ความกังวลของซงรุ่ยปิงลดน้อยลง
“ยาวิเศษอะไรแบบนี้!” หมอหล่อุทาน
เขาจับชีพจรของซูจือจึงดูเมื่อสิบนาทีที่แล้ว มันดูคล้ายปลาที่กําลังแหวกว่ายอยู่ในน้ํา เขาพบว่ามันยากที่จะจับไว้ได้ และรู้ว่ามันคือชีพจรของคนตาย แต่ครูต่อมา ชีพจรของเขาก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง ยาเพียงเม็ดเดียวกับดึงคนตายให้กลับคืนมาได้
“ฉันคิดว่า ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วล่ะ” หมอเฉินพูดขึ้นหลังจากตรวจชีพจรดูแล้ว “ตัวยาจะเข้าไปปกป้องอวัยวะของเขาเอาไว้ ตอนนี้ถือว่าเขายังปลอดภัย”
“ขอบคุณมากนะคะ” ซงรุ่ยปิงพูด
เมื่อหมอหลีกับหมอเฉินบอกว่าซูคือนิ่งพ้นขีดอันตรายแล้ว เธอก็ไม่กังวลมากเหมือนก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหมอหลี่และหมอเฉิน ลูกชายของเธอคงทนจนลูกสาวกลับไปเอายามาให้ไม่ไหว เธอจึงรู้สึกขอบคุณหมอทั้งสองท่านเป็นอย่างมาก
“ตอนนี้ ที่เธอต้องทําก็คือรอล่ะนะ” หมอเฉินพูด
ผลของเม็ดยาไม่เพียงสร้างความประทับต่อหมอหลและหมอเฉินเท่านั้น แต่มันยังสร้างความประทับใจแก่แพทย์พยาบาลในโรงพยาบาลอีกด้วย พวกเขาต่างเป็นกังวลว่าซูคือฉิงจะตาย แต่แล้วอยู่ๆ ในเวลาแค่ไม่กี่นาที เขาก็รอดพ้นอันตรายมาได้ด้วยยาเพียงเม็ดเดียว พวกเขาต่างสงสัยเกี่ยวกับยาเม็ดนั้น
“เมื่อกี้เห็นไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” หมอหนุ่มถาม
“อืม มันคือยาอะไรกัน? วิเศษสุดๆ!” หมอรุ่นพี่อุทาน
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอรู้ไหมครับ?” หมอหนุ่มถาม
“ไม่รู้ แต่ผมก็เตือนทุกคนไว้ก่อนเลยว่า ห้ามถามเรื่องนี้และห้ามเอาไปพูดข้างนอกเด็ดขาด” หมอรุ่นพี่พูด “ห้ามบอกคนอื่นเรื่องที่เห็นวันนี้ พวกคุณคงรู้ว่าพวกเขามีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ขนาดไหน”
“พวกเขาล้วนรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังของซูจือจิง ตั้งแต่ที่เขาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล เหล่าผู้อาวุโสของทั้งโรงพยาบาลต่างก็มาเยี่ยมเขา ไม่เกี่ยวว่าพวกเขามีส่วนรับผิดชอบในการรักษาหรือไม่ก็ตามที ดังนั้น พวกเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องเป็นคนใหญ่คนโตอย่างแน่นอน
“อย่างออกไปเดินข้างนอกหน่อยไหม?” หมอหลี่ถามหมอเฉิน
ทั้งสองเดินออกจากห้องและเดินไปตามระเบียงทางเดิน มันเป็นช่วงเย็นที่เย็นเยียบ อากาศเย็นสดชื่นทําให้ทั้งสองตื่นตัว
“เมื่อกี้เขาเกือบตายไปแล้ว” หมอหลี่พูด
“ใช่ เกือบแล้ว” หมอเฉินพูด
“แกเคยเห็นยาเม็ดนั้นมาก่อนไหม?” หมอหลี่ถาม
“เคย ตอนที่อาการของเสี่ยวซวีแย่ลง หวังเย้าก็เอายาให้เธอกินเม็ดหนึ่ง” หมอเฉินพูด “เขายื้อชีวิตของเธอกลับมาได้ด้วยยาตัวเดียวกัน ฉันยังจําได้ แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นมันอีกครั้ง”
“มันชื่อว่ายาอะไรเหรอ?” หมอหลี่ถาม
“ฉันไม่รู้” หมอเฉินพูด
“ฉันว่า มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทํามันออกมาได้สักเม็ดหนึ่ง” หมอหลี่พูด
