701 ซ่อมถนน ตัดผ่านเขา
หวังเจียนหลี่ถอนหายใจ เขาจำใจต้องไปหาหวังเย้าที่คลินิก
“ร่วงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่” หวังเจียนหลี่พูด
“เข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพูด
เขาบังเอิญตรวจคนไข้เสร็จและไม่มีอะไรทำอยู่พอดี พวกเขาก็พากันเดินไปที่เนินเขาหนานชาน
“รอตรงนี้นะครับ” หวังเย้าพูด
“ทำไมเราถึงเข้าไปด้วยไม่ได้ล่ะ?” คนงานถาม
“คุณจะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าไปในบ้านของคุณรึเปล่าล่ะครับ?” หวังเย้าถาม
“แต่นี่มันก็แค่เขาลูกเดียวเอง” หนึ่งในคนงานพูด
“แต่นี่เป็นเขาของผม” หวังเย้าพูดเสียงเย็น
คนงานไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะพูดยังไงดี พวกเขามองดูหวังเย้าที่เดินขึ้นเขาผ่านไปตามเส้นทางเล็กๆระหว่างต้นไม้
“เขาของเขางั้นเหรอ? โม้ชัดๆ!” หนึ่งในคนงานพูดอย่างไม่พอใจ
“ใช่! ทำตัวอวดดีจริงๆ!” คนงานอีกคนเห็นด้วย
ระหว่างทางขึ้นเขา หวังเย้าได้เจอเข้ากับซานเซียนที่คาบอะไรบางอย่างเอาไว้ในปาก
“นายทำมันร่วงลงมาเหรอ?” หวังเย้าถามด้วยความสงสัย
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าขึ้นฟ้า
“นายหมายถึงต้าเซี่ยเหรอ?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง!
บังเอิญจริงๆ! หวังเย้าหัวเราะ เขามีผู้ช่วยที่สุดยอดอยู่ทั้งบนดินและบนฟ้า
“ทำได้ดีมาก! ขอบคุณมากนะ!” หวังเย้าลูบศีรษะของซานเซียนและยิ้มออกมา “ส่วนเจ้านี่…” หวังเย้ามองไปที่โดรนในมือของเขา
คนงานที่รออยู่ตรงตีนเขาของเนินเขาหนานชานเริ่มทนรอไม่ไหว
“ทำไมเขายังไม่กลับมาอีกเนี่ย?” คนงานคนหนึ่งพูด
“ผมว่าเขาคงยังหาโดรนไม่เจอ รอก่อนเถอะ” หวังเจียนหลี่พูด
“นายคิดว่า บนเขานั้นมีอะไรอยู่ เขาถึงได้ไม่อยากให้ใครขึ้นไปน่ะ?” คนงานคนหนึ่งถาม
“มันจะต้องเป็นพวกโสมป่าหรือไม่ก็สมุนไพรราคาแพงแน่ๆ” คนงานอีกคนพูด
พวกเขารออยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่หวังเย้าจะกลับมาพร้อมกับโดรน
“นี่เป็นโดรนที่พวกเขาหาอยู่รึเปล่า?” หวังเย้าส่งโดรนให้กับคนงานคนหนึ่งไป
“มัน…มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?” คนงานถามด้วยความอึ้งงัน
เขาประหลาดใจที่สภาพของโดรนเสียหายอย่างมาก และคงจะไม่สามารถซ่อมให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
“ผมเจอมันอยู่ที่ก้อนหินใกล้กับตีนเขาน่ะ บางทีมันอาจจะกระแทกเข้ากับก้อนหินตอนที่มันร่วงลงมาจากฟ้าก็ได้ พวกคุณก็เห็นว่ามันเสียหายขนาดไหน” หวังเย้าพูด
“โอเค ขอบคุณมาก” คนงานพูด
พวกเขาต่างก็ต้องผิดหวังกลับไป
“เราจะรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้ายังไงกันดีล่ะ?” หนึ่งในคนงานพูด
“โดรนก็ไม่ใช่ราคาถูกๆเลยด้วย” คนงานอีกคนพูด
“ใช่ มันราคาเป็นหมื่นหยวนเลยนะ” หนึ่งในคนงานพูด
คิดว่า หัวหน้าจะหักเงินจากเงินเดือนของพวกเรารึเปล่า?” คนงานอีกคนพูด
พวกเขาทั้งหมดต่างก็เสียใจ พวกเขาตั้งใจที่จะไม่เข้าใกล้เนินเขาหนานชานอีกแล้ว
ตอนที่หวังเย้าเจอโดรน มันไม่ได้เสียหายมากมายอะไร เขาใช่เวลาศึกษามันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะใช้มือของเขาทำลายมัน ชิ้นส่วนสำคัญของโดรนแตกละเอียดและไม่สามารถนำกลับมาซ่อมได้อีก เขาไม่ต้องการให้โดรนถ่ายรูปแปลงสมุนไพรของเขาไป ถ้าไม่อย่างนั้น ความลับของเขาก็จะถูกเปิดเผยออกไป
คนงานนำโดรนไปซ่อมที่ร้าน และอยากจะลองดูว่า พวกเขาจะมีโชคเหลืออยู่หรือไม่
“คุณแน่ใจนะว่ามันตกลงไปที่พื้น ไม่ใช่ว่าโดนรถชนน่ะ?” พนักงานในร้านถาม
“แน่ใจสิ” คนงานพูด
“ผมว่าแบบนี้คงจะซ่อมไม่ได้แล้วล่ะ ต้องเอาทิ้งอย่างเดียว” พนักงานร้านพูด
“อะไรนะ!” คนงานร่ำร้อง “ไม่นะ!
พวกเขาต้องโดนว่าแน่ๆ
“ทำไมพวกเขาต้องสั่งให้เราไปสำรวจไอ้ที่บ้าๆนั่นด้วย?” หนึ่งในคนงานบ่น
ในเป็นวันที่ร้อนอบอ้าว อุณหภูมิในตอนกลางวันอยู่ที่ 37 องศา และในหมู่บ้านก็ร้อนยิ่งกว่านั้น
ซุนหยุนเชิงมาหาหวังเย้าที่หมู่บ้านด้วยความเร่งรีบ
“สวัสดีหยุนเชิง มีอะไรให้ผมช่วยเหรอ?” หวังเย้าถาม
“หมอหวัง ดูนี่ทีสิครับ” เขานำแผนการสร้างถนนทางหลวงให้หวังเย้าดู
“ทางหลวงเว่ยห่าย?” หวังเย้ารู้เรื่องที่จะมีการสร้างทางหลวงขึ้น ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
“ใช่ครับ มันเป็นถนนที่จะเชื่อมระหว่างห่ายชิวกับเมืองเว่ย แล้วก็ได้รับการอนุญาตจากรัฐแล้วด้วย การก่อสร้างได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ลองดูนี่สิครับ” เขาชี้ไปที่จุดหนึ่งในแผนที่
“นั่นมัน?” หวังเย้าตกใจ
ทางหลวงจะตัดผ่านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน และดูเหมือนจะผ่าเข้าสู่กลางเนินเขาหนานชานพอดี
เห็นได้ชัดว่า มันจะต้องมีการทำลายสิ่งกีดขวางในการก่อสร้างทางหลวงออกทั้งหมด บ้านจะถูกรื้อทิ้ง และเขาก็จะถูกขุดทิ้ง
“ผมจะให้ทางหลวงตัดผ่านหมู่บ้านไม่ได้เด็ดขาด” หวังเย้าพูด “มันแปลกมากเลยนะ ตอนที่วางแผนสร้างถนน พวกเขาก็น่าจะสำรวจดูพื้นที่นั่นๆก่อนนี่”
“พวกเขาจะมาตรวจแน่ครับ” ซุนหยุนเชิงพูด “พวกเขาส่งคนมาสำรวจเพื่อเตรียมเอาไว้สำหรับในอนาคต แล้วอีกไม่นานพวกเขาก็จะจัดการเรื่องงบประมาณต่อ”
หวังเย้าเข้าใจในทันทีว่าทำไมคนงานเหล่านั้นถึงได้มาสำรวจพื้นที่ในหมู่บ้าน พวกเขามาเพราะเรื่องของการสร้างทางหลวง เขาน่าจะถามคนเหล่านั้นตั้งแต่แรก ว่าพวกเขามาทำอะไรที่หมู่บ้าน
“ผมเดาว่า นี่คงจะไม่ใช่แผนเดิมสินะ” หวังเย้าพูด
ถ้าหากทางหลวงจะตัดผ่านหมู่บ้านของพวกเขาจริงๆ มันก็ควรจะอยู่ในแผนเดิม และทางรัฐก็จะต้องเข้ามาจัดการเรื่องค่าชดเชยให้กับชาวบ้านในการที่ต้องรื้อถอนบ้านและที่ดินทั้งหมด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องควรจะเข้ามาที่หมู่บ้านตั้งนานแล้ว และทุกคนในหมู่บ้านก็จะต้องพูดกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ หวังเย้ามั่นใจว่า มันจะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานนี่เอง
“ผมลองถามเจ้าหน้าที่ดูแล้ว แผนเดิมไม่ใช่แบบนี้เลย พวกเขาเพิ่งจะเปลี่ยนแผนไปเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนนี่เป็นแผนที่ของแผนเดิมครับ” ซุนหยุนเชิงกางแผนที่อีกแผ่นหนึ่ง “เห็นไหมครับ แผนที่ใหม่มันอ้อม…”
“มันเหมือนกับจงใจที่จะตัดผ่านมาทางหมู่บ้านใช่ไหม?” หวังเย้าถาม
“ใช่ครับ ผมเห็นด้วย” ซุนหยุนเชิงพูด
“แล้วมันเป็นแผนของใครเหรอ?” หวังเย้าถาม
“โดยทางเทคนิคแล้ว แผนการสร้างทางหลวงทั้งหมดจะต้องได้รับการอนุมัติจากทางจังหวัดก่อนครับ” ซุนหยุนเชิงพูด “แผนการจะถูกส่งขึ้นไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูง ผมคิดว่า คนที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้น่าจะเป็นฝ่ายโครงสร้างของจังหวัดครัล”
“เราเปลี่ยนแผนได้ไหม?” หวังเย้าถาม
“ผมได้ยินมาว่า มันเป็นเรื่องยากมากครับ คนของผมได้ลองติดต่อกับคนที่ดูแลเรื่องนี้ดูแล้ว” ซุนหยุนเชิงพูด
ถึงแม้ธุรกิจของซุนเจิ้งหรงจะมีขนาดใหญ่ และมีเส้นสายมากมายอยู่ภายในจังหวัด แต่ตระกูลของเขาก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการสร้างทางหลวง ซึ่งใช้งบประมาณในการก่อสร้างหลายพันล้านหยวน
แล้วการเปลี่ยนแปลงแผนการก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะหากมีการปรับเปลี่ยนแผนอีก ก็จะทำให้การก่อสร้างล่าช้าออกไปด้วย และรัฐก็ต้องการให้การก่อสร้างเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
“แล้วพวกเปลี่ยนเพราะอะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ผมได้ยินมาว่า มีการค้นพบน้ำใต้ดินในส่วนของแผนที่เดิมที่จะก่อสร้างถนน ซึ่งมันจะทำให้การก่อสร้างยุ่งยากขึ้น ดังนั้น พวกเขาก็เลยเปลี่ยนแผนน่ะครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“นายคิดว่า มันสมเหตุสมผลรึเปล่า?” หวังเย้าถาม เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องการก่อสร้างนัก ในขณะที่ซุนหยุนเชิงเข้าใจในเรื่องนี้มากกว่าเขามาก เพราะตระกูลของเขามีการลงทุนในด้านการพัฒนาที่ดินอยู่
“ไม่เลยครับ! ถ้าดูจากเทคโนโลยีในปัจจุบันแล้ว จะสร้างสะพานข้ามทะเลก็ยังได้ แค่น้ำใต้ดินไม่ถือว่าเป็นปัญหาเลยสักนิด” ซุนหยุนเชิงพูด “เรื่องการรักษาน้ำใต้ดินก็เป็นความคิดที่โง่เง่ามาก พวกเขาก็แค่สร้างสะพานข้ามจุดนั้นไปก็ได้แล้ว และมันก็ไม่ส่งผลเสียกับธรรมชาติด้วย”
