624 ชายที่หลับใหล ตื่นขึ้นมาในทุกๆสามวัน
“โอ้โห พี่เขยถือไพ่ได้แล้วด้วย” น้องเขยของเหอชื่อหลี่พูด “พี่เขยดูไม่มีปัญหาเลยสักนิด”
การเล่นไพ่จำเป็นต้องใช้สองมือทำงานประสานกัน ซึ่งจะขาดข้างใดข้างหนึ่งไปไม่ได้
“อืม ใช่แล้วล่ะ หมอก็บอกมาแบบนั้นเหมือนกัน เขายังบอกให้กลับไปเช็คอีกรอบตอนผ่านไปได้เดือนหนึ่งแล้วด้วย” เหอชื่อหลี่ยิ้ม นิ้วมือของเขายังไม่ได้หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังคงขยับติดๆขัดๆอยู่บ้าง แต่หากฝึกบ่อยๆ เขาก็จะสามารถใช้งานนิ้วมือได้เป็นปกติอีกครั้ง
“ค่ารักษาเท่าไหร่เหรอ?” น้องเขยของเขาถาม
“ค่ารักษาครั้งละ 200 หยวน ทั้งหมดเป็น 1,000 หยวน” เหอชื่อหลี่พูด
“นั่นไม่ถือว่าแพงเลยนะ ขอแค่รักษาหายได้ จะต้องจ่ายเป็นหมื่นก็ไม่ใช่ปัญหา แค่พันเดียวไม่ถือว่าแพงเลยสักนิด” น้องเขยของเขาพูด
“ใช่ หนูก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ” ลูกสาวของเหอชื่อหลี่พูด
“แสดงว่าหมอคนนี้ต้องเก่งมากแน่ๆ” น้องเขยพูด “เขาอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“อยู่ที่หมู่บ้านหวังเจีย เป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางเขาน่ะ” เหอชื่อหลี่พูด
“ดีล่ะ ฉันจะจดที่อยู่เอาไว้” น้องเขยพูด “อาการป่วยแบบนี้เป็นหันหลายคนมาก เมื่อไม่กี่วันก่อน จ้าวหงหยิงล้ม แล้วหล่อนก็ลุกขึ้นไม่ได้อีกเลย พี่เขยต้องใส่ใจตัวเองให้มากๆนะ ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนก็ต้องรีบบอกพวกเรา ครั้งก่อนที่พี่หมดสติไป เลยทำให้การรักษาล่าช้าไปด้วย”
“อืม ได้เลย ฉันจะใส่ใจตัวเองให้มากกว่านี้” เหอชื่อหลี่พูด
ทั้งครอบครัวต่างใช้เวลาอย่างมีความสุข โดยเฉพาะเหอชื่อหลี่ สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด และคุ้มค่ากับความสุขที่ได้รับ
…
ปักกิ่ง
“เจ้าหญิงของแม่ ลูกอยากจะไปที่ไหนจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงพบว่า ช่วงหลังมานี้ ลูกสาวของเธอไม่ค่อยอยากอาหารหรือเครื่องดื่มเลย เธอดูเบื่อและอยากจะออกไปเที่ยว
“หนูอยากไปเหลียนชานค่ะ คุณแม่” ซูเสี่ยวซวีพูดออกมาโดยไม่ลังเล
“ที่ไหนนะจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงอึ้ง “ลูกจะไปที่นั่นทำไมกัน? จะไปหาหมอหวังเหรอจ๊ะ?”