“แกกําลังคิดอะไรอยู่?” หมอเฉินหรี่ตามองหมอหลี
“ถ้าเกิดเราสามารถผลิตยาแบบนั้นออกมาได้จํานวนมากขึ้นมา เราก็จะสามารถช่วยคนได้อีกมากเลยนะ” หมอหลีพูด
“หวังเย้าเคยบอกฉันว่า มันยากมากกว่าที่จะทําออกมาได้” หมอเฉินพูด “การที่จะทํายาออกมาได้จํานวนหนึ่ง เขาต้องใช้เวลานานมาก ฉันเดาว่าตอนนี้คงเหลืออยู่ไม่มากแล้วล่ะ”
“น่าเสียดาย” หมอหลีพูด
“แล้วทหารอีกสองคนเป็นยังไงบ้าง?” หมอเฉินถาม
ไม่ใช่แค่ซจือฉิงคนเดียวที่ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล ยังมีนายทหารอีกสองคนที่ถูกส่งตัวตามมาทีหลัง หนึ่งในสองถูกยิง ส่วนอีกคนถูกพิษและมีอาการคล้ายกับซูจือฉิง อาการของเขายังถือว่าดีกว่าซูคือนิ่งเล็กน้อย เพราะเขาได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขา ส่วนซูจือฉิงได้รับบาดเจ็บที่ท้องพิศจึงตรงเข้าสู่อวัยวะของเขาโดยตรง
“อาการของเขาคงเลวร้ายไม่ต่างกัน” หมอหลี่พูด
อยู่ๆแพทย์ก็พุ่งตัวเขาไปในห้องที่ทหารอีกคนรักษาตัวอยู่
“ไปดูกันเถอะ” หมอเฉินพูด
เขาเข้าไปในห้องที่ทหารคนนั้นรักษาตัวพร้อมกับหมอหลี่ ทหารที่นอนอยู่บนเตียงยังหนุ่มอยู่มาก อายุน่าจะเพียงยี่สิบต้นๆเท่านั้น ใบหน้าของเขาเขียวคล้ําเหมือนซูจือฉิง ลมหายใจแผ่วเบา เหมือนเปลวเทียนท่ามกลางลมแรงที่พร้อมจะดับได้ทุกเมื่อ
“เขาอยู่ในอันตราย” หมอเฉินพูด
“มาเถอะ ทําอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเขา” หมอหลี่พูด
เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฉีดยาตัวแรงเข้าสู่ร่างกายของเขา หมอหลีกับหมอเฉินกระตุ้นสัญญาณชีพของเขาด้วยการฝังเข็ม
“ขอบคุณพระเจ้า!” หมอเฉินกับหมอหลีพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เฮลิคอปเตอร์ยังมาไม่ถึงอีกเหรอ?” หมอหลี่ถาม
เฮลิคอปเตอร์รวดเร็วกว่ารถ แต่เมืองเว่ยก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับปักกิ่งมากนัก ถึงจะเร่งเครื่องแรงจนสุด มันก็ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงปักกิ่ง
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าสําหรับคนที่กําลังรอคอย โดยเฉพาะคนที่อาจตายได้ทุกเมื่อ
“ทําไมถึงยังมาไม่ถึงกันอีก?” ซงรุ่ยปิงถอนหายใจ
“คุณแม่ พี่ชายจะต้องไม่เป็นอะไรคะ” ซูเสี่ยวซวีพูดอย่างอ่อนโยน
“แม่รู้จะ” ซงรุ่ยปิงพูด
ด้านนอกเริ่มมืดลง ตั้งแต่ที่กินเม็ดยาอายุวัฒนะเข้าไป อาการของซูจือจิงก็คงที่มาโดยตลอด และไม่ได้แย่ลงเลย
ในที่สุด เฮลิคอปเตอร์ก็เดินทางมาถึงปักกิ่งและลงจอดที่ลานบินของกองทัพ มีรถคันหนึ่งจอดรออยู่ก่อนแล้ว หวังเย้าลงจาเฮลิคอปเตอร์และเข้าไปนั่งในรถที่มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาล
เครื่องวัดสัญญาณชีพดังขึ้นอีกครั้ง เหล่าแพทย์พยาบาลวิ่งวุ่นอยู่กับการรักษาทหารหนุ่ม ทันใดนั้น เขาก็หยุดหายใจ
ปีบ ปี๊บ!
กราฟแสดงการเต้นของหัวใจกลายเป็นเส้นตรง
“เตรียมเครื่องปั้มหัวใจ!” แพทย์สั่ง
กร็ง! ตื้ด! มือถือของซูเสี่ยวซวีดังขึ้น เธอกดรับด้วยความกังวล “ฮัลโหล หมอหวัง!”
