764 เพื่อนกันแทงข้างหลัง
ซูจือฉิงที่ได้ยินเสียงพูดคุย ก็เดินออกมาแล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “นายมาแล้ว! ไม่เห็นจะต้องเอาของมาเยอะแยะแบบนี้เลย!”
“เข้ามาสิจ๊ะ” ซงรุ่ยยิ่งพูด
“สวัสดีครับ คุณป้า” หวังเย้าพูด
“นั่งก่อนสิ” ซงรุ่ยปิงพูด
หลังจากนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกันครบแล้ว ทุกคนก็พูดคุยกันในเรื่องทั่วๆไป ซงรุ่ยยิงถามถึงสุขภาพพ่อแม่ของหวังเย้า เธอไม่ได้พูดอะไรมาก และซูจือฉิงรับบทถามคําถามเป็นส่วนใหญ่
หลังจากนั้นสักพัก ซูเซี่ยงฮวาก็กลับมาถึงบ้าน
“สวัสดีครับคุณลุง” หวังเย้าพูด
“ว่าไง มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถาม
“เมื่อคืนวานครับ” หวังเย้าตอบ
“อ่อ มาคราวนี้ก็อยู่สักหลายวันสิ” ซูเซี่ยงฮวาพูด
ตอนนี้พวกเขาอยู่กันครบแล้ว ทั้งหมดจึงเริ่มทานอาหารกัน ในตอนที่กําลังทานอาหารอยู่นั้น ซูเสี่ยวซวีมักจะยิ้มอยู่บ่อยครั้ง เธอชอบการที่ได้อยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้มาก โดยเฉพาะการที่มีคนที่เธอรวมอยู่ด้วย
เมื่อมองไปที่ลูกสาว ซงรุ่ยปิงก็ได้แต่ถอนหายใจ เด็กโง่
หลังมื้ออาหาร หวังเย้าไม่ได้อยู่นานนัก เขาเอ่ยลาและเดินออกมาพร้อมกับซูเสี่ยวซวี
“อย่ากลับเลยนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “คุณพักอยู่ที่บ้านหลังนั้นก็ได้นี่คะ”
“ก็ได้” หวังเย้าตอบ “แต่ผมยังไม่ได้เช็คเอาท์จากโรงแรมเลย อยู่ที่นี่ก็สบายดีเหมือนกัน”
“ฉันพานายไปที่นั่นเอง” ซูจือฉิงที่กระตือรือร้นกับการได้อยู่กับหวังเย้าเพียงลําพังพูด
ซูจือฉิงกับหวังเย้าพากันไปที่โรงแรม
เมื่อไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย คุณชายของบ้านตระกูลซูก็พูดคุยกับหวังเย้าอย่างเป็นกันเองและเป็นมิตรมากขึ้น ราวกับเขาเป็นคนในครอบครัว “น้องเขย คราวนี้นายจะอยู่ปักกิ่งนานแค่ไหนเหรอ?”
“ประมาณอาทิตย์หนึ่งครับ” หวังเย้าตอบ
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” ซูจือฉิงถาม
“หลังจากนั้นก็กลับไปรักษาคนไข้ที่หมู่บ้านตามเดิม” หวังเย้าพูด
“แบบนั้นมันน่าเบื่อเกินไป” ซูจือฉิงพูด “นายสนใจอย่างใช้ชีวิตแบบเต็มที่กว่านี้ไหมล่ะ?”
“คุณอยากพูดอะไรกันแน่?” หวังเย้าหันไปหาซูจือฉิง
“ที่ทํางานของฉันขาดครูฝึกนะ” ซูจือฉิงพูด
“โทษที แต่ผมไม่สนใจ” หวังเย้าหัวเราะ
ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกัน เรื่องนี้ก็ได้เคยถูกเอ่ยถึงมาแล้ว ถึงแม้ว่าวันหนึ่งซูจือฉิงอาจจะกลายมาเป็นพี่เขยของเขา แต่เขาก็ไม่คิดจะตกลงอยู่ดี
“นายแค่ต้องคอยแนะนําพวกเขาเท่านั้น” ซูจือฉิงพูด “นายไม่จําเป็นต้องอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวันหรอกนะ นายจะมีสถานะพิเศษ ทําไมถึงไม่สนใจล่ะ?”
“ทักษะที่ผมมีไม่ดีพอที่จะสอนพวกคุณ” หวังเย้าหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
ในเวลานี้ การจราจรในปักกิ่งติดขัดอย่างมาก ตึกที่อยู่สองข้างทางส่องสว่างเป็นการเริ่มช่วงเวลาของความวุ่นวาย
“นายถ่อมตัวเกินไปแล้ว น้องเขย” ซูจือฉิงเรียกเขาว่าน้องเขยได้อย่างง่ายดาย “จําคนที่ฉันพาไปด้วยคราวก่อนได้ไหม?”
“ผมค่อนข้างประทับใจทีเดียว” หวังเย้าพูด
“กองกําลังของเราเป็นแชมป์การต่อสู้ประชิดตัว แต่พอต้องมาเผชิญหน้ากับนาย พวกเขากลับทําอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง” ซูจือฉิงพูด “พอกลับไป เขาก็พูดว่า คนแบบนี้ถูกเรียกว่าปรมาจารย์กังฟู ในประเทศมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ฉันสงสัยจริงๆว่านายไปฝึกของพวกนี้ได้ยังไง?”
“ดูไฟแดงข้างหน้าด้วยครับ” หวังเย้าพูด เบรกถูกเหยียบจนได้ยินเสียงดังเอี้ยด “อืม ต้องฝึกหนักและมีปัญญาร่วมด้วยนิดหน่อย”
“แล้วอะไรอีก?” ซูจือฉิงถาม
“ไม่มีแล้ว” หวังเย้าตอบ
“ไม่มีแล้ว? เป็นไปได้ยังไงกัน? นายคิดว่าฉันเป็นเด็ก 3 ขวบรึยังไง?” ซูจือฉิงถาม
“ผมพูดความจริง จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ” หวังเย้าตอบ “เลี้ยวขวาข้างหน้าด้วย”
รถเลี้ยวไปทางขวา
“เราถึงแล้ว” หวังเย้าพูด
หลังลงมาจากรถแล้ว ซูจือฉิงก็หันไปมองโรงแรมที่เป็นเครือของต่างประเทศ แล้วถามขึ้นมาว่า “นายชอบอยู่ที่แบบนี้เหรอ?”
“มันเป็นโรงแรมดัง ดังนั้นมันง่ายที่จะจอง” หวังเย้าตอบ
“อ้อ สรุปแล้วนายก็เป็นคนรวยเหมือนกันสินะ น้องเขย!” ซูจือฉิงถอนหายใจ
“จะขึ้นไปเช็คเอาท์ด้วยกันไหม?” หวังเย้าถาม
“ไปสิ ยังไงตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่” ซูจือฉิงพูด
พวกเขาขึ้นลิฟท์ไปด้วยกัน ด้านในนั้นมีคนอยู่เจ็ดคน
หวังเย้าหันไปมองชายที่อยู่ข้างๆเขา ชายคนนี้สูงเกือบสองเมตร ข้างกายเขามีชายที่ดูค่อนข้างฉลาด แต่ดูเหมือนเขาจะมีความสามารถมากกว่านั้น ทั้งสองคนเป็นชาวต่างชาติ หน้าตาดูคล้ายกันอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์กับเจสัน สเตธัม พวกเขามีกลิ่นกายที่พิเศษ แล้วยังเป็นกลิ่นที่หวังเย้าไม่ชอบมากด้วย
บังเอิญว่าพวกเขามาชั้นเดียวกัน ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องเดียวกัน ซึ่งห่างจากห้องของหวังเย้าอยู่หลายห้อง
“มีอะไรเหรอ?”
“สองคนนั้นมีปัญหานะ” หวังเย้าพูด
“ปัญหาอะไร?” ซูจือฉิงถาม
“พวกเขาเพิ่งฆ่าคนมา” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ? เป็นไปไม่ได้!” ซูจือฉิงตกใจ
พวกเขาอยู่ในปักกิ่ง สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดที่สุดในประเทศ
“พวกเขาเหมือนจะพกปืนด้วย” หวังเย้าพูด
“เรื่องจริงเหรอ?” ซูจือฉิงสงสัย
“ไม่เชื่อเหรอ?” หวังเย้าถาม “งั้นก็โทรหาตํารวจ แล้วบอกให้มาตรวจพวกเขาดูสิ”
“แบบนั้นไม่ดีเลยนะ” ซูจือฉิงพูด “ยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนชาวต่างชาติ”
“แล้วเพื่อนชาวต่างชาติคิดจะทําอะไรที่นี่ก็ได้อย่างนั้นเหรอ?” หวังเย้าหันไปหาซูจือฉิง “นี่เป็นอาณาเขตของพวกเรา ไม่ใช่เมืองขึ้นของพวกเขา”
เขามีเพื่อนเป็นตํารวจอยู่ในปักกิ่งด้วยเส้นสายของบ้านเขา เจ้าหน้าที่ตํารวจเดินทางมาถึงโรงแรมอย่างรวดเร็ว
“มารอดูโชว์กัน” หวังเย้าพูด
ทั้งสองรอคอยอยู่ที่ทางเดิน
“นี่ จะมีอันตรายอะไรไหม?” ซูจือฉิงถาม
“คุณไม่ใช่ทหารกล้าหรอกเหรอ?” หวังเย้าถาม
“โอ้โห ฉันไม่ได้โง่นะ” ซูจือฉิงตอบ “ถ้าเกิดมีการยิงกันขึ้นมาจะทํายังไง?”
“ไม่หรอก” หวังเย้าพูด
เจ้าหน้าที่ตํารวจในชุดธรรมดาเรียกพนักงานมา แล้วขอให้เธอช่วยเจ้าหน้าที่อีกคนเปิดประตู ประตูถูกเปิด ปรากฏภาพของชายเปลือยกายแกร่งช่วงบน เผยให้เห็นรอยสักรูปสิงโต
“นี่เจ้าหน้าที่ตํารวจ นี่คือการตรวจสอบประจําวัน” เจ้าหน้าที่ตํารวจพูด
“อะไรนะ?” ชายที่อยู่ภายในห้องตกใจ
เจ้าหน้าที่ตํารวจเดินเข้าไปตรวจสอบภายในห้อง จากนั้นไม่นานก็เดินออกมา หลังจากผ่านไปสักพัก ซูจือชิงก็ได้รับโทรศัพท์
เขาหันหน้าไปหาหวังเย้า แล้วพูดว่า “คราวนี้นายพลาดแล้ว ข้างในนั้นไม่มีอะไรเลย”
“เป็นไปไม่ได้!” หวังเย้าพูด
“นี่ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ” ซูจือฉิงพูด
“ก็ได้ งั้นผมจะไปดูเอง” หวังเย้าพูด
“เฮ้ย นายคิดจะทําอะไรน่ะ? แล้วนายจะเข้าไปข้างในยังไง?” ซูจือฉิงถาม
“ๆ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับผม คุณจัดการปิดเรื่องให้ได้ไหม?” หวังเย้าถาม
“อย่าสร้างเรื่อง” ซูจือฉิงพูด “ที่นี่ปักกิ่งนะ”
“ไม่ต้องห่วง” หวังเย้ายิ้มแล้วโบกมือ เขายกมือขึ้นจับหน้าของตัวเอง “คุณมองไม่เห็นว่าผมเป็นใครใช้ไหม?”