“ใช่ค่ะ หนูมีปัญหาเรื่องการฝึก หนูจำเป็นต้องปรึกษาเรื่องนี้กับหมอหวังค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ปัญหา? ปัญหาอะไรจ๊ะ? มันร้ายแรงมากไหม?” ซงรุ่ยปิงถามอย่างร้อนรน
เธอไม่ได้ชอบเลย ที่ลูกสาวของเธอฝึกกำลังภายในแบบนี้ ถึงแม้ว่าหมออาวุโสทั้งสองคนจะบอกว่า มันเป็นสิ่งที่คนนับไม่ถ้วนต่างไขว่คว้า แต่เธอก็ยังกลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีกับลูกสาวของเธออยู่ดี เธอยังเคยเปรยเรื่องนี้อยู่สองสามครั้ง แต่ลูกสาวของเธอกลับมีความแน่วแน่อย่างมาก ดังนั้น เธอจึงเลิกพูดเรื่องนี้ไป และดูเหมือนว่า ตอนนี้จะเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นแล้ว
“มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลยค่ะ อย่ากังวลไปเลยนะคะ” ซูเสี่ยวซวียิ้ม
“ลูกกำลังแกล้งหลอกให้แม่กลัวอยู่ใช่ไหม?” ซงรุ่ยปิงมองดูลูกสาวที่กำลังหัวเราะอยู่ และเข้าใจว่าซูเสี่ยวซวีกำลังคิดอะไร “พรุ่งนี้ ลูกไปกับชูเหลียนก็แล้วกันนะ”
“ได้ค่ะ คุณแม่ คุณแม่รักหนูมากที่สุดเลย!” ซูเสี่ยวซวีมีความสุข เธอเดินเขาไปกอดแม่ของเธอเอาไว้
“ปากหวานจริงนะ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องจำเอาไว้ ตอนที่ออกไปข้างนอก ลูกต้องเชื่อฟังชูเหลียนนะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“ได้ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
เฮ้อ! ซงรุ่ยปิงได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆ
…
ในหมู่บ้านกลางเขา สายฝนของฤดูใบไม้ผลิโปรยลงไปบางเบา
มีรถหลายคันขับเข้ามาภายในหมู่บ้าน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นรถหรูราคาแพง พร้อมทั้งมีรถทัวร์คันหนึ่งตามมาด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบไม่เคยได้เห็นในหมู่บ้านแห่งนี้ ชาวบ้านหลายคนเดินกางร่มออกมาดูด้วยความสนใจ
“พวกเขามาจากที่ไหนกันน่ะ?” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นมา “พวกเขาจะต้องรวยมากแน่ๆ”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาหาลูกชายของหวังเฟิงฮวานะ” ชาวบ้านอีกคนพูด
“เฮ้อ พวกคนรวยนี่ต่างกับเราจริงๆเลยนะ” ชาวบ้านอีกคนพูด “นั่นใช่รถบ้านรึเปล่า?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้เห็นรถบ้าน
ซุนหยุนเชิงลงมาจากรถและเดินเข้าไปในคลินิก และเขาก็ได้บอกกับหวังเย้าเอาไว้แล้ว ว่าเขาจะเดินทางมาที่นี่ “เชียนเชิง ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณอีกแล้วนะครับ”
“เขามาด้วยเหรอ?” หวังเย้าถาม
“เขาอยู่ข้างนอกครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“พาเขาเข้ามาได้เลยครับ” หวังเย้าพูด
