได้หายไปทันที และทัศนคติที่มีต่อหวังเย้าก็เปลี่ยนไป
โลภเกินไปแล้ว! ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อน?
“แพงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม “แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะ ยาหนึ่งถ้วยกับชีวิตของพี่ อันไหนแพงกว่ากันครับ? พี่ก็น่าจะคิดได้”
“ฟังนะ เสี่ยวเย้า เราต่างก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน นายช่วยลดให้หน่อยได้ไหม?” หลี่จูฉ่ายถาม
“ขอโทษด้วย ผมลดให้ไม่ได้ครับ” หวังเย้าพูด
“ฟังนะ ตอนนี้ฉันไม่ได้พกเงินติดตัวมาเยอะเท่าไหร่” หลี่จูฉ่ายพูด “ฉันมีแค่ 300 หยวนเท่านั้น ฉันขอจ่ายที่เหลือทีหลังได้ไหม?” ไม่มีใครเค้าพกเงินเป็นหมื่นติดตัวกันหรอก
หวังเย้าไม่ได้พูดอะไร เขามองดูหลี่จูฉ่ายอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้เลย
“ก็ได้” หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง เขาก็พยักหน้า
เมื่อออกมาจากคลินิก หลี่จูฉ่ายก็มีท่าทางโมโหอย่างมาก แม้กระทั่งกลับไปถึงที่บ้านแล้ว เขาก็ยังโมโหไม่หาย
“เป็นอะไรไปน่ะ?” ภรรยาของเขาถาม
“อย่าให้ฉันพูดเลย! ฉันไปเจอหมอโลภมากมาน่ะสิ คิดไม่ถึงเลย ว่าเขาจะเป็นคนโลภมากขนาดนี้ได้!” เขาเล่าเรื่องที่หวังเย้าคิดเงินค่ายาให้ภรรยาของเขาฟังสั้นๆ
“ทำไมมันถึงได้แพงขนาดนี้?” ภรรยาของเขาถาม
“ตอนที่ฉันปวดหัวแล้วไปหาเขา เขาไม่คิดเงินแม้แต่หยวนเดียว แล้วยังนวดให้ฉันฟรีๆอีกด้วย” พ่อของหลี่จูฉ่ายพูด “บางที ยาที่เขาเอาให้ลูกกินอาจจะมีราคาแพงจริงๆก็ได้นะ”
“แล้วยาอะไรกันที่มีราคาแพงเป็นหมื่นน่ะ?” หลี่จูฉ่ายเชื่อไม่ลง
“ช่างมันเถอะ เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว แล้วมีหมอจากในเมืองมาตรวจสุขภาพทุกคนอีกรอบแล้วนะ” พ่อของหลี่จูฉ่ายพูด
หลังจากที่เสร็จงานที่คลินิก หวังเย้าก็เดินทางไปที่ที่ทำการหมู่บ้าน แพทย์จากโรงพยาบาลเขตเหลียนชานได้เจาะเลือดของเขาไปและวัดอุณหภูมิร่างกายของเขา หลังจากนั้น หวังเย้าก็กลับไปที่คลินิก
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยในเมืองก็พบบางอย่างจากในตัวอย่างดินที่เก็บมาจากเนินเขาซีชาน
“หัวหน้าหลิวครับ เราพบไวรัสอยู่ในดินที่หัวหน้าเอากลับมาด้วยครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูด
“ฉันขอดูหน่อยซิ” หัวหน้าหลิวที่เป็นชายวัยประมาณ 50 พูด “ใช่จริงๆด้วย!”
