ทหารที่นอนอาการโคม่าอยู่นั้นส่งเสียงครางออกมา ราวกับกําลังได้รับความเจ็บปวด เขาขมวดคิ้วมุ่น
หลังจากนั้นสักพัก หวังเย้าก็เอาซุปเปยหยวนป้อนให้เขาหนึ่งถ้วยเล็ก
สวนด้านนอก เฉิงห่ายตงมองดูนาฬิกา
ทางทิศตะวันตกของแม่น้ําสายเล็ก จงหลิวชวนที่ออกมาฝึกฝนก็พบเข้ากับรถที่จอดอยู่ด้านนอกคลินิก เขาจึงเดินมาดู เขาตกใจที่เห็นทหารหลายนายอยู่อยู่ด้านนอก
เขาคิดขึ้นมา เกิดอะไรขึ้น? พวกเขากําลังคุ้มกันที่นี่อยู่งั้นเหรอ? แต่ก็ไม่เห็นจะต้องใช้คนเยอะขนาดนี้เลยนี่นา! พันโทคนนั้นคงผ่านสนามรบและเห็นเลือดมามาก!
ในตอนที่จงหลิวชวนมองดูทหารอยู่นั้น เฉิงหายตงก็กําลังมองเขาอยู่เช่นกัน เพียงปราดเดียว เขาก็มองออกว่าจงหลิวชวนไม่ใช่คนธรรมดา
“เรียบร้อยครับ” หวังเย้าพูดเสียงเบาจากภายในห้อง
เสียงนั้นส่งออกมาด้านนอกผ่านทางประตูและหน้าต่าง เหล่าทหารที่อยู่ในสวนรีบเดินกลับเข้าไปด้านในเมื่อได้ยินคําพูดของเขา จงหลิวชวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้ตามเข้าไป เขาเดินไปทางภูเขาต่ออย่างช้าๆ พร้อมทั้งสวดพึมพําเสียงเบา ราวกับเขากําลังท่องบทกวีอยู่
ด้านในคลินิก ทหารทั้งหลายต่างมองไปที่คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง สีหน้าของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ โดยเฉพาะแพทย์และนางพยาบาล
สีหน้าของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเริ่มมีสีสันขึ้น และการหายใจช้าลงและเต็มไปด้วยพลัง เขาไม่ได้หายใจแผ่วเบาและอ่อนแรงเหมือนครั้งแรกที่มาถึง เวลาเพิ่งผ่านไปไม่ถึงสามสิบนาทีด้วยซ้ํา แล้วทําไมอาการถึงดีขึ้นได้ขนาดนี้?
“อาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว” หวังเย้าพูด “ผมขอเสนอให้พักอยู่ที่หมู่บ้านสักสองสามวันแล้ว ค่อยพาเขากลับไปตอนที่อาการคงที่แล้ว”
“พักที่นี่?” เฉิงห่ายตงถาม
“ใช่ครับ บ้านหลายหลังในหมู่บ้านไม่มีคนอยู่” หวังเย้าพูด “ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถจัดการให้ได้
“ได้ครับ ต้องรบกวนคุณแล้ว” เฉิงห่ายตงพูด
หวังเย้ากดโทรออก ไม่นานจงหลิวชวนก็มาถึงที่คลินิก
“เชียนเชิง ผมเตรียมบ้านพักให้พวกเขาอยู่ข้างบ้านของผมไว้แล้วครับ” เขาพูด “แล้วผมก็เก็บกวาดเสร็จแล้วด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น ช่วยพวกเขาไปที่นั่นที่นะครับ” หวังเย้าพูด
“เชิญตามผมมาครับ” จงหลิวชวนหันไปมองทหารที่นอนไม่ได้สติ
เขาไม่ได้เป็นหมอ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทําให้เขารู้ได้จากการมองแค่ปราดเดียวว่าทหารนายนี้ได้รับบาดเจ็บจากอะไรมา
ทหารนายอื่นช่วยกันแบกคนไข้ตามหลังจงหลิวชวนไป ระหว่างทางพวกเขาไม่ได้พูดมาก และไม่นานก็มาถึงบ้านที่ได้รับการทําความสะอาดแล้วหลังหนึ่ง
“ที่นี่ครับ” จงหลิวชวนพูด “คงพออยู่ได้นะครับ”
“แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ขอบคุณมาก” เฉิงห่ายตงพูด
“ยินดีครับ” จงหลิวชวนพูด “ผมอยู่บ้านข้างๆ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกได้”
เขาไม่ได้อยู่นานนัก ทันทีที่เขาออกไป แพทย์และนางพยาบาลก็รีบหยิบเอาอุปกรณ์จากในรถพยาบาลออกมาตรวจทหารที่นอนไม่ได้สติ
“นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้!” เมื่อพวกเขาอ่านผลที่ออกมา พวกเขาก็ต้องตกตะลึง
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” เฉิงห่ายตงถาม
“มันสดยอดมาก” แพทย์พด “จากผลทั้งหมดที่ออกมา ตอนนี้เขาพ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
“จริงเหรอ?” เฉิงห่ายตงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “นั่นเป็นเรื่องดีจริงๆ!”