“ขอบคุณที่จัดการเรื่องนี้ให้ผมนะ” หวังเย้าพูด
“ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดครับ หมอหวัง” ซุนหยุนเชิงพูด
“ผมจะรับจ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งหมด นายแค่คอยบอกข่าวเรื่องการสร้างทางหลวงให้ผมได้รู้ให้เร็วที่สุดก็พอแล้ว” หวังเย้าพูด
“ได้ครับ” ซุนหยุนเชิงพูดออกมา หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมจะพยายามใช้เส้นสายทั้งหมดแก้ไขเรื่องนี้ดู ถ้าหมอรู้ว่า มีใครที่พอจะหยุดเรื่องนี้ได้ ก็อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือนะครับ ผมคิดว่า อีกไม่นานก็คงจะมีคนเข้ามาจัดการเรื่องค่าชดเชยให้กับชาวบ้านแล้ว”
“ผมรู้” หวังเย้าพูด
ซุนหยุนเชิงไปบังเอิญได้ยินเรื่องนี้มาจากงานเลี้ยงงานหนึ่ง จากนั้น เขาก็รีบขอแผนที่จากคนที่รู้จักและนำมันมาให้หวังเย้าได้ดูในทันที
ฮึ่ม! หลังจากที่ซุนหยุนเชิงกลับไปแล้ว หวังเย้าก็เอาแต่คิดถึงเรื่องการสร้างทางหลวงไม่หยุด เขาต้องการรู้ว่า ทำไมถึงได้เปลี่ยนแผนการสร้างถนน แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือการที่เขาจะต้องหยุดมันให้ได้
ฉันควรจะไปคุยกับใครดี?
หลังจากที่คิดดูสักพัก เขาก็ตัดสินใจไปหาหยางห่ายชวนที่ห่ายชิว หยางห่ายชวนเป็นหัวนำของห่ายชิว เขากดโทรหาหยางห่ายชวน แต่สายก็ถูกตัดไปในทันที
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หยางห่ายชวนก็โทรกลับมาหาหวังเย้า “ขอโทษทีนะหมอหวัง พอดีผมกำลังประชุมอยู่น่ะ มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเหรอ?”
หวังเย้าทำการนัดหมายกับหยางห่ายชวน ในวันต่อมา หวังเย้าก็ขับรถออกจากหมู่บ้านแต่เช้าเพื่อมุ่งหน้าไปห่ายชิว
หยางหายชวนไม่ได้นัดเจอกับหวังเย้าที่ที่ทำงาน และก็ต้องประหลาดใจกับสาเหตุการมาในครั้งนี้ของหวังเย้า
“ผมไม่รู้เลย ว่าทำไมพวกเขาถึงได้เปลี่ยนแผนแบบนี้” เขาพูด แน่นอนว่า มีการรายงานเรื่องการเปลี่ยนแปลงแผนการกับเขาแล้ว แต่พวกเขาแจ้งเพียงว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และเขาก็ไม่ได้ถามลงรายละเอียดด้วย “ทางหลวงจะตัดผ่านเข้าไปในหมู่บ้านของหมอเหรอ?”
“ครับ” หวังเย้าพูด
“รอเดี๋ยวนะ” หยางห่ายชวนกดโทรออกต่อหน้าหวังเย้า
“มันเป็นคำขอของฝ่ายก่อสร้างของจังหวัดน่ะ ไม่ใช่จากทั้งเมืองเว่ยหรือห่ายชิว” หยางห่ายชวนพูด หลังจากที่วางสายเสร็จแล้ว
“มันเป็นไปได้ไหมครับ ที่ทางหลวงจะไม่ต้องตัดผ่านหมู่บ้านของผมน่ะ?” หวังเย้าถาม
“อืม เรื่องนี้มันจะยุ่งยากหน่อยนะ” หยางห่ายชวนพูด
เขาอยากจะช่วยหวังเย้า แต่ตำแหน่งในปัจจุบันของเขากลับไม่เอื้ออำนวยและค่อนข้างยุ่งยาก ในฐานะผู้นำของห่ายชิว เขาจำเป็นต้องหาข้ออ้างดีดีสำหรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงแผนการอีกครั้ง