“ผมมาถึงโรงพยาบาลแล้ว” หวังเย้าพูด
“น้าเหลียนรอคุณอยู่ข้างล่างแล้วค่ะ ฉันจะโทรบอกเธอเอง” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ผมเห็นเธอแล้วครับ” หวังเย้าพูด
พวกเขาพากันขึ้นลิฟท์และเดินไปที่ห้อง
“ในที่สุดคุณก็มาแล้ว!” เมื่อเห็นหน้าหวังเย้า ซูเสี่ยวซวีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอเชื่อว่า หากได้รับการรักษาจากหวังเย้าแล้วพี่ชายของเธอก็จะปลอดภัย เธอเชื่อในตัวหวังเย้าจนหมดใจ อาจเรียกได้ว่าถึงขั้นหน้ามืดตามัว
“สวัสดีครับ หมอเฉิน หมอหลี่” หวังเย้าทักทายหมอเฉินและหมอหลี่
“ในที่สุดเธอก็มาถึงสักทีนะ!” หมอชราทั้งสองยิ้ม
“สวัสดีครับ น้าซง” หวังเย้าพูด
“สวัสดี หมอหวัง ช่วยดูอาการของจือจิ้งที่นะคะ” ซงรุ่ยปิงพูด
หวังเย้าเข้าไปจับดูชีพจรของซูจอฉิงในทันที “พิษรุนแรงมาก!”
“ใช่แล้วล่ะ!” หมอหลี่เห็นด้วย
พิษแทรกซึมเข้าสู่อวัยวะภายในของซูจือฉิงและแพร่กระจายออกไปทั่วร่างกายของเขา ความรุนแรงของพิษมากจนสามารถเข้าไปทําลายระบบการทํางานของร่างกายได้ โชคดีที่เขากินยา
าไปทันเวลา ถึงหวังเย้าจะมาช้าไปวันหนึ่ง เขาก็มั่นใจว่าซูคือฉิงจะยังคงปลอดภัยดี
“ผมจะทํายาเพื่อล้างพิษให้เขาเอง” หวังเย้าพูด
ถึงแม้พิษจะรุนแรง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสําหรับหวังเย้า เขามีสมุนไพรรากอยู่มากกว่า 10 ชนิด หนึ่งในนั้นคือหญ้าพิษ ที่สามารถจัดการกับพิษได้ทุกชนิด
แพทย์คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง “คุณซงครับ ทหารที่มาพร้อมกับคุณซูไม่รอดครับ”
ทุกคนเงียบเสียง
“ตอนนี้เหรอครับ?” หวังเย้าพูด
“ครับ” แพทย์พูด
“พาผมไปดูเขาทีครับ” หวังเย้าลุกขึ้นยืน เขาไม่ลืมปลอบใจซงรุ่ยปิงกับซูเสี่ยวซวีก่อนที่จะเดินออกไป ด้วยไม่ต้องการให้ทั้งสองเป็นกังวลมากเกินไป “ตอนนี้คือฉิงจะยังไม่เป็นอะไร อย่ากังวลไปเลยครับ
ทหารที่อยู่ห้องข้างกันได้หยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว นางพยาบาลที่อยู่ภายในห้องกําลังเช็ดน้ําตา และกําลังเตรียมที่จะถอดเครื่องวัดสัญญาณชีพออก
เขายังไม่ตาย! หวังเย้าเดินเข้าไปจับชีพจรของทหารคนนั้น
เขารีบหยิบเข็มเงินออกมาหลายเล่ม แล้วแทงเข็มลงไปตามร่างกายของทหาร และในเวลาเดียวกันเขาก็ยังส่งพลังฉีเข้าสู่ร่างกายของทหารไปด้วย
หลังส่งพลังเข้าสู่ร่างกายของทหารหนุ่มแล้ว หวังเย้าก็หยิบขวดกระเบื้องออกมาและเทยาออกมาเม็ดหนึ่ง เม็ดยาส่งกลิ่นหอมออกมา เขาเปิดปากของทหารหนุ่มและป้อนยาให้เขากิน เขาตบเบาเพื่อให้แน่ใจว่าทหารหนุ่มได้กลืนเม็ดยาลงไปแล้ว
“ยาตัวเดียวกัน!” หมอหลีพูดเสียงเบา เขาและหมอเฉินหันมามองหน้ากัน
หลังจากทหารหนุ่มกลืนยาลงไป หวังเย้าก็กดไปไล่ไปตามจุดฝังเข็มและเส้นเลือดบนร่างกายของทหารหนุ่ม เขาได้ใช้วิธีการแบบพิเศษในการกระตุ้นร่างกายของทหารหนุ่ม แล้วเครื่องวัดสัญญาณชีพก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“หัวใจของเขากลับมาเต้นอีกครั้งแล้ว!” นางพยาบาลตะโกน
เธอรีบวิ่งออกไปนอกห้อง ครูต่อมา แพทย์ผู้ดูแลก็เข้ามาในห้องและได้เห็นภาพที่เขาไม่มีทางลืมได้ลง ทหารหนุ่มที่ถูกยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง หัวใจของเขาเริ่มเต้นอีกครั้ง หน้าอกของเขาขยับขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด
“นี่มันปาฏิหาริย์!” แพทย์ผู้ดูแลอุทาน เขามองไปที่หวังเย้า เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น “คุณคือคนที่พวกเขากําลังรออยู่ใช่ไหมครับ?”
เขารู้สึกสงสัยในวิธีการที่หวังเย้าใช้ในการดึงคนให้กลับมาจากความตายได้