632 ความดีจากการช่วยชีวิต อาจจะไม่ได้รับการจดจำเสมอไป
“งานของนายยุ่งมาก ไม่จำเป็นต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก” ซูเสี่ยวซวีพูด
“มันไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด” กั๋วเจิ้งเหอยิ้มและโบกไม้โบกมือ เดิมที เขาอยากจะเช่าบ้านอยู่ในหมู่บ้านสักหลัง แต่เวลานี้กลับไม่มีบ้านว่างให้เช่าเลยสักหลัง
การได้งีบหลับหลังมื้อเที่ยง เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย เฉินโจวก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะนอนกลางวัน ซูเสี่ยวซวีก็งีบไปครู่หนึ่งเช่นเดียวกัน
หลังจากตื่นนอน เฉินหยิงก็เดินออกไปที่บริเวณลานบ้านและคุยกับชูเหลียนเสียงเบา
“ที่กั๋วเจิ้งเหอมาที่นี่ มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงเหรอ?” เฉินหยิงถาม
ความบังเอิญแบบนี้มันดูน่าสงสัยมากกว่า
ดวงตาของชูเหลียนสว่างวาบ มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็แสดงว่ามีปัญหาแล้ว มีแค่ไม่กี่คนที่จะรู้ว่า เธอและซูเสี่ยวซวีเดินทางมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ปล่อยให้ข่าวนี้หลุดออกไป จะต้องโดนสอบสวน
“กั๋วเจิ้งเหอดูเหมือนจะติดตามเธออย่างใกล้ชิดมาก” เฉินหยิงพูด
“ใช่” ชูเหลียนพูด
เธอและเฉินหยิงต่างก็ซื่อสัตย์ต่อตระกูลซู พวกเธอรู้จักกันมาเป็นเวลานานมากแล้ว ดังนั้น พวกเธอจึงสามารถพูดเรื่องบางเรื่องกันได้อย่างอิสระ
“ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่เลย” เฉินหยิงพูด
“ฉันเห็นด้วย นายท่านซูกับภรรยาคงจะมีแผนของพวกเขาอยู่แล้ว” ชูเหลียนพูด
“ฉันก็ได้แต่หวังว่า มันจะไม่เป็นการดึงเอาปัญหามาให้หมอหวังนะคะ” เฉินหยิงพูด
“หมอหวังก็น่าจะพอรู้ตัวอยู่แล้วล่ะ” ชูเหลียนพูด “เธอไม่เห็นเหรอ? ว่าเจ้าหญิงของเราหลงเขาขนาดไหนน่ะ!”
ใครก็ตามที่คิดจะลองสังเกตดูสักหน่อย ก็จะมองเห็นถึงสายตาที่ซูเสี่ยวซวีใช้มองหวังเย้าได้ และชูเหลียนก็ยิ่งมองเห็นได้ชัดกว่าใครๆ
“ฉันกลัวว่า มันจะเป็นรักที่ไม่ได้รับการตอบรับน่ะสิ” เฉินหยิงพูด
“ฉันได้ยินมาว่า หมอหวังมีแฟนอยู่แล้วคนหนึ่ง” ชูเหลียนพูด
“ใช่ ฉันเคยเจอเธอที่ปักกิ่งครั้งหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งเลยล่ะ” เฉินหยิงพูด “แต่…”
“แต่อะไร?” ชูเหลียนถาม
“ฉันไม่เคยพบเธอตอนอยู่ที่นี่เลยสักครั้ง แล้วก็ไม่เคยเห็นหมอหวังพูดถึงเธอเลยด้วย” เฉินหยิงพูด
“หรือพวกเขาจะเลิกกันไปแล้ว?” ชูเหลียนถาม
“เอ่อ…ฉันไม่กล้าถามเขาหรอก” เฉินหยิงพูด
“ถ้าคุณชายกั๋วรู้ว่าคุณหนูชอบหมอหวังอยู่ เธอคิดว่า เขาจะทำอะไรบางอย่างไหม?” ชูเหลียนถาม
“ถ้าดูจากนิสัยของเขาแล้วละก็ เขาคงจะต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องการแอบเล่นงาน” เฉินหยิงพูด