ซุนหยุนเชิงเดินออกไปด้านนอกและพูดบางอย่างกับคนเหล่านั้น ประตูรถถูกเปิดออก ชายร่างกายกำยำหลายคนได้แบกเตียงที่มีคนคนหนึ่งนอนอยู่ออกมาจากรถ พร้อมกับกางร่มกันฝนเอาไว้ ทั่วทั้งร่างของคนไข้มีผ้าห่มคลุมอยู่จนแทบมิดหัว
“โอ้ นั่นใครกันน่ะ?” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“เขาจะต้องเป็นคนที่รวยมากแน่ๆ” ชาวบ้านอีกคนพูด
มีชาวบ้านเดินเข้ามามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ
เหล่าชายที่กำลังแบกเตียงอยู่ทำงานอย่างคล่องแคล่วและว่องไว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทำแบบนี้ คนไข้ถูกพาตัวเข้าไปด้านในคลินิกของหวังเย้า
แก้มของคนไข้ซูบตอบ ราวกับว่า ตัวเขาเหลือแค่กระดูกกับผิวหนังเท่านั้น ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ เขาอยู่ในอาการเซื่องซึมและแทบจะไม่เหลือลมหายใจ
“หมอหวัง นี่คือ เจิ้งชื่อฉง หรือคุณเจิ้งครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“สวัสดีครับ หมอหวัง” ผู้นำของกลุ่มคนที่พาตัวคนไข้มา เป็นชายวัยประมาณ 40 เขามีใบหน้าเหลี่ยมและคิ้วเข้ม บนใบหน้าของเขาไร้รอยยิ้มและอารมณ์
อาจจะพูดได้ว่า ชายคนนี้มีพลังชั่วร้ายอยู่รอบตัวอย่างหนาแน่น และพลังแบบนี้ หวังเย้าเคยเห็นจากคนคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ อาหาว
“สวัสดีครับ เชิญนั่ง แล้ววางคนไข้เอาไว้ตรงนี้ได้เลยครับ” หวังเย้าเดินเข้าไปดูคนไข้ใกล้ๆ
ชีพจรของชายหนุ่มเต้นอ่อนมาก และการเต้นของหัวใจก็อ่อนด้วยเช่นกัน อัตราการเต้นหัวใจของคนปกติอยู่ที่ 70ครั้งต่อนาที แต่ของชายคนนี้เต้นไม่ถึง 40 ครั้งต่อนาทีด้วยซ้ำ ในสถานการณ์ทั่วไป มันจะเกิดขึ้นได้กับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำเท่านั้น
ยา!
หวังเย้าเดาได้ในทันทีว่า จะต้องมีคนใช้ยาบางอย่างเพื่อคงสภาพของเขาเอาไว้ “คนไข้อยู่ในสภาพนี้นานแค่ไหนแล้วครับ?”
“เขามีอาการเซื่องซึมแบบนี้ได้ครึ่งปี และป่วยมาได้ปีหนึ่งแล้วครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด
“ตอนนี้ เขากินยาอะไรบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
เจิ้งชื่อฉงมีอาการลังเล “เขากินยาของชาวเมี่ยวครับ”
“ยาของชาวเมี่ยว? มันมาจากเขตเมี่ยวใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่” เจิ้งชื่อฉงพูด
“เป็นยาของราชายาเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“คุณรู้เรื่องของเขาด้วยเหรอครับ?” ดวงตาของเจิ้งชื่อฉงเป็นประกาย
“ผมพอจะได้ยินเรื่องของเขามานิดหน่อยน่ะครับ” หวังเย้าพูด
“อ่อ” มีเสียงพึมพำดังลอดผ่านลมหายใจของเจิ้งชื่อฉง คนหนึ่งอยู่ทางใต้ ส่วนอีกคนก็อยู่ทางเหนือ
“แล้วยา เป็นยาจากราชายาเหรอครับ?” หวังเย้าถามอีกครั้ง “คุณได้พบกับเขาไหม?”
“ไม่ใช่เขาหรอกครับ แต่เป็นลูกศิษย์ของเขา” เจิ้งชื่อฉงพูด “เราพยายามจะเข้าพบราชายาแล้ว แต่เขาก็ปฏิเสธ เราไปเจอกับลูกศิษย์ของเขา แต่มันก็ไม่ใช่ยาจากราชาอยู่ดี มันสามารถชะลอการเสื่อมสภาพของร่างกายและคงสภาพให้อยู่ในสภาวะนอนหลับตลอดเวลาน่ะครับ”
“แล้วเขาตื่นบ่อยแค่ไหนครับ?” หวังเย้าถาม
“ทุกๆสามวันครับ” เจิ้งชื่อฉงตอบ
เขาตื่นขึ้นมาในทุกๆสามวัน และจะได้รับอาหารที่ทำมาเป็นการเฉพาะ เขาจะกินยาที่ทำให้เขาอยู่ในสภาวะหลับใหลอย่างต่อเนื่อง
หลังจากตรวจดูคนไข้แล้ว หวังเย้าก็พอจะเข้าใจอาการของเขาได้พอสมควร อวัยวะภายในของเขาล้มเหลว มีพิษไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาในปริมาณมาก และไม่สามารถลดทอนลงหรือกำจัดออกไปได้ โดยสรุป เขานั้นสิ้นหวังแล้ว
“หมอหวัง พอจะมีทางช่วยเขาได้ไหมครับ?” เจิ้งชื่อฉงถาม
“ผมลองรักษาเขาดูได้ แต่คุณก็ต้องฟังผมในระหว่างที่ทำการรักษาอยู่ด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด “ต้องจำเอาไว้ด้วยว่า ผมไม่มั่นใจว่าจะสามารถรักษาเขาให้หายได้รึเปล่า”
“ไม่มีปัญหาครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด
“ผมจะเอายาให้เขากินก่อนนะครับ” หวังเย้าหยิบเอาเม็ดยาจิ่วเฉาออกมา และป้อนมันให้กับคนไข้
สภาพร่างกายของชายหนุ่มเป็นเหมือนกับเรือที่อยู่ในสภาพผุพังเต็มไปด้วยรูพรุน และสามารถอับปางลงท่ามกลางพายุได้ทุกเมื่อ ร่างกายของเขานั้นไม่ต่างจากคนป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายเลย เพราะโรคที่อยู่ภายในร่างกายของเขาไม่สามารถกำจัดออกไปได้ด้วยยาทั่วๆไป ซึ่งเป็นเรื่องที่เลวร้ายและเป็นปัญหาอย่างมาก
“หมอหวัง คุณพอจะบอกแผนการรักษาให้ผมฟังหน่อยไห้ไหมครับ?” เจิ้งชื่อฉงถาม
“เราจำเป็นต้องทำให้ร่างกายของเขากลับแข็งแรง กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและขับพิษออกจากร่างกายครับ” หวังเย้าพูดสรุปแบบคร่าวๆ “สุดท้ายก็คือ การฟื้นฟูกำลัง”
“แล้วการรักษาจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนครับ?” เจิ้งชื่อฉงถาม
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” หวังเย้าพูด
“เข้าใจแล้วครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด
เขาจัดการสั่งงานคนของเขาในทันที จากนั้น เขาก็หันไปถามซุนหยุนเชิง “ผมขอยืมบ้านพักของคุณจะได้ไหมครับ?”
“ได้สิครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะจดจำความช่วยเหลือของคุณเสมอครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด
“เกรงใจเกินไปแล้วล่ะครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“หมอหวัง มีอะไรที่ผมต้องทำอีกไหมครับ?” เจิ้งชื่อฉงถาม
“เอายาให้เขากินพรุ่งนี้เช้าทีนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้ครับ ขอบคุณมาก” เจิ้งชื่อฉงสั่งให้คนแบกร่างคนไข้ออกไปจากคลินิก
“หมอหวัง ผมขอตัวกลับไปกับพวกเขาก่อนนะครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
เขาเดินออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ และนำทุกคนไปที่บ้านพักของเขา
“หมอหวังมีข้อห้าม หรือกฎเกณฑ์อะไรที่เราต้องปฏิบัติตามไหมครับ?” เจิ้งชื่อฉงกระซิบถาม
ตอที่พวกเขาอยู่ที่เขตเมี่ยว พวกเขาเผลอทำผิดกฎของราชายาเข้า เรื่องนี้ได้ทำให้ราชายาไม่พอใจจนไล่พวกเขาออกไปและปฏิเสธที่จะให้การรักษา ถ้าหากไม่ใช่เพราะ พวกเขาจ่ายเงินไปก้อนใหญ่และใช้เส้นสายละก็ พวกเขาก็คงจะไม่ได้เจอกับลูกศิษย์ของราชายาด้วยซ้ำ
“กฎเหรอครับ? คุณห้ามไปที่บ้านของเขา หรือรบกวนคนในครอบครัวของเขา พยายามอย่าทำตัวเด่น เวลาอยู่ในหมู่บ้าน” ซุนหยุนเชิงตอบ