“มันเป็นเรื่องดีก็จริง แต่ผมกลับหาเหตุผลไม่ได้น่ะสิ” แพทย์พูด
“ฮาฮา เพราะแบบนั้นพวกเราถึงได้มาอยู่ที่นี่กันยังไงล่ะ” เฉิงห่ายตงยิ้ม แล้วตบไปที่ไหล่ของแพทย์ ความกังวลของเขาหายไปเกือบครึ่ง
เขาสั่งให้ทหารนายหนึ่งขับรถพยาบาลไปจอดไว้ที่ฐานทัพที่ใกล้ที่สุด หากจอดทิ้งไว้ที่เอาจุดน่าสงสัยเกินไป ส่วนรถจี๊ปสามารถจอดไว้ที่นี่ได้ไม่มีปัญหา
“รู้อะไรไหม ว่ามีทหารตั้งหลายคนมาขอให้ลูกชายของเฟิงฮวารักษาให้น่ะ?” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด
“พูดจริงๆเหรอ?” ชาวบ้านอีกคนพูด
“ทําไมฉันต้องโกหกด้วยล่ะ?” ชาวบ้านคนแรกพูด “ฉันเห็นด้วยตาตัวเองเลย ว่าพวกเขาหามเปลมา ตอนนี้ข้างนอกนั่นก็มีรถป้ายทะเบียนต่างเมืองจอดอยู่ ลองไปดูที่นั่นเองสิ”
เพียงแค่วันเดียว ข่าวก็กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
“ไอ้หนุ่มนั้นเก่งจริงๆ!” คนชราในหมู่บ้านพูด
ภายในบ้านหลังหนึ่ง อยู่ๆนางพยาบาลและแพทย์ก็ส่งเสียงดังขึ้นมา “เขาฟื้นแล้ว! เขาฟื้นแล้ว!”
“จริงเหรอ?” หลายคนรีบเข้าไปในห้อง และเห็นว่าทหารที่หมดสติไปนานฟื้นขึ้นมาแล้ว
“อชวน ในที่สุดนายก็ฟื้นได้สักทีนะ” เฉิงห่ายตงพูด
เขาอยากถามออกไปว่าตัวเขาอยู่ที่ไหน แต่กลับรู้สึกว่าคําพูดติดอยู่ในลําคอของเขา เมื่อส่งเสียงออกไป ก็ราวกับถูกปิดกั้นเอาไว้ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเอ่ยถามออกมา “ที่ไหน?”
“ที่นี่คือหมู่บ้านกลางเขา” เฉิงห่ายตงพูด “เราพานายมารักษาที่นี่ ในที่สุดท้ายก็ฟื้น อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย พักก่อนเถอะ”
ชวนรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของเขาหนักอึ้ง เขาหายใจได้อย่างยากลําบาก และรู้สึกเวียนศีรษะ เรื่องