753 พอใจก็ดีแล้ว
ดูเหมือนว่าการรักษาเป็นเวลา 10 วัน จะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากสำหรับคนไข้ เขารับสมุนไพรมา จ่ายเงินค่ารักษาและจากไป ตัวคนไข้ดูสับสนและไม่มั่นใจ เขาไม่ได้นำคำพูดของหวังเย้าเก็บมาใส่ใจมากนัก
หวังเย้าเคยเห็นท่าทีแบบนี้จากคนไข้มาหลายต่อหลายคนแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่มารักษากับเขาเพราะได้ยินถึงความมหัศจรรย์ที่เขาเคยทำ แต่พวกเขาเมื่อเห็นว่าหวังเย้ายังอายุน้อย พวกเขาก็เริ่มไขว้เขว และไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลังจากที่การรักษาเริ่มเห็นผล พวกเขาก็ค่อยๆเชื่อในฝีมือของหวังเย้ามากขึ้น พวกเขาส่วนใหญ่อาการดีขึ้นในเวลาไม่นาน แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น คนไข้บางรายไม่ได้ทำตามที่หวังเย้าแนะนำหรือลืมกินยาหลังกลับไปจากคลินิกแล้ว ไม่นานอาการของคนเหล่านั้นก็จะแย่ลง
คนไข้รายที่สี่ไม่ใช่คนจากหมู่บ้านเดียวกับหวังเย้า เขาสวมแว่นสายตา อาการของเขาต่างไปจากคนอื่นๆ ดวงตาข้างซ้ายของเขาได้รับความเสียหายจากด่าง
หวังเย้าสังเกตเห็นว่า ดวงตาข้างซ้ายของคนไข้เต็มไปด้วยเลือด และเริ่มเปื่อยยุ้ย “คุณได้รับบาดเจ็บที่ตาเมื่อไหร่ครับ?”
“ประมาณอาทิตย์ที่แล้วครับ” คนไข้พูด
“คุณไม่ได้รีบไปรักษาที่โรงพยาบาลในตอนแรกเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“เปล่าครับ ตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจมาก” คนไข้พูด
“แล้วทำไมคุณถึงได้มาที่นี่ล่ะครับ?” หวังเย้าถาม
คนที่มีอาการแบบนี้มักจะเดินทางไปที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเป็นอันดับแรก คลินิกส่วนใหญ่จะไม่รับคนไข้แบบเขา เพราะการใช้ยาแค่ไม่กี่ตัวอาจไม่สามารถทำให้ดวงตาของเขาดีขึ้นได้
“คือ ผมได้ยินมาว่า คุณเป็นหมอที่เก่งมาก แล้วถ้ามารักษาที่นี่ก็ไม่แพงด้วย” หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คนไข้ก็ตอบกลับมา
“ไม่แพงงั้นเหรอ?” หวังเย้ายิ้ม เขาคิดว่า นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำไมเขาถึงได้มาที่นี่
นั่นเป็นเพราะว่า เขายังไม่เคยเห็นคนที่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาเป็นล้านที่นี่ต่างหาก หวังเย้าคิด
ของคุณภาพสูงในราคาถูกมักไม่มีอยู่บนโลกนี้
“ผมสามารถรักษาตาให้คุณได้ แต่ค่ารักษาค่อนข้างแพงนะครับ” หวังเย้าพูด
“เท่าไหร่เหรอ?” ชายในวัยสี่สิบถาม
“อย่างน้อยก็หนึ่งพันหยวนครับ” หวังเย้าตอบ
“แพงขนาดนั้นเลยเหรอ?!” คนไข้ตกใจ “คุณคิดถูกกว่านี้หน่อยได้ไหม?”
“อืม แล้วคุณคิดว่า ตาของคุณมีค่าเท่าไหร่ล่ะครับ?” หวังเย้าถามด้วยรอยยิ้ม
ก็อก! มีคนเดินเข้ามาในคลินิก
“สวัสดี หมอหวัง” เขาก็คือ พันจวิน
“สวัสดี พันจวิน วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ไม่ไป พอดีมีเรื่องต้องจัดการที่บ้านน่ะ” พันจวินพูด “ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันคงมาที่นี่เร็วกว่านี้ หมอมีคนไข้เหรอ?”
“อืม ลองมาดูตาของคนไข้คนนี้สิ” หวังเย้าพูด
หลังจากตรวจดูดวงตาของคนไข้แล้ว พันจวินก็พูดว่า “โอ้โห! นี่มันหนักมาเลยนะ เกิดอะไรขึ้นกัน?”
เขาทำหน้าในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล คนไข้ที่มาแผนกของเขาจะได้รับการรักษาเบื้องต้นก่อนจะถูกนำส่งต่อไปยังแผนกอื่น คนไข้ที่มาแผนกฉุกเฉินมักจะเป็นคนไข้ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ หรืออยู่ๆก็หมดสติไป
พันจวินพบเจอคนไข้ที่มีปัญหาที่ดวงตามามากกว่าหนึ่งคน หนึ่งในนั้นถูกแทงด้วยเส้นลวดที่หล่นลงมากเครื่องยนต์ และทำให้เขาต้องตาบอด ทางโรงพยาบาลรักษาให้เขาเท่าที่จะทำได้ ก่อนส่งเขาไปรักษาต่อที่เมืองเต๋า ดังนั้น สุขภาพและความปลอดภัยในระหว่างการทำงานเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
“ดวงตาของเขาได้รับบาดเจ็บจากด่างชนิดหนึ่ง” หวังเย้าพูด “ถ้าเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลของคุณ พวกหมอจะทำอะไรกับบ้าง?”
หลังจากตรวจดูดวงตาของคนไข้อย่างละเอียดแล้ว พันจวินก็ตอบกลับไปว่า “เขาต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล สภาพของดวงตาในตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ฉีดยาให้เขาก่อนเพื่อดูอาการต่อไป”
“นี่ใครเหรอ?” คนไข้ถาม
“สวัสดีครับ ผมชื่อพันจวิน เป็นหัวหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลประจำเขต หมอหวังเป็นอาจารย์ของผมครับ” พันจวินพูดด้วยรอยยิ้ม
คนไข้ตกใจ “คุณล้อเล่นใช่ไหม? หมอระดับอาวุโสของโรงพยาบาลกลายมาเป็นลูกศิษย์ของหมออายุน้อยแบบนี้เนี่ยนะ?”
พันจวินหัวเราะ
“เอ่อ คือ ช่างมันเถอะ” คนไข้ไม่ได้เก็บคำพูดของพันจวินมาคิดเป็นจริงเป็นจัง
“ถ้าเขารักษาตัวที่โรงพยาบาลจะต้องใช้เงินเท่าไหร่เหรอ?” หวังเย้าถาม
“เรื่องนี้ก็พูดยากนะ” พันจวินพูด “ค่าตรวจหลังจากแอดมิท บวกกับค่าเตียง ค่ายา อย่างน้อยๆก็สองพันต่ออาทิตย์”
“นี่กำลังเล่นละครกันอยู่ใช่ไหม?” คนไข้ถามด้วยความไม่พอใจ “หึ ฉันว่าฉันกลับดีกว่า ขอบคุณ”
คนไข้ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกไป หวังเย้าก็พูดขึ้นมาว่า “ตัวผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว คุณต้องคิดดูให้ดีดีนะครับ จากนี้ก็ควรจะรีบไปโรงพยาบาล ถ้าไม่อย่างนั้น คุณอาจจะตาบอดได้”
“โอเค” คนไข้พูด
“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?” พันจวินถาม
เขาประหลาดใจที่คนไข้กลับไปแบบนี้ เขาสามารถบอกได้ทันทีว่า บาดแผลของคนไข้เริ่มมีการติดเชื้อแล้ว คนไข้จำเป็นต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะตาบอด”
“เขาไม่เชื่อใจผมน่ะสิ” หวังเย้าพูด
“หนึ่งพันหยวนนี่มันบ้าไปแล้ว” หลังเดินออกมาจากคลินิก ชายคนนั้นก็ยังคงไม่พอใจเรื่องนี้ “อีกคนยังมาบอกว่าเป็นหมอแผนกฉุกเฉินอีก ให้ตายเถอะ ทำไมไม่บอกล่ะว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญจากปักกิ่ง คิดว่าฉันโง่รึยังไง?”
ฉันน่าจะไปรักษาที่โรงพยาบาลดีกว่า เขาคิด
“ค่ารักษาหนึ่งพันนี่ไม่ถือว่าแพงเลยนะ” พันจวินพูด หลังจากที่หวังเย้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง
“ผมก็คิดเหมือนกันว่ามันไม่ได้แพงมาก แล้วอาการของเขาก็จะดีขึ้นในทันทีด้วย” หวังเย้าพูด “แต่เขาก็ไม่เชื่อผม”
“ผมว่า อีกไม่นานเขาจะต้องเสียใจแน่” พันจวินพูด
“ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกรับการรักษาที่พวกเขาต้องการ” หวังเย้าพูด “คนไข้คนต่อไป ผมปล่อยให้พี่เป็นคนจัดการได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหา” พันจวินพูดด้วยรอยยิ้ม
ในขณะเดียวกัน ภายในโรงแรมหรูที่สุดของยุนนานใต้ ชายที่ถูกมาโดยแม่ของโฮ่วชื่อต๋าก็ได้มาพบกับหมอหวู่ ผู้เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของราชายา
“คุณพร้อมรึยังครับ หมอหวู่” เขาถาม
“ครับ” หมอหวู่ตอบ
พูดตามตรง เขาเคยพบเจอคนมีเงินมาแล้วมากมาย แต่ชายคนนี้ต่างออกไป
“เราออกเดินทางวันพรุ่งนี้ได้ใช่ไหมครับ?” เขาถาม
“แน่นอน” หมอหวู่พูด
“เยี่ยมเลยครับ ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้ว” เขาพูด
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเชิญราชายาไปรักษาที่ปักกิ่งได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเชิญลูกศิษย์ของราชายาไปได้ ถือว่าดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
วันถัดมาเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และมุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง
“นี่คือปักกิ่งเหรอ?” หมอหวู่ถามเสียงเบา เมื่อเขามองดูเมืองอันเก่าแก่และคับคั่งที่อยู่ด้านล่าง
“ครับ นี่เป็นครั้งแรกของคุณที่ปักกิ่งสินะครับ?” เขาถาม
“ใช่แล้ว” หมอหวู่พูด
“ยินดีต้อนรับครับ” เขาพูด
“ขอบคุณ” หมอหวู่พูด
ปักกิ่งทั้งร้อนและวุ่นวาย
“พระเจ้า ที่นี่ร้อนจริงๆ” หมอหวู่พูดในขณะที่เดินออกจากสนามบิน
“มันร้อนกว่าเมืองที่คุณหมออยู่มาก” เขาพูด
สภาพอากาศที่ปักกิ่งแตกต่างจากเมืองเล็กๆที่หมอหวู่อาศัยอยู่ มันเป็นความร้อนราวกับกำลังถูกเผา หมอหวู่รู้สึกว่า เขากำลังสูดเอาเปลวไฟเข้าสู่ปอด มันเป็นความรู้สึกไปไม่ดีเลย
ความประทับใจแรกต่อปักกิ่งของหมอหวู่ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แม้จะเป็นเมืองใหญ่ ความวุ่นวายก็มากตามไปด้วย ไม่นานเขาก็ขึ้นนั่งบนรถหรูพร้อมกับแอร์เย็นฉ่ำคันหนึ่ง
“เราไปหาคนไข้กันเลยไหมครับ?” เขาถาม
“ครับ” หมอหวู่พูด
รถเคลื่อนตัวออกไปตามถนนคอนกรีตอย่างช้าๆ
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ตอนนี้เป็นช่วงเวลารถติดพอดี” เขาพูด
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่มีโอกาสได้เห็นรถเยอะขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน” หมอหวู่พูด
ตามจริง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญกับสถานการณ์รถติดหนักขนาดนี้
“เมืองนี้อาศัยอยู่ได้จริงเหรอ?” หมอหวู่ถามในขณะที่กำลังมองดูตึกคอนกรีตสูงที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป ต้นไม้ที่ประดับประดาตามท้องถนนทำได้เพียงเพิ่มสีสันให้กับเมืองเท่านั้น เขาสงสัยว่า สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองหรือว่าคุกขนาดใหญ่กันแน่ “เมืองนี้ถือว่าคับคั่งสำหรับผมมาก”
“โทษที หมอพูดว่าอะไรนะครับ?” เขาถาม
“ผมรู้สึกอึดอัดน่ะ” หมอหวู่พูด “คนที่อาศัยอยู่ที่นี่คงจะเคร่งเครียดกันมาก ตัวเมืองก็เต็มไปด้วยความเร่งรีบ”
“จริงเหรอครับ?” เขาถาม “ที่หมอพูดอาจจะถูกก็ได้ อยู่ในรถแบบนี้ก็ยังรู้สึกได้เหรอครับ?”
“อืม ผมทั้งรับรู้และมองเห็นมัน” หมอหวู่ชี้ไปที่ดวงตาของตัวเอง
พวกเขาใช้เวลาเดินทางไปโรงพยาบาลเกือบสองชั่วโมง
“นี่คือโรงพยาบาลเหรอ?” หมอหวู่ถาม
“ครับ หมอพอจะคุ้นบ้างไหมครับ?” เขาถาม
“ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับโรงพยาบาลนี้มาบ้าง” หมอหวู่พูด
“คนไข้อยู่ข้างในครับ” เขาพูด
ทั้งสองเดินเข้าไปด้านในโรงพยาบาลและพบกับคุณหลี่ที่กำลังรอพวกเขาอยู่
“คุณผู้หญิงครับ นี่คือหมอหวู่ หนึ่งในลูกศิษย์ของราชายาครับ” เขาพูด
“สวัสดีค่ะ หมอหวู่ ขอบคุณที่อุตส่าห์เดินทางมาถึงที่นี่นะคะ” คุณหลี่พยายามสุภาพให้มากเท่าที่จะทำได้ เพราะตัวเธอเองเป็นถึงหนึ่งในสมาชิกของชนชั้นสูง
“ยินดีครับ แค่ทั้งสองฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการก็พอ” หมอหวู่พูด
“ดีค่ะ” คุณหลี่ยิ้ม เธอชอบคนตรงไปตรงมา