สำหรับกั๋วเจิ้งเหอนั้น เมื่อเฉินหยิงมั่นใจเรื่องข่าวของเขาแล้ว ตั้งแต่นั้นมา เธอก็พยายามอยู่ห่างเขาให้มากที่สุด ในความคิดของเธอนั้น เขาเป็นคนที่มีใบหน้าอบอุ่นราวกับแสงตะวัน แต่กลับกลายเป็นเหมือนปีศาจร้าย เมื่อมีใครไปแหย่เขาเข้า เธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับเขาเป็นการดีที่สุด
เฉินหยิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงหวังเย้าขึ้นมา เธอกำลังคิดอยู่ว่า เธอควรจะไปเตือนเขาเรื่องนี้ดีหรือไม่
“คนสองคนมีจุดยืนที่ต่างกัน ถ้ากั๋วเจิ้งเหอคิดจะสร้างปัญหาให้กับใครบางคน มันก็คงจะกลายเป็นปัญหาใหญ่เลยล่ะ” ชูเหลียนพูด “แต่ในสายตาของฉัน เส้นสายของหมอหวังก็ค่อนข้างกว้างมากอยู่ แม้แต่ตระกูลหวูในปักกิ่งก็ยังติดหนี้บุญคุณเขาอยู่”
“ตระกูลกั๋วก็เป็นหนี้บุญคุณเขาเหมือนกัน” เฉินหยิงพูด “เขาเคยช่วยชีวิตกั๋วเจิ้งเหอ และยังสามารถยืดชีวิตของนายท่ายกั๋วได้อีกด้วย”
“ความสัมพันธ์ของมนุษย์ไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆนะ” ชูเหลียนพูด “คนเดี๋ยวนี้ไม่ได้มีศีลธรรมมากเหมือนแต่ก่อน แล้วเขาก็อาจจะไม่ได้เก็บเรื่องบุญคุณมาใส่ใจสักนิดเลยด้วย”
ในตอนกลางวัน เจิ้งชื่อฉงก็ไปที่คลินิก
“”เขาอยากจะฟื้นฟูการมองเห็นเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ครับ หมอช่วยลองคิดวิธีรักษา และบอกพวกเรามาว่าต้องทำอะไรบ้างได้ไหมครับ?” เจิ้งชื่อฉงพูด “เราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเลย”
“ผมคงต้องคิดดูก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด “ไว้ผมจะบอกคุณอีกทีนะครับ”
“ได้ครับ ผมจะรอคำตอบของหมอนะครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด เมื่อเห็นว่าหวังเย้าไม่ได้ปฏิเสธ เจิ้งชื่อฉงจึงรู้สึกว่า มันอาจจะมีทางรักษาอยู่ก็เป็นได้
เมื่อเจิ้งชื่อฉงเดินออกไปแล้ว หวังเย้าก็คิดเกี่ยวกับคำขอของเขา แล้วเขาก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งมันเรียบง่ายแต่อาจจะได้ผลดีก็ได้ มันก็คือการใช้ขี้ผึ้งต้วนชื่อ เขาเคยใช้ยาตัวนี้ครั้งหนึ่ง ในตอนที่เวินหว่านอยู่ในสถานการณ์วิกฤต เขาไม่สามารถคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ได้แล้ว
ความมหัศจรรย์ของยาตัวนี้ไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวัง ในเมื่อมันสามารถรักษาไตที่สูญเสียความสามารถในการทำงานให้ฟื้นคืนกลับมาได้ มันก็อาจจะสามารถรักษาดวงตาได้เช่นกัน แล้วยาตัวนี้ก็สามารถกินและทาภายนอกได้
เมื่อคิดวิธีนี้ขึ้นมาได้ หวังเย้าก็หยิบเอากระปุกที่ใส่ชี้ผึ้งต้วนชื่อเอาไว้ออกมาจากช่องเก็บของระบบ หนึ่งในสี่ของตัวยาได้ถูกนำไปใช้รักษาเวินหว่านแล้ว
ตัวยานั้นมีราคาแพงมาก การทำขึ้นมาโดสหนึ่งนั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้น เขาจึงไม่อยากจะนำมันออกมาใช้งานมากนัก