เขารู้สึกตกใจกับผลตรวจมาก ต้นกำเนิดของไวรัสชนิดนี้กลับเกิดจากเนินเขาลูกนั้น
“แจ้งเรื่องนี้ให้กับทางสาธารณสุขของห่ายชิว บอกให้พวกเขากำจัดไวรัสในพื้นที่บริเวณนั้นให้ทั่ว พวกจำเป็นต้องลงมืออย่างเร่งด่วนที่สุด” หัวหน้าหลิวพูด
ผู้ช่วยของเขาติดต่อไปยังสาธารณสุขของห่ายชิว ซึ่งพวกเขาก็ได้ลงมืออย่างรวดเร็ว พวกเขาได้ทำการขนอุปกรณ์ต่างๆเดินทางไปยังหมู่บ้านด้วยรถอย่างเร็วที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” หลังจากเห็นรถขับเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านคนหนึ่งก็ตั้งคำถามขึ้นมา
“พวกเขาเอาสารเคมีมาด้วยล่ะ” ชาวบ้านอีกคนพูด
คนเหล่านั้นสวมชุดป้องกันพร้อมกับถือสารเคมีเดินตรงไปยังเนินเขาทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน
“พวกเขากำลังขึ้นไปบนเนินเขาซีชานล่ะ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด
“มีอะไรอยู่บนนั้นเหรอ?” ชาวบ้านอีกคนถาม
พวกเขาต่างก็สงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“พยายามอย่าให้ชาวบ้านมารวมตัวกันแถวๆนี้ล่ะ” เจ้าหน้าที่ของทางสาธารณสุขที่รับหน้าที่จัดการกับโรคระบาดพูด พวกเขายังคงไม่มั่นใจว่า มีชาวบ้านคนอื่นในหมู่บ้านติดเชื้ออีกไหม หรือไวรัสแพร่กระจายไปสู่คนได้ยังไง
“ได้ครับ ผมจะจัดการให้ดีที่สุด แต่มันคงไม่ง่ายเท่าไหร่” หวังเจียนหลี่พูด
หลังจากที่เห็นว่ามีแพทย์จำนวนมากเดินทางมาที่หมู่บ้าน ชาวบ้านต่างก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา ทุกคนเอาแต่มาถามกับหวังเจียนหลี่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“พยายามอย่าทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนก หลังจากพวกเขากำจัดไวรัสบนเขาแล้ว พวกเขาก็จะเข้าไปฆ่าเชื้อในหมู่บ้านด้วย” เจ้าหน้าที่แผนกโรคระบาดพูด
“โอเคครับ” หวังเจียนหลี่พูด
เขาไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไป แต่เขาเลือกที่จะเดินไปบอกตามบ้านแต่ละหลัง และขอให้ชาวบ้านบอกเรื่องนี้กับญาติๆของพวกเขาอีกต่อหนึ่ง
บนเนินเขา เจ้าหน้าที่จากแผนกโรคระบาดได้ทำการฆ่าเชื้อไวรัสด้วยสารเคมีความเข้มข้นสูง พวกเขาจัดการปิดหลุมด้วยปูนขาวในปริมาณมาก สุดท้าย พวกเขายังปิดบริเวณนี้ด้วยเทปเหลืองอีกชั้น
“มันมีมากกว่าหนึ่งที่เหรอ?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามขึ้นมา เมื่อพวกเขาบังเอิญเจอเข้ากับหวังเจียนหลี่และหวังเย้าในระหว่างทางที่พวกเขากำลังจะกลับ
“ใช่” หวังเจียนหลี่พูด
“ช่วยพาเราไปที” เจ้าหน้าที่พูด
หวังเย้าและหวังเจียนหลี่พาเจ้าหน้าที่ไปที่อีกหลุมหนึ่ง และพื้นดินต่างระดับอีกจุด ทั้งสองที่ล้วนแล้วแต่ปกคลุมด้วยดินสีดำ เจ้าหน้าที่จากแผนกโรคระบาดจึงได้จัดการฆ่าเชื้อเหมือนกับหลุมก่อนหน้าที่ เมื่อสารเคมีที่ใช้ฆ่าเชื้อหมด ก็ได้มีการส่งสารเคมีมาเพิ่มจากในตัวเมือง เมื่อพวกเขาเห็นว่ามีก้อนหินถูกปกคลุมด้วยดินสีดำ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงกันดี
“นี่มันอะไรกันน่ะ?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูด
“แค่จัดการไปก็พอ” เจ้าหน้าที่อีกคนพูด
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยาก แต่พวกเขาก็พยายามกำจักไวรัสบนก้อนหินและพื้นดินโดยรอบอย่างสุดความสามารถ แล้วพวกเขาก็เปลี่ยนก้อนหินสีดำให้กลายเป็นสีขาวด้วยปูนขาว
