723 มันคงจะดีถ้ามีคนตาย
คนไข้มีอาการอวัยวะภายในล้มเหลว ไม่สามารถฟื้นคืนความทรงจำ และเซลล์สมองหยุดการทำงาน เขามีปัญหาอยู่ทั่วทั้งร่างกาย แต่แพทย์ก็ไม่สามารถหาสาเหตุของการเกิดโรคได้ พวกเขาทำได้เพียงพยายามรักษาไปตามอาการเท่านั้น
“คุณน่าจะลองคิดเรื่องส่งตัวเขาไปรักษาในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้ดูนะ” แพทย์พูด
ถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดฉีจะถือเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของจังหวัด แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในระดับประเทศ บางที โรงพยาบาลในปักกิ่งอาจจะสามารถช่วยคนไข้รายนี้ได้
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ” ชายผู้เป็นคนของหงหนานพูด
ฉันจะทำยังไงดี? เขาคิด
เขารู้จักสองพี่น้องหงดี หงหนานและหงเหวินสนิทสนมกันมาก และพวกเขาก็มักจะช่วยเหลือกันอยู่เสมอ แต่ภรรยาของทั้งสองกลับไม่ถูกกัน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะพยายามอยู่อย่างสงบแล้วก็ตามที เขาคิดว่า เรื่องนี้ควรให้คนในครอบครัวของพี่น้องหงเป็นคนตัดสินใจว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี
“เราลองไปถามพี่หนานกันดูดีไหม?” เพื่อนของเขาถาม
“แกคิดว่า ตอนนี้พี่หนานจะตัดสินใจอะไรได้งั้นเหรอ?” ชายอีกคนพูด
“แต่ยังไงเราก็ต้องถามเขาอยู่ดี” ชายอีกคนพูด “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายของเขาเอง เราคงตัดสินใจเรื่องนี้กันเองไม่ได้หรอก”
ในขณะเดียวกัน หงหนานก็ถูกมัดติดอยู่กับเตียง แขนและขาของเขาไม่สามารถขยับไปไหนได้ เจ้าหน้าที่เอาบางอย่างอุดปากของเขาเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เขากัดลิ้นของตัวเอง ท่าทางของเขาดูบ้าคลั่ง เขากำลังดิ้นรนและพยายามจะกรีดร้องออกมา
เขาคิด ตาย! ฉันอยากให้มันตาย! ใบหน้าของเขาดูหน้ากลัว ราวกับคนที่ถูกผีเข้า
แกร็ก! ประตูถูกเปิดออก มีคนเดินเข้ามาในห้อง
“หัวหน้า เป็นยังไงบ้างครับ?” ชายที่เดินเข้ามาถาม
“มันตายรึยัง?” หงหนานถาม
“หัวหน้าพูดถึงอะไรเหรอครับ?” ชายคนนั้นถาม
“ฉันแกถามว่า ไอ้หมอนั่นมันตายรึยัง” หงหนานพูด
“ผมกลัวว่าจะไม่นะครับ” เขาพูด “ผมส่งคนไปจัดการกับเขาสองกลุ่ม แต่พวกเขาก็พลาด”
“อะไรนะ? ไร้ประโยชน์! ฉันอยากให้มันตาย! อยากให้ครอบครัวของมันตายไปให้หมด!” หงหนานสาปแช่ง
อยากให้เขาตายอย่างนั้นเหรอ หัวหน้ารู้รึเปล่า ว่าเป็นตัวหัวหน้าเองที่เข้าใกล้ความตายมากกว่าคนคนนั้นซะอีก?
ชายหนุ่มคิดว่า หัวหน้าของเขานั้นเกินเยียวยาแล้ว เขามัวแต่คิดที่จะฆ่าหวังเย้า แทนที่จะสนใจว่าจะรักษาตัวเองให้หายได้ยังไง หัวหน้าของเขาเป็นบ้าไปแล้ว
สองพี่น้องหงบ้ากันไปแล้ว ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่า สิ่งนี้นั้นส่งต่อทางพันธุกรรมหรือไม่
“อาจิ่ว หัวหน้าว่ายังไงบ้าง?” หลังจากที่เขาเดินออกมาแล้ว คนในแก็งค์ต่างก็เข้ามาถามเขา
“หัวหน้าเอาแต่คิดว่า ทำไมหวังเย้าถึงยังไม่ตาย” อาจิ่วพูด
“จริงเหรอ? เขายังจะคิดเรื่องหวังเย้าอยู่อีกเหรอ?” พวกเขาต่างตกใจ
“หัวหน้าหนานอาการไม่ต่างจากหัวหน้าเหวินเลยนะ” หนึ่งในพวกเขาพึมพำออกมา
“เลิกคิดเองเออเองได้แล้ว” อาจิ่วพูด
ทุกคนในแก็งค์ที่ทำงานให้กับสองพี่น้องหง ต่างก็คิดว่า หัวหน้าของพวกเขาเป็นบ้าไปแล้ว
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อดีล่ะ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งถาม
เมื่อไม่มีคำสั่งจากหัวหน้า พวกเขาก็เหมือนมองไม่เห็นทาง ถึงพวกเขาจะเป็นกลุ่มแก็งค์กลุ่มหนึ่ง แต่พวกเขาจะขาดหัวหน้าไม่ก็คงไม่ได้
สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้นก็คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาที่โรงพยาบาล
“หงเหวินกับหงหนานอยู่ที่ไหน?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม
“พวกเขาอยู่ในโรงพยาบาล” หนึ่งในคนของแก็งค์พูด
คนในแก็งค์ต่างก็ได้รับข่าวร้ายไปตามๆกัน จากการสืบสวนพบว่า หัวหน้าทั้งสองคนของพวกเขาทำผิดกฎหมาย ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แปดคนที่คอยดูแลสองพี่น้องหงก็หายไปทันที ไม่มีใครสนใจเรื่องของสองพี่น้องหงอีกแล้ว
พวกเขาคิดว่า หัวหน้าของพวกเขาจะต้องไปทำเรื่องร้ายแรงจนไปดึงดูดความสนใจของตำรวจเข้า พวกเขาทั้งข่มขู่, เบลคเมลล์, และทำร้ายร่างกายคนอื่น ภายใต้คำสั่งของพี่น้องหง พวกเขาต่างก็คิดว่า หากหนีไปตอนนี้ พวกเขาก็อาจจะรอดได้ ถ้าไม่อย่างนั้น ตำรวจก็อาจจะมาจับพวกเขาไปด้วย
เหมือนอย่างที่โบราณว่าไว้ เมื่อไม้ใหญ่ล้มลง ลิงที่อาศัยอยู่บนนั้นก็หนีหาย ในสถานการณ์นี้ ต้นไม้ยังไม่ทันจะล้ม ลิงก็หนีหายไปก่อนแล้ว ความซื่อสัตย์ไม่อาจเทียบได้กับหนึ่งชีวิตและอิสระ
ไม่นาน ข่าวเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนเรื่องของพี่น้องหงก็ได้แพร่กระจายออกไป หลายๆแก็งค์ต่างก็คิดกันว่า สองพี่น้องหงคงจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกตลอดทั้งชีวิตที่เหลือของพวกเขา รวมไปถึงเงินจำนวนห้าล้านสำหรับจ้างวานฆ่าหวังเย้าก็จะหายไปด้วย
“นี่ เราคงต้องหาความจริงเรื่องที่ว่า พี่น้องหงถูกจับจริงหรือเปล่า” หนึ่งในนักเลงพูดขึ้นมา “ถ้าพวกเขาถูกจับจริง แล้วใครจะมาจ่ายเงินให้พวกเรากันล่ะ?”
“เราสืบเรื่องนี้ที่เติ้งโจวกันเถอะ” ชายอีกคนพูด “ถ้าดูจากสิ่งที่พวกเขาเคยทำมา โทษตายก็ดูเหมือนจะเบาไปซะด้วยซ้ำ ถ้าตำรวจมีหลักฐานที่พวกเขาทำลงไป พวกเขาก็คงจะต้องติดคุกตลอดชีวิตแล้วล่ะ แล้วเราจะทำงานให้พวกเขาไปเพื่ออะไร?”
บางแก็งค์ได้เดินทางไปที่เติ้งโจว ในขณะที่บางส่วนเดินทางไปที่ตัวจังหวัดฉี
พวกเขาได้รับการยืนยันอย่างรวดเร็วว่า สองพี่น้องกำลังถูกสืบสวนอยู่ ไม่ใช่แค่สองพี่น้องหงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐบางคนในเติ้งโจวด้วย ซึ่งพวกเขาอาจจะเป็นคนที่คอยให้ความช่วยเหลือสองพี่น้องหงให้การก่ออาชญากรรมต่างๆ
“ข่าวเป็นเรื่องจริง” หนึ่งในแก็งค์พูด
“เฮ้อ ดีนะที่พวกเราไม่ได้ทำต่อ” หนึ่งในพวกเขาพูด
วิกฤตได้รับการแก้ไข้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ กลายเป็นว่าหวังเย้าติดหนี้เพื่อนของเขาไปแล้วหลายคน
อย่างที่ตู้เชียนเชิง หนึ่งในหัวหน้าแก็งค์มาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ เคยพูดเอาไว้ว่า หนึ่งหนี้บุญคุณยากที่จะทดแทนให้หมด แน่นอนว่า มีเพียงคนที่มีมิตรภาพที่ดีต่อกันเท่านั้น ที่จะคิดว่า บุญคุณนั้นยากจะทดแทน แต่สำหรับคนที่ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องมิตรภาพ บุญคุณก็เป็นเรื่องไร้ความหมายสำหรับพวกเขา
หวังเย้ากำลังคิดอยู่ว่า เขาจะตอบแทนบุญคุณของคนเหล่านั้นที่ให้ความช่วยเหลือเขายังไงดี เขาไม่สามารถทำเพียงแค่เลี้ยงอาหารมื้อเดียวแล้วจบกันไป เดี๋ยวนะ! อยู่ๆเขาก็มีความคิดดีดีขึ้นมาได้
เขาเข้าไปในตัวเมืองและกลับมาพร้อมกับกล่องไม้ขนาดเล็ก ซึ่งทำมาจากไม้และมีขนาดพอๆกับกล่องไม้ขีดไฟ บนตัวกล่องไม้มีตัวอักษรคำว่า ยา(药) สลักติดเอาไว้ อีกด้านหนึ่งของกล่องมีการสลักรูปภาพของภูเขา ที่มุมหนึ่งของกล่องไม้แต่ละกล่องยังมีรอยเว้าลงไป ซึ่งหวังเย้าเดาว่า น่าจะเป็นรอยนิ้วมือ
เขาทำยาขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งมีส่วนผสมหลักเป็นหญ้าพิษ หญ้าพิษสามารถจัดการกับพิษร้ายและแมลงพิษได้ หลังจากตัวยาเดือดได้ที่แล้ว หวังเย้านำกล่องไม้ใส่ลงไปแช่กับตัวยาที่อยู่ภายในหม้อ
ติ้ง! ครืด!
มือถือของหวังเย้าส่งเสียงดังขึ้น เขาได้รับข้อความจากซุนหยุนเชิง ด้านในมีลิ้งค์ให้กดเข้าไปอ่าน เขากดลิ้งค์ที่อยู่ในข้อความ และได้นำไปสู่ข้อความข่าวการจับกลุ่มแก็งค์ขนาดใหญ่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเติ้งโจว แก็งค์นี้ได้ก่ออาชญากรรมเอาไว้มากมาย ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้และยังรับเงินใต้โต๊ะจากหัวหน้าแก็งค์ด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงทำการสืบสาวราวเรื่องต่อไปอีก และได้นำไปสู่การจับกุมสองพี่น้องหงเหวินกับหงหนาน
หวังเย้าส่งข้อความกลับไปหาซุนหยุนเชิง : [ขอบคุณมากครับ ถ้ามีเวลาแวะมาที่หมู่บ้านทีนะครับ]
ไม่นาน หวังเย้าก็ได้ข้อความตอบกลับจากซุนหยุนเชิง : [ได้ครับ]
ในขณะเดียวกันนั้น จงหลิวชวนก็ได้พบกับแขกที่คาดไม่ถึง
“ว่าไง สบายดีไหม?” เขาคนนั้นถาม “ไม่คิดเลยนะ ว่านายจะปลีกตัวมาอยู่ในที่แบบนี้น่ะ”
เมื่อเห็นใบหน้าของแขกที่มาหา จงหลิวชวนก็มีท่าทีตื่นตัวขึ้นมาทันที เขาเป็นชายหนุ่มที่อายุพอๆกับจงหลิวชวน และมีท่าทีแปลกๆเล็กน้อย จงหลิวชวนเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับชายคนนี้มาหลายอย่าง
“ฉันคิดว่า ฉันไม่จำเป็นต้องรายงานว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ให้นายรู้หรอกนะ” เขาพูดเสียงเย็น
“แน่นอน เราไม่ได้มีกฎแบบนั้นอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่าวิตกไปเลย พอได้รู้ว่านายอยู่ที่ไหน ฉันก็เลยอยากมาเยี่ยมก็เท่านั้นเอง แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอ? นายคิดจะมาอยู่ที่นี่เลยเหรอ? ฟังดูเหมือนไม่ใช่นายเลยนะ”
จงหลิวชวนไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“แล้วน้องสาวของนายอยู่ที่ไหนล่ะ?” ชายหนุ่มถาม
ทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงจงอันซิน จงหลิวชวนก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาชายหนุ่มทันที “พวกเขากลัวนาย แต่ฉันไม่ ลองดูสิ”
“ลองเหรอ?” ชายหนุ่มถาม “ก็ได้ ที่นี่เลยเหรอ?”
จงหลิวชวนไม่ได้มีท่าทีอะไร เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและพยายามระงับความโกรธเอาไว้
“ทีมของเราต้องการนาย” ชายหนุ่มพูด
“ฉันเลิกทำแล้ว” จงหลิวชวนพูด
“นายจะออกไปเฉยๆไม่ได้หรอกนะ” ชายหนุ่มพูด “บางครั้ง นายก็ทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้หรอก”
“ที่นี่ไม่ใช่เขตของนาย” จงหลิวชวนพูด
“อืม งั้นก็ลองคิดดูดีดีแล้วกันนะ จำเอาไว้ด้วยล่ะ ว่าให้กลับมาถึงที่บริษัทพุธนี้ตอนบ่ายสามโมง” ชายหนุ่มพูด ก่อนที่เขาจะเดินออกไป
จงหลิวชวนที่นั่งอยู่ภายในบ้าน มีท่าทางเคร่งเครียด
“ดอกไม้กำลังเบ่งบาน ได้โปรดอย่าหยุด…” ชายหนุ่มฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีและเดินไปถามถนนช้าๆ
“หืม หมู่บ้านนี่ดีทีเดียว แต่คงจะดีกว่านี้ถ้ามีคนตาย” ชายหนุ่มพึมพำออกมา
“นายพูดว่าอะไรนะ?” หวังเย้าที่บังเอิญได้ยินคำพูดของชายหนุ่มเอ่ยถามออกไป
“หา?” ชายหนุ่มหยุดเดิน เขาหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา “สวัสดี? นายกำลังพูดกับฉันเหรอ?”
“ใช่ เมื่อกี้นี้ นายพูดว่าอะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ทำไม?” ชายหนุ่มถามกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“นายพูดว่า หมู่บ้านนี้ดี แต่ทำไมต้องอยากให้มีคนตายด้วย?”
ถึงชายหนุ่มจะพูดเสียงเบามาก มากจนไม่มีใครสนใจว่าเขาพูดอะไร แต่หวังเย้าไม่ใช่
“โอ้! นายกล้ามาแอบฟังฉันแบบนี้ได้ยังไง” ชายหนุ่มพูด
หวังเย้าจับจ้องชายหนุ่มแปลกหน้า ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลย