681 ไปมาทั่วทุกสารทิศ พบเจอมาแล้วทุกรูปแบบ
ในอดีต พวกเขาทำเรื่องผิดกฎหมายและเรื่องไม่ดีมาแล้วมากมาย ในตอนแรก พวกเขาก็รู้สึกกลัวว่าจะโดนจับหรือเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปอยู่บ้าง แต่หลังจากที่ได้เงินมา พวกเขาก็โยนความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งลงไปในทะเลจนหมด
การหาเงินได้โดยที่ไม่ต้องทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนถึง 5 โมงเย็นคือความฝันของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้ลิ้มลองความหอมหวานไปแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มกลัวน้อยลงเรื่อยๆ หลังจากที่พวกเขาก่ออาชญากรรมไปได้สามครั้ง พวกเขาก็หยุดมันไม่ได้แล้ว มันคล้ายกับว่า พวกเขาได้เสพติดมันไปแล้ว
คาร์ล มากซ์(นักปรัชญา) ได้กล่าวเอาไว้ว่า ผู้คนจะยินดีเสี่ยง หากพวกเขาสามารถทำกำไรได้ 50% จากที่เงินที่จ่ายไป พวกเขาจะกลายเป็นคนไร้หัวใจ หากพวกเขาสามารถทำกำไรได้ถึง 100%
คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรเลย แต่พวกเขากลับสามารถหาเงินได้สองถึงสามเท่าในธุรกิจของพวกเขา พวกเขาจึงสร้างกลุ่มก้อนของตัวเองขึ้นมาและมีกฎเกณฑ์ในกลุ่ม
พวกเขาเดินทางไปตามที่ต่างๆทั่วประเทศ พวกเขาต้มตุ๋นและหลอกลวงคน พวกเขาลักขโมยสิ่งของและมนุษย์ พวกเขาแกล้งทำเป็นว่าถูกรถชนและบังคับเรียกร้องเอาเงินจากคนขับ พวกเขาต้องพึ่งตัวเองในการเอาตัวรอด บางครั้ง พวกเขาก็ถูกศัตรูไล่ล่าและทุบตี และพวกเขาก็ยังเคยถูกจับและเข้าไปอยู่ในคุกมาแล้วหลายครั้ง
หลังจากผ่านพบประสบการณ์เหล่านี้มาแล้ว พวกเขาก็กลายเป็นอาชญากรผู้ช่ำชอง ขอแค่เงินดี พวกเขาก็ยินดีที่จะฆ่าคน เหมือนกับที่ทำกับชายชราพ่อของเฉาจื่อเจิน
พวกเขาไม่เกรงกลัวบาปกรรม บางที พวกเขาอาจจะเคยคิดถึงเรื่องแบบนั้น แต่ยิ่งพวกเขาทำชั่วมากเท่าไหร่ ความกลัวในบาปกรรมก็ยิ่งลดลงไปเท่านั้น
แต่ครั้งนี้ พวกเขาได้มาเจอกับหวังเย้า หรือมันจะเป็นกรรมที่ตามทันพวกเขาแล้ว?
เหลวไหล! เฉาเหมิงไม่เชื่อเรื่องบาปกรรมเด็ดขาด ถ้าบาปกรรมมีจริง เขาก็คงจะตายไปไม่รู้กี่พันครั้งและถูกโยนลงไปในนรกไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว
แต่ตัวเขาก็รู้ดีว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาในเวลานี้เป็นฝีมือของหวังเย้าอย่างแน่นอน เขามั่นใจว่า หวังเย้าจะต้องทำอะไรบางอย่างกับเขาและพักพวก เขาจะต้องเอาคืนหวังเย้าเรื่องนี้แน่
เขาโทรเรียกพักพวกคนอื่นๆให้มาหาเขา พวกเขาเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ และเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี ดังนั้น พวกเขาจึงไม่คิดว่าจะต้องมาเจอปัญหาหนักแบบนี้เข้า มันทำให้เฉาเหมิงเริ่มคิดขึ้นมาว่า เขาพลาดตรงไหนและควรทำยังไงต่อไปดี
ฉันคงต้องปรึกษากับทนายดู
เฉาเหมิงตัดสินใจดำเนินเรื่องคดีความต่อ เขาได้อ่านและศึกษาตำราเกี่ยวกับเรื่องของนิติบัญญัติและกฎหมายมาแล้วหลายเล่ม
สังคมในปัจจุบันนั้นล้วนขึ้นอยู่กับกฎหมาย รัฐบาลได้ร่างกฎนิติบัญญัติและกฎหมายเอาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ คนมากมายรู้ว่า พวกเขาสามารถใช้กฎหมายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ มันจึงเป็นเรื่องน่าขัน ที่แม้แต่กลุ่มอาชญากรก็ยังต้องขอความช่วยเหลือในเรื่องของกฎหมาย
ในหมู่บ้าน หวังเย้าไม่ได้เปิดคลินิก เขาได้แจ้งเอาไว้ในหน้าเพจเวยป๋อของตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวออกไป แต่มีหลายคนที่รู้เรื่องการตายของพ่อของเฉาจื่อเจิน พวกเขาจึงได้พิมพ์ข้อความไว้ในเวยป๋อของหวังเย้า
คนไข้คนหนึ่งโพส : [หมอหวังไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ถ้าต้องการความช่วยเหลือบอกผมได้นะ]
คนไข้อีกคนโพส : [ทางนี้ด้วย]
หลายคนต่างแสดงความห่วงใยต่อหวังเย้า และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ขอแค่หวังเย้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือออกมา พวกเขาก็ยินดีช่วยทันที พวกเขาต่างก็เป็นคนดี แต่ก็ยังมีส่วนน้อยที่เข้ามาพิมพ์ว่ากล่าวหวังเย้า
หวังเย้าได้พิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่า : [ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ทุกคนยื่นให้นะครับ แต่ตอนนี้ผมยังสบายดีและสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดเองได้] เขาต้องการแสดงความขอบคุณต่อคนที่ต้องการยื่นมือเข้ามาช่วย ส่วนคนที่พิมพ์ข้อความเสียดสีและว่ากล่าวเขานั้น เขาไม่คิดจะตอบกลับคนพวกนั้น ถ้ามีหมาบ้ามาเห่าใส่เขา เขาก็ไม่คิดจะเห่ากลับ
ในวันเดียวกันนั้น หวังเย้าก็ได้รับสายจากเพื่อนๆที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาหลายสาย
หวังหมิงเปามาหาหวังเย้าถึงที่บ้านในตอนที่เขากำลังทานอาหารเย็นอยู่ เขากลับมาจากการเดินทางไปทำงานที่อื่นทันทีที่ได้รู้ข่าว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“มีคนต้องการเบลคเมลล์ฉันน่ะ” หวังเย้าพูด
“บอกฉันมาซิ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง” หวังหมิงเปาพูด
หวังเย้าชงชาให้หวังหมิงเปาและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง
“พวกมันเป็นคนจังหวัดฉีเหรอ?” หวังหมิงเปาถาม
“ไม่ใช่” หวังเย้าพูด
“พวกมันกล้าดียังไง ถึงได้มาเบลคเมลล์ถึงที่นี่” หวังหมิงเปาพูด
“แต่ลุงคนนั้นก็ตายไปแล้ว” หวังเย้าพูด เรื่องเดียวที่เขารู้สึกผิดก็คือ ทั้งๆที่เขาสามารถช่วยชีวิตของชายชราคนนั้นได้แท้ๆ
“เขาต้องรับผิดชอบกับการที่เขาเลี้ยงดูลูกชั่วๆแบบนี้ยังไงล่ะ” หวังหมิงเปาพูดขึ้นมาหลังจากที่จุดบุหรี่เสร็จ “แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหนเหรอ? ทำไมตำรวจถึงเอาพวกมันเข้าคุกนานกว่านี้ไม่ได้?”
“เอาเข้าคุกให้นานกว่านี้เหรอ? ฮาฮา นายเป็นเจ้าของสถานีตำรวจหรือยังไง?” หวังเย้าถามด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาล”
“โรงพยาบาล? นายทำอะไรพวกเขาใช่ไหม?” หวังหมิงเปาถาม
“ฉันบอกให้พวกเขาสารภาพผิด แต่พวกเขาก็ไม่ยอมนี่นา” หวังเย้าพูด
หวังหมิงเปาหัวเราะ
“พวกเขาต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำลงไป” หวังเย้าพูด
ครั้งนี้ เขาลงมือหนักมาก ดังนั้น คนพวกนั้นคงจะไม่ดีขึ้นในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
ในโรงพยาบาล สมาชิกแก็งค์ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ก็เริ่มอาเจียนออกมาอีกครั้ง
“พระเจ้า! เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่?” แพทย์ต่างตกใจกับเรื่องนี้
ตั้งแต่ที่พวกเขาถูกส่งตัวมาโรงพยาบาล พวกเขาก็ไม่หยุดอาเจียนเลย ในตอนแรก อาการของพวกเขายังไม่ถือว่าหนักมาก พยาบาลจึงฉีดยาให้พวกเขา แต่หลังจากที่ผ่านไปได้สักพัก อยู่ๆอาการของพวกเขาก็แย่ลงอย่างกะทันหัน พวกเขาอาเจียนเอาอาหารที่กินเข้าไปออกมาจนหมด และยังอาเจียนเอากรดในกระเพาะอาหารกับเลือดออกมาด้วย
“เราจะปล่อยพวกเขาเอาไว้แบบนี้ไม่ได้นะคะ” พยาบาลคนหนึ่งพูด
“พวกเขากินอะไรมาถึงได้ทำให้อาการเลวร้ายได้ขนาดนี้?” พยาบาลอีกคนถาม
“หัวหน้า เราย้ายไปโรงพยาบาลอื่นดีไหม?” ลูกน้องคนหนึ่งถาม
พวกเขาที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้แทบจะไม่เหลือแรงให้พูด ใบหน้าของแต่ละคนซีดขาว พวกเขารู้สึกว่า ในกระเพาะของพวกเขาไม่เหลืออะไรอยู่เลยแม้แต่น้อย
“โอเค โอเค” เฉาเหมิงพูดอย่างอ่อนแรง
สมาชิกแก็งค์คนอื่นมาถึงที่โรงพยาบาล พวกเขาต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นสภาพของเฉาเหมิงและพักพวกอีกสามคน หลังจากนั้น เฉาเหมิงก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับคนที่มาใหม่ฟัง คนที่มาใหม่เริ่มคิดแผนที่จะเอาคืนหวังเย้าให้กับเพื่อนๆของพวกเขา แต่แล้วเฉาเหมิงและอีกสามคนก็เริ่มอาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง คนที่มาใหม่จึงต้องรับหน้าที่ดูแลพวกเขา และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะไปแก้แค้นหวังเย้า เพราะไม่มีใครอยากจะมีสภาพเหมือนกับทั้งสี่คนในตอนนี้
แพทย์ตกลงที่จะให้พวกเขาย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น คำขอได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว เพราะแพทย์ของโรงพยาบาลเหลียนชานก็ไม่สามารถทำให้เฉาเหมิงและอีกสามคนดีขึ้นกว่านี้ได้แล้ว แพทย์ไม่ต้องการให้พวกเขาต้องมาตายที่โรงพยาบาลแห่งนี้
“พวกเขาจะย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นเหรอ?” พันจวินถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ทันทีที่เขาได้ทราบข่าว
“ใช่” แพทย์ประจำแผนกพูด
“ก็ดี ฉันก็ไม่อยากจะเห็นหน้าคนพวกนั้นเหมือนกัน” พันจวินพูด
“หมอพัน พวกเขาป่วยเป็นอะไรเหรอ?” แพทย์ประจำแผนกถาม “ผมไม่เคยเห็นคนที่ป่วยอาหารเป็นพิษที่อาการหนักขนาดนี้มาก่อนเลย”
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นกรรมของพวกเขาก็ได้” พันจวินพูด
“อะไรนะครับ?” แพทย์ประจำแผนกถามด้วยความประหลาดใจ
“คนพวกนี้เป็นพวกอาชญากรกับเศษสวะสังคมยังไงล่ะ” พันจวินพูด “พวกเขาไปเบลคเมลล์และไปโกงเงินคนอื่นมา ก่อนจะถูกส่งมาที่โรงพยาบาล พวกเขาก็เพิ่งจะออกจากสถานีตำรวจมาด้วย”
“จริงเหรอครับ?” แพทย์ประจำแผนกถาม
“จริงสิ แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่นี่ด้วย ผมว่า พวกเขาน่าจะมาจากแกงค์ที่อยู่จังหวัดอื่น” พันจวินพูด
สำหรับเขา คนที่มาจากแก็งค์ และกลุ่มอาชญากรและพวกหัวรุนแรงนั้นเป็นคนละกลุ่มกัน แก็งค์และกลุ่มนั้นเป็นคนละอย่าง
ไม่มีใครนอกจากหวังเย้า ที่ยังคงคิดถึงชายชราที่ต้องเสียชีวิตเพราะพิษร้าย หลังจากที่เรื่องทุกอย่างเงียบไปแล้ว
บนเนินเขาหนานชาน เป็นช่วงเวลากลางคืนที่เงียบสงบ หวังเย้ายืนอยู่บนยอดเขาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขากำลังสงสัยว่า ทำไมคนเหล่านี้จะต้องเลือกคลินิกของเขาและมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงหรือ
ในหมู่บ้าน หลายบ้านเริ่มดับไปลงแล้ว บรรยากาศภายในหมู่บ้านจึงเงียบสงัด
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! อยู่ๆก็มีเสียงสุนัขเห่าดังขึ้น
มีคนเข้ามาในหมู่บ้านด้วยเส้นทางที่คนส่วนใหญ่ไม่ใช้กัน
“อยู่ตรงไหนนะ?” ชายที่ใบหน้าถูกปิดบังเอาไว้พึมพำออกมา
เขาเดินเรียบไปตามเนินเขาทางทิศตะวันออกและมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน แล้วเขาก็ไปหยุดอยู่ที่หน้าคลินิกของหวังเย้า
“หืมม ฉันว่าน่าจะเป็นที่นี่นะ” คนคนนั้นพูด
ทันทีที่เขากระโดดข้ามกำแพงไป ก็มีใครบางคนตบมาที่ไหล่ของเขา เขาจึงหมุนตัวและเห็นคนคนหนึ่งกำลังยิ้มให้เขาอยู่
“ว่าไง” ชายคนนั้นยิ้ม
“หา?” ชายที่ผิดบังหน้าตาอยู่ในอาการตกใจ
“นายคิดจะบุกเข้าไปข้างในเหรอ?” ชายหน้ายิ้มถาม
“เอ่อ…” ชายที่ปิดบังใบหน้าไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอะไร
“ฉันกำลังรออยู่เลย” ชายหน้ายิ้มพูด
เขาก็คือจงหลิวชวน เขาคิดว่า เรื่องการเบลคเมลล์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ต้องไม่จบแค่นี้แน่ ดังนั้น เขาจึงมาที่คลินิกของหวังเย้าในเวลากลางคืน และเจอเข้ากับชายปิดบังใบหน้าคนนี้
ชายที่ปิดบังใบหน้าต้องการจะหนีไป แต่เขาก็ถูกจงหลิวชวนจับโยน จนร่างกายของเขากระแทกเข้ากับกำแพง “โอ๊ย! เชี่ย! พวกเขาไม่เห็นบอกเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วยน่ะ”
“แกคิดจะมาทำอะไรที่นี่?” จงหลิวชวนถาม
“ฉัน…ฉันแค่อยากจะมาขโมยของในคลินิกเท่านั้นเอง” ชายที่ปิดบังใบหน้าร้องโอดครวญ
“แกคิดจะขโมยอะไร?” จงหลิวชวนถาม
“ฉันได้ยินมาว่า หมอหวังรวยมาก ฉันก็เลยอยากได้เงินไปใช้สักหน่อย ก็เลยมาที่นี่น่ะสิ” ชายที่ปิดบังใบหน้าพูด
“ถอดเสื้อผ้าของแกออก” จงหลิวชวนพูด
“อะไรนะ?” หัวขโมยตกใจ แคร๊ก! เสียงบางอย่างหักดังขึ้น “โอ๊ย!”
เขากรีดร้องออกมา ไม่นานเขาก็พบว่าตัวเองไม่สามารถส่งเสียงได้ กรามของเขาเคลื่อนหลุดออกจากกันโดยฝีมือของจงหลิวชวน
“ถอดเสื้อผ้าของแกออกซะ” จงหลิวชวนสั่ง
หัวขโมยรีบถอดเสื้อผ้าของเขาออกทันที
“ในเมื่อแกคิดจะมาขโมยเงิน ทำไมแกต้องพกเจ้านี่มาด้วยล่ะ?” จงหลิวชวนถาม “ฉันเดาว่า ข้างในคงจะมียาพิษอยู่สินะ?”