เขาใช้ช้อนไม้ตักตัวยาออกมาส่วนหนึ่ง และนำตัวยาไปละลายกับน้ำแร่โบราณ น้ำแร่ได้กลายเป็นสีเขียวเข้มและส่งกลิ่นหอมเฉพาะออกมา เขาคิดว่า มันอาจจะเป็นยาหยอดตาที่ดีที่สุดในโลกก็เป็นได้
เมื่อใกล้ค่ำ หวังเย้าก็ปิดประตูคลินิกและเดินไปที่บ้านตระกูลซุน
“หมอหวังมา” คุณหวูพูด
“ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทมากหรอกครับ เขาเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าชี้ไปที่อีกห้องหนึ่ง
“สำหรับตอนนี้ อาการของเขาถือว่าไม่เลวเลย แต่เขามักจะมองเพดานอยู่ตลอดเลย” คุณหวูพูด
ถึงจะพูดว่า ชายหนุ่มกำลังจ้องมองเพดาน แต่จริงๆแล้วเขานั้นมองไม่เห็นอะไรเลย
“เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” คุณหวูพูด
หวังเย้าผลักประตูให้เปิดออกเบาๆ และมองเห็นชายหนุ่มกำลังมองไปที่หลอดไฟที่ติดอยู่บนเพดาน
เจิ้งเหว่ยจวินไม่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน เขาเห็นแค่แสงสว่างและความมืดที่พล่ามัว หลอดไฟที่ติดอยู่บนเพดานคือจุดที่สว่างที่สุดในของห้องนี้ ดังนั้น เขาจึงมองไปที่นั่นและจับจ้องไม่วางตา
“เหว่ยจวิน หมอหวังมา” คุณหวูพูด
“สวัสดีครับ หมอหวัง” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“สวัสดี ร่างกายของคุณมีอาการอะไรบ้างไหม เช่น เย็น, เจ็บ, ชา, หรือคัน?” หวังเย้าถาม
“ผมเจ็บท้องครับ แต่มันไม่ได้เจ็บมาก ร่างกายของผมก็ยังไม่มีแรงเหมือนเดิม” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“นี่เป็นยาที่ผมทำมาเพื่อรักษาดวงตาของคุณนะ” หวังเย้าพูด “ใช้แค่สามหยดพอ”
“โอเค ขอบคุณครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
คุณหวูรับยาไป เขาเปิดฝาและค่อยๆหยดยาลงไปในดวงตาของเจิ้งเหว่ยจวิน ในเมื่อเขาเป็นหมอที่รับผิดชอบดูแลเรื่องสุขภาพของเจิ้งเหว่ยจวิน อุปกรณ์ทุกอย่างที่จำเป็นจึงมีอยู่อย่างครบถ้วน
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” คุณหวูถาม
“ผมรู้สึกเย็นๆครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
การหยดยาลงไปในดวงตาเหมือนมีสิ่งกระตุ้นจากภายนอก ดังนั้น เขาจึงเริ่มกระพริบตาอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นสักพัก เขาก็เริ่มรู้สึกถึงความสบายในดวงตา ตัวยาแทรกซึมเข้าไปในตาและเริ่มทำการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหาย
“มันคันนิดหน่อยด้วยครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็นอนสักหน่อยนะ ตอนที่ตื่นขึ้นมา คุณก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง” หวังเย้าสังเกตดูดวงตาของเขาอย่างละเอียด เพราะตัวยาที่ถูกหยดลงไป มันจึงทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย “มันไม่มีปัญหาอะไร”
หวังเย้าลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้อง
“หมอหวัง อยู่ทานข้าวกับพวกเราไหม?” คุณหวูถาม
“คงไม่ล่ะครับ” หวังเย้าพูด
