653 ความหมายของการมีชีวิตอยู่คืออะไร?
หลังจากผ่านไปได้ไม่กี่นาที ชายหนุ่มก็ถามขึ้นมาอย่างหงุดหงิดว่า “จะต้องตรวจอีกนานไหม?”
“คุณดูรีบมากเลยนะ?” หวังเย้าถามด้วยความไม่พอใจ
“ก็ใช่น่ะสิ” ชายหนุ่มตอบ
“เฮ้อ!” คนไข้ถอนหายใจออกมา เขาไม่สามารถจัดการกับลูกชายของเขาได้เลย
“เดี๋ยวก่อน ผมจะจ่ายยาให้คุณไปกินด้วย” หวังเย้าลุกขึ้นไปหยิบยาและบอกวิธรการกินและข้อแนะนำอื่นๆ
“คุณต้องจัดการอารมณ์ของตัวเองให้ดี แล้วก็อย่าโมโหด้วย” ในตอนที่พูด หวังเย้าก็เหลือบไปมองลูกชายของคนไข้ด้วย
“หืม มองแบบนี้หมายความว่าไง?” ชายหนุ่มดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความหมายในคำพูดของหวังเย้า
“ไปเถอะ” พ่อของเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป และเดินนำเขาออกไป
“ทำไมต้องมาลากฉันด้วยวะเนี่ย?” ระหว่างทางที่เดินออกไป ชายหนุ่มก็ยังพูดจาหยิ่งยโสใส่พ่อของเขา ราวกับว่า ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อของเขา แต่เขากำลังพูดอยู่กับข้าหรืออริแทน
“นี่ พ่อหนุ่ม ทำไมถึงได้พูดกับพ่อของตัวเองแบบนั้นล่ะ?” คนไข้ที่รออยู่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของชายหนุ่ม
“อย่ามายุ่ง!” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างไร้มารยาท
“ไป! เดี๋ยวนี้เลย!” ชายที่ป่วยเป็นโรคหัวใจรู้สึกอับอายขึ้นมา “ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่น่าพาเขามาเลย”
ปัง! เขากระชากประตูปิดตามหลัง
“เขาพูดกับพ่อของตัวเองแบบนั้นได้ยังไงกัน?” คนไข้คนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ใช่ๆๆ” คนไข้อีกคนพูด “เด็กสมัยนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ!”
“โอ๊ะ หมอหวัง ฉันไม่ได้พูดถึงหมอนะ” คนไข้พูด
“ผมรู้ครับ” หวังเย้าพูด
มันเป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่ผ่านเข้ามาเท่านั้น หวังเย้าแค่รู้สึกเศร้าใจแทนชายคนนั้น ซึ่งมันส่งผลต่ออารมณ์ของหวังเย้าเล็กน้อย การมีลูกแบบนี้ คงมีแต่จะทำให้หัวใจต้องแตกสลาย เมื่อดูสถานการณ์ของชายคนนั้นแล้ว แสดงว่าเขาคงจะเจอกับเรื่องแบบนี้มาเป็นเวลานาน
ในชีวิตหนึ่ง การไม่โกรธเลยนั้นเป็นไปได้ยาก แต่การลบมันออกไปและได้ระบายมันออกมาคือสิ่งที่จำเป็น การเก็บกักความเจ็บปวดเอาไว้ในใจคือการทำร้ายร่างกายอย่างดีที่สุด
หวังเย้ามองดูห้องที่เต็มไปด้วยคนไข้ แล้วจึงกลับไปทำงานของเขาต่อ ไม่นาน ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆและท้องฟ้ากำลังเริ่มมืดลง
ภายในบ้านแห่งหนึ่งในตัวเมืองเหลียนชาน หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า “ไปหาหมอเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดี” ชายวัยกลางคนพูด
“ดูพูดเข้าสิ ไอ้ที่ว่าก็ดี สรุปว่ามันดีหรือไม่ดีล่ะ?” ภรรยาของเขาเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย
ผู้เป็นสามีไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงก้มหน้าและเดินออกไปจากห้อง
“ฉันพูดด้วยอยู่นะ” ภรรยาของเขาพูด “เป็นอะไรไปเนี่ย?”