พวกเขาทำงานไปจนถึงตอนกลางวัน พวกเขาพักเบรกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มลงมือกำจัดไวรัสภายในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นงานที่ยากกว่ามาก พวกเขาแบกสารเคมีและเดินพ่นตามท้องถนนในหมู่บ้าน เรื่องนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านอย่างมาก
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของหมู่บ้านถาม
“มันจะต้องมีโรคระบาดในหมู่บ้านของเราแน่ๆ ฉันว่า เราคงจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากหมู่บ้านด้วย” หญิงชาวบ้านคนหนึ่งพูด
และก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาดเดากันเอาไว้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาที่หมู่บ้านในเวลาต่อมา
“พวกเขามาทำอะไรที่นี่เหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้นมา
“มาดูแลความเรียบร้อยน่ะสิ” ชาวบ้านวัยรุ่นคนหนึ่งพูด
“แต่ฉันว่า หมู่บ้านของเราก็ปลอดภัยและเรียบร้อยดีอยู่แล้วนะ” ชาวบ้านวัยกลางคนพูด
“บางที พวกเขาอาจจะไม่อยากให้เราออกไปจากหมู่บ้านก็ได้” ชาวบ้านวัยรุ่นพูด
“ก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้” ชาวบ้านวัยกลางคนพูด
ทุกคนในหมู่บ้านต่างกำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่หยุด พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ความตื่นตระหนกได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
ในตอนบ่าย หวังเย้านำกระต่ายอีกตัวเข้าไปไว้ในกรง หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็นำกระต่ายออกมาจากกรง และนำมันใส่เข้าไปในกรงหินอีกอัน ซึ่งมีก้อนหินวางอยู่แทนที่ดินสีดำ
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเอาแต่เห่าไม่ยอมหยุด
“นายกำลังพยายามจะบอกอะไรฉันเหรอ ซานเซียน?” หวังเย้าถามออกมาด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่า ซานเซียนสามารถเข้าใจคำถามของเขาได้ “นายจะถามว่า ฉันไปได้กระต่ายตัวนี้จากที่ไหนใช่ไหม? แน่นอนว่าฉันซื้อมันมา” มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหาซื้อกระต่ายสักตัวจากในหมู่บ้าน
หวังเย้านั่งอยู่ข้างๆกรง และเฝ้ามองกระต่ายที่อยู่ภายในนั้น เหมือนกับที่เขาทำเมื่อวาน
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป กระต่ายยังคงเงียบอยู่ สองชั่วโมงต่อมา กระต่ายก็ยังคงเงียบ
มันไม่เป็นอะไรเลยเหรอ?
ไม่นาน ตะวันก็ตกดิน แสงตะวันแดงก่ำราวกับสีเลือด
สามชั่วโมงผ่านไป กระต่ายก็เงียบเหมือนเดิม ดูเหมือนมันจะหิวแล้ว
“มานี่สิ ฉันจะเอาอาหารให้แกกิน” หวังเย้าพูด
หวังเย้าเอาแครอทให้กระต่ายหนึ่งหัว และกระต่ายก็รักมัน
หรือจะเป็นเพราะระยะเวลาที่กระต่ายอยู่ในกรงนั้นสั้นเกินไป หรือจะเป็นเพราะไวรัสน้อยไป?
“ช่างมันเถอะ นายกินอาหารไปซะนะ” หวังเย้าพูด
หลังจากที่กระต่ายกินเสร็จแล้ว หวังเย้าก็นำตัวมันใส่กลับเข้าไปในกรงหินที่มีดินดำอยู่ หลังจากผ่านไปได้สองชั่วโมง เขาก็นำกระต่ายออกมาและใส่เข้าไปในอีกกรงหนึ่ง เขาทำการสังเกตกระต่ายต่อไป
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง กระต่ายที่อยู่ภายในกรงยังคงเป็นปกติดี
“นายหิวรึยัง ซานเซียน?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง!
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ” หวังเย้าพูด
สามชั่วโมงต่อมา ท้องฟ้าก็มืดสนิท หวังเย้ายังคงนั่งสังเกตอาการของกระต่ายอยู่ที่เดิม และมันก็ยังคงเป็นปกติดี
“นายยังปกติดีสินะ” หวังเย้าพูด “ตอนนี้ ได้เวลาอาหารเย็นของฉันแล้ว”
เขาเดินเข้าไปในกระท่อม เพื่อทำบะหมี่และไข่ทอดเป็นอาหารเย็นสำหรับตัวเอง เขาหั่นเนื้อครึ่งหนึ่งให้กับตัวเอง ส่วนอีกครึ่งก็แบ่งให้กับซานเซียน
“เอานี่ไป” หวังเย้าพูด
ด้านนอกเงียบสงบ หวังเย้าสามารถได้ยินเสียงลมพัดโดนใบหญ้า
ชาวบ้านหลายคนไม่สามารถหลับตาลงได้
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?” หวังเจียนหลี่ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ และกลับตัวไปมาอยู่บนเตียง
ช่วงหลังมานี้ เกิดเรื่องมากมายขึ้นในหมู่บ้าน กลุ่มแพทย์ทั้งจากเขต, เมือง, และจังหวัดต่างก็เดินทางมาที่หมู่บ้าน แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่นก็ยังมาที่หมู่บ้านเหมือนกัน แพทย์ได้ทำการตรวจสุขภาพของชาวบ้านทุกคน พวกเขาแทบจะปิดทางเข้าออกของหมู่บ้าน เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“เลิกกังวลได้แล้ว หลับเถอะนะ” ภรรยาของเขาพูด
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” หวังเจียนหลี่พูด
ค่ำคืนได้ผ่านพ้นไป
เช้าวันต่อมา ชาวบ้านคนหนึ่งต้องการออกไปจากหมู่บ้าน
“ฉันแค่อยากจะออกไปแค่แปบเดียวเท่านั้น ทำไมฉันจะต้องลงทะเบียนอะไรพวกนี้ด้วย?” ชายชาวบ้านรู้สึกไม่พอใจ
“ถ้าไม่อยากลงทะเบียนก็กลับบ้านไปซะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดอย่างเย็นชา
“ไม่ ฉันต้องออกไป” เขาพูด
หมู่บ้านโดนล้อมเอาไว้เกือบหมด
“พี่ ดูเหมือนจะร้ายแรงอยู่นะ” เฉินโจวพูดในขณะที่กำลังกินแอปเปิ้ลอยู่ เขามองผ่านหน้าต่างไปทางเหนือของหมู่บ้าน
“ดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเขาก็ควรจะระวังเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว” เฉินหยิงพูด
“หมอหวังจะสามารถรักษาคนที่ติดเชื้อได้ไหม?” เฉินโจวถาม
“พี่คิดว่าน่าจะได้นะ ผู้ชายที่โดนกัดคนนั้นตอนนี้ก็ดูปกติดีนี่” เฉินหยิงพูด
หวังเย้ายังคงเฝ้ามองกระต่ายอยู่บนเนินเขาหนานชาน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดทั้งคืน
“มันปกติดี การแตะต้องทรายไม่ได้ทำให้มันป่วย” หวังเย้าพูด “มันจะต้องมีการแพร่เชื้อทางอื่นแน่”
เขาทิ้งกระต่ายไว้อีกด้านหนึ่ง และบันทึกผลการทดลองของเขา
เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้าน พันจวินก็มุ่งหน้าไปที่คลินิกของหวังเย้า
“ไม่มีใครอยู่ที่นี่เหรอ?” พันจวินเห็นป้ายแขวนเอาไว้ที่หน้าประตู “เขาไปไหนนะ?”