“แล้วเรื่องค่ายาล่ะ?” คุณหวูถาม
หลายวันที่ผ่านมา ทุกครั้งที่หวังเย้านำยามาให้ พวกเขาก็จะจ่ายเงินในตอนนั้นทันที ถึงแม้ราคาซุปเป่ยหยวนจะแพงจนน่าตกใจ แต่เมื่อเทียบกับความร่ำรวยของพวกเขาแล้ว ราคาถือว่ารับได้
“ราคาอยู่ที่ 10,000 หยวนครับ” หวังเย้าพูด
พวกเขาจัดการจ่ายเงินโดยไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย
“ให้เขาหลับตาและพักผ่อนให้มากๆนะครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากออกจากบ้านของซุนหยุนเชิงมาแล้ว หวังเย้าก็กลับไปที่บ้าน เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน แม่ของเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ผู้ชายคนที่ดูเหมือนจะมีแซ่ว่า กั๋ว วันนี้ เขาแวะเอาของมาให้ที่บ้านด้วยจ๊ะ”
“กั๋ว เขาชื่อ กั๋วเจิ้งเหอ ครับแม่” หวังเย้าพูด
เขาไม่ชอบที่จะไปสนิทกับกั๋วเจิ้งเหอมากเกินไป ภายใต้ภาพลักษณ์ที่เจิดจ้าของเขานั้น มันมีแผนการร้ายซ่อนอยู่มากมาย วิธีการวินิจฉัยพื้นฐานทั้งสี่ที่หวังเย้ามีนั้น มันยังรวมเรื่องการมองเอาไว้ด้วย เขาสามารถบอกสภาพจิตใจและสภาพร่างกายของคนคนหนึ่งด้วยได้จากมอง แล้วเฉินหยิงก็ยังเคยพูดกับเขามาก่อนว่า กั๋วเจิ้งเหอเป็นพวกแผนสูง
“ถ้าเขาเอาของมาให้อีก อย่ารับไว้นะครับ” หวังเย้าพูด
“แม่ก็ไม่ได้อยากจะรับไว้หรอก แต่เขาดึงดันจะเอาให้ให้ได้น่ะสิ” แม่ของเขาพูด “ลูกเคยรักษาเขามาก่อนเหรอจ๊ะ?”
“ครับ แต่เขาก็จ่ายค่ารักษาผมแล้ว ในเมื่อแม่รับของเขามาแล้ว ก็ช่างมันเถอะครับ” หวังเย้าพูด
หลังจบมื้อค่ำ เขาก็อยู่คุยกับพ่อแม่ของเขาที่บ้าน แล้วอยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญเข้ามาได้เลยครับ” หวังเย้าพูด
เฉินหยิงเดินเข้ามาในบ้าน “หมอหวังคะ”
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม
“เปล่าหรอกค่ะ มีเรื่องที่ฉันอยากจะคุยกับคุณตามลำพังสักหน่อยน่ะค่ะ” เฉินหยิงพูด
“อ่อ งั้นไปที่ห้องผมกันดีกว่าครับ” หวังเย้าพูด เขาเดินนำไปที่ห้องของเขาและชงชาไปด้วย “มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“คือ กั๋วเจิ้งเหอชอบคุณหนูซูค่ะ ฉันคิดว่า คุณก็น่าจะพอรู้อยู่บ้างแล้ว” เฉินหยิงพูด
“ผมรู้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ปักกิ่งแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด
“แล้วคุณรู้รึเปล่าคะ ว่าเธอชอบคุณ?” เฉินหยิงถาม
หวังเย้าเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมรู้ครับ ผมรู้สึกได้”
“แล้วคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้คะ? ฉันจำได้ว่า คุณมีแฟนอยู่แล้ว ใช่ไหมคะ?” เฉินหยิงถาม
“เขาไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด
“ขอโทษที่ฉันต้องก้าวก่ายเรื่องนี้นะคะ แต่คุณชอบคุณหนูซูบ้างไหมคะ?” หลังจากที่ถามออกไป เฉินหยิงก็จ้องไปที่ตาของหวังเย้า