เข้าเดินเข้าไปอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง เขาล้มตัวนอนลงไปบนเตียงและเหม่อมองฝ้าเพดาน เขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ความไปถึงทัศนคติที่ลูกชายและภรรยามีต่อเขา ไม่วาจะอยู่ในหรือนอกบ้าน ภรรยาไม่เคยปฏิบัติตัวดีกับเขาเลยสักครั้ง และลูกชายก็ไม่เคยเชื่อฟังเขาเลย เขาอดทนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยความคิดที่ว่า มันคุ้มค่าแล้วกับการที่ลูกชายของเขาจะมีงานทำและมีครอบครัวเป็นของตัวเอง
มันคุ่มค่าจริงหรือ? ความหมายในการมีชีวิตอยู่ของเขาคืออะไร?
เขากลัดกลุ้มมาเกือบครึ่งชีวิตของเขา และไม่อยากจะเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เขาถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง
“ยาเสร็จแล้ว ออกมากินสิ” น้ำเสียงเร่งเร้าจากภรรยาของเขาดังอยู่ที่หน้าประตู
เธอรอการตอบรับ แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลย
“อะไร? โมโหงั้นเหรอ?” เธอพยายามจะเปิดประตู แต่มันถูกล็อกจากด้านใน
เขายังคงนอนจับจ้องเพดานอยู่บนเตียง ดวงตาของเขาพล่าเลือน เขารู้สึกเหมือนได้เห็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยพละกำลังและชีวิตชีวา รวมถึงพ่อแม่ที่จากไปแล้วของเขา “พ่อ แม่ ผมขอโทษ ที่ผมมันไร้ประโยชน์!”
“มัวทำอะไรอยู่ในนั้นน่ะ? เปิดประตู!” ภรรยาของเขารออยู่จนกระทั่งสี่ทุ่ม แต่สามีของเธอก็ยังไม่ยอมเปิดประตู เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “ก็ได้ ไม่ออกก็ไม่ต้องออก”
ในเมื่อพวกเขามีห้องนอนมากกว่าหนึ่งห้อง เธอจึงเข้าไปในนอนในห้องนอนอีกห้องหนึ่ง เช้าวันถัดมา เธอตื่นนอนและพบว่า ห้องนอนอีกห้องยังคงล็อกประตูอยู่ เธอคิดในใจ เฮ้อ งั้นก็ไม่ต้องตื่นไม่ตลอดกาลเลย!
เธอแต่งหน้าแต่งตัวและออกไปจากบ้าน ในเมื่อสามีคือคนที่ทำอาหารให้กินทุกมื้อ เธอจึงต้องออกไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารแทน
เธอหาเงินได้มากกว่าสามี เธอจึงกลายเป็นคนที่ตัดสินใจในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ไหนก็ตาม เธอไม่เคยถามความเห็นของสามี และไม่เห็นคนในครอบครัวของสามีอยู่ในสายตา เธอถือว่า เธอรับหน้าที่ทำงานนอกบ้าน ส่วนสามีก็รับหน้าที่ดูแลเรื่องในบ้านไป
ในเมืองเล็กๆแบบนี้ ถือว่าเธอมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างดี เธอลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และในตลาดหุ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หาได้ยาก กับการที่ผู้หญิงจะมีพรสวรรค์ในการเทรด หรือจะพูดได้ว่า เธอต้องขอบคุณตลาดที่ทำให้เธอได้กำไร เงินที่เธอหาได้ในหนึ่งปี มากกว่ารายได้ทั้งหมดที่คนคนหนึ่งหามาตลอดทั้งชีวิต และแบบนี้ เธอจึงสามารถมีความสุขกับชีวิตได้เท่าที่เธอต้องการ
“จะออกไปข้างนอกเหรอ?” เพื่อนบ้านถาม
“ใช่ค่ะ” เธอพูด
“เธอสวยจังเลยนะ” เพื่อนบ้านพูด
“จริงเหรอ? ขอบคุณนะคะ” เธอตอบ
เมื่ออยู่นอกบ้านเธอจะกลายเป็นอีกคนทันที สำหรับคนนอก เธอมักจะยิ้มแย้มให้เสมอ แต่ที่บ้านกลับแทบไม่เคยทำเลย แม้แต่คืนก่อนนั้น เธอก็แค่ต้มยาให้สามีไปแบบส่งๆเท่านั้น ซึ่งมันเป็นการกระทำที่ผิดปกติของเธอ ซึ่งเกิดจากการที่เธอรู้สึกไม่พอใจกับพฤติกรรมของสามี
หลังทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารใกล้บ้านเสร็จแล้ว เธอก็ไม่ได้กลับไปที่บ้าน แต่ไปหาเพื่อนคนหนึ่งของเธอ เพื่อชวนกันเล่นไพ่นกกระจอกแทน
“สามีของเธอหายดีรึยัง?” เพื่อนถาม
“ยังหรอก เขายังไม่ค่อยมีแรงเหมือนเดิมนั่นแหละ เมื่อคืนอยู่ๆก็โมโหขึ้นมา แล้วตอนนี้ก็ขังตัวเองอยู่ในห้องนู้น” เธอพูด
“ก็สามีของเธอเขาต้องทุกข์ใจน่ะสิ” เพื่อนของเธอพูด “เธอก็น่าจะดูแลเขาให้ดีกว่านี้สักหน่อยนะ”
“ฉันก็คอยดูแลเขาอยู่นี่ไง นี่ยังไม่ดีพออีกเหรอ?” เธอถาม
“สามีของเธอมีงานทำด้วยใช่ไหม?” เพื่อนถาม
“ก็แค่เงินไม่เท่าไหร่เอง” เธอพูด “พอได้แล้ว เลิกพูด มาเล่นกันดีกว่า”
หลังจากเล่นไปได้หลายตา มันก็เป็นเวลาอาหารกลางวัน
“จะอยู่กินข้าวกับเราที่บ้านรึเปล่า?” เพื่อนถาม
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ ฉันว่าฉันกลับไปกินที่บ้านดีกว่า” เธอพูด
เมื่อกลับไปถึงบ้าน เธอก็พบว่า สามียังไม่ได้เตรียมอาหารอะไรไว้ และห้องนอนก็ยังคงปิดอยู่เหมือนเดิม
“จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย หา?” เธอยกเท้าขึ้นเตะประตู
เมื่อไม่มีการตอบสนองใดๆ เธอจึงออกไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารข้างนอก ในตอนที่เธอกำลังทานอาหารอยู่นั้น อยู่ๆสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอวางตะเกียบในมือลงและรีบวิ่งออกไป
“เดี๋ยว คุณยังไม่ได้จ่ายเงินเลยนะ!” พนักงานร้านตะโกนเรียก
เธอนำเงินสดวางไว้ที่โต๊ะ และรีบวิ่งกลับไปที่บ้าน เธอค้นหากุญแจเป็นพัลวัน แต่เธอก็ยังหาไม่เจอ เธอกำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนกและเหงื่อไหลเต็มตัว
“แม่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ลูกชายของเธอถาม
เขารีบกลับมาที่บ้านเพราะได้รับสายจากแม่ของเขา เขาไม่เคยได้ยินเสียงร้อนใจแบบนี้จากแม่ของเขาเลย
“พ่อ พ่อเขา…” เธออยู่ในอาการร้อนรน
“พ่อเป็นอะไร?” ลูกชายของเธอถาม
“เขาขังตัวเองอยู่ในห้อง” เธอพูดด้วยท่าทีสิ้นหวัง
“แล้วยังไง? ก็ช่างเขาสิ” ลูกชายของเธอพูด
“รีบเปิดประตูเร็วเข้า เขาอยู่ในนั้นได้วันกว่าแล้ว” เธอสั่ง
ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้น เขาจึงชกไปที่ประตู การที่พวกเขามีเงิน พวกเขาจึงเลือกซื้อประตูไม้อย่างดีและแน่นหนา