ซูจือฉิงได้แต่อึ้ง หวังเย้าอยู่ห่างจากเขาแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น แต่เขากลับมองไม่เห็นหน้าของหวังเย้าเลย ราวกับว่ามีม่านหมอกบางอย่างปกคลุมหน้าของเขาเอาไว้
“นี่มันวิธีการบ้าบออะไรกันเนี่ย?” ซูจือฉิงถาม
“การเปลี่ยนหน้า ในการแสดงของจีนยังไงล่ะ” หวังเย้าตอบ
“เลิกโกหกได้แล้ว” ซูจือฉิงพูด “นายคิดว่า ฉันไม่เคยดูการแสดงเปลี่ยนหน้ากากหรือยังไง? พวกเขาสวมหน้ากากเอาไว้ต่างหาก ฉันจะบอกไว้ก่อนนะ ในโรงแรมนี้มีกล้องอยู่ทั่วเลยล่ะ”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะผมออกไปจากด้านนอกได้” หวังเย้ายิ้ม แล้วชี้ไปด้านนอกหน้าต่าง
“หยุดล้อเล่นได้แล้ว! นี่มันชั้น 27 นะ!” ซูจือฉิงพูด
เมื่อมองจากด้านบน คนที่อยู่ด้านล่างก็ดูราวกับมดตัวเล็กๆ หากร่วงลงไปจากตรงนี้ ร่างของเขาจะแหลกเละอยู่ที่พื้น
“ช่างเถอะ” หวังเย้าพูด
“ใช่ ช่างมัน” ซูจือฉิงพูด “นายมาปักกิ่งก็เพื่อน้องสาวของฉัน ไม่ใช่ให้มาทําเรื่องพวกนี้”
หลังคุยกันได้สักพัก ซูจือฉิงก็เตรียมออกไปจากโรงแรม แต่ก่อนที่เขาจะไป เขาได้เตือนไม่ให้หวังเย้าทําเรื่องอันตราย เขาต้องใช้เหตุผล และหักห้ามใจตัวเอง
ที่บ้านตระกูลซู ซูเซี่ยงฮวาเทไวน์แดงที่หวังเย้าให้มา
“อืมมม ไวน์ดี เธอก็ลองดื่มดูสิ” เขาพูดกับภรรยาที่นั่งตรงข้าม
“พอเถอะค่ะ เลิกชมเขาได้แล้ว” ซงรุ่ยยิ่งพูดกลั้วหัวเราะ
“ไวน์นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ เทียบกับไวน์จากต่างประเทศได้เลย” ซูเซี่ยงฮวาพูด “ยอดเยี่ยม คนเป็นหมออย่างเขากลับทําไวน์ได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้!”
“คุณเห็นรึเปล่าคะ ว่าเสี่ยวซีน่ะชอบเขามาก?” ซงจุ้ยปิงพูด
“อืม มันเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้หญิงวัยนี้อยู่แล้ว” ซูเซี่ยงฮวาพูด
“ปกติตรงไหนกัน?” ซงรุ่ยยิงพูด “ฉันกลัวว่าเธอจะเสียหายน่ะสิคะ!”
“เสียหายตรงไหนกัน?” ซูเซี่ยงฮวาถาม “หวังเย้าเป็นคนน่าเชื่อถือคนหนึ่ง เสี่ยวซวีอยู่กับเขาไม่มีทางเสียหายแน่นอน”
“คุณ…”
“มาๆๆ ผมเทไวน์ให้คุณเอง” ซูเซี่ยงฮวาพูด “ลองดื่มดูสิ มันดีมากเลยนะ!”
คืนนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช้าวันต่อมา หวังเย้าตื่นแต่เช้า แขกของโรงแรมสามารถทานอาหารเช้าฟรี เขาจึงออกจากห้องเพื่อไปหาอะไรกิน เขาบังเอิญเจอกับชายชาวต่างชาติที่เจอกันเมื่อคืนก่อน เขาไม่ได้พกปืน แต่กลับพกมีดด้ามหนึ่ง
โอ้ ดูเขาทําสิ การรักษาความปลอดภัยรอบๆนี้แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? หวังเย้าคิด
อากาศอบอุ่น ดังนั้น ชายคนนั้นจึงสวมเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น แต่กระเป๋าของเขากลับถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี หากตรวจสอบอย่างลวกๆก็ไม่อาจพบสิ่งแปลกปลอมเหมือนอย่างเมื่อคืน
ชายคนนั้นเดินไปที่ห้องอาหาร ยิ่งหวังเฝ้ามองเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าชายคนนี้มีปัญหา
เขาคิด อืมมม ฉันมีความคิดดีดีแล้ว
ชายต่างชาติที่กําลังทานอาหารอยู่นั้น อยู่ๆเขาก็ล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับเสียงคราง ร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” คนที่อยู่ภายในห้องอาหารพากันตกใจ “เรียกหมอเร็ว”
ไม่นานรถพยาบาลมาก็ถึง แล้วพาชายต่างชาติคนนั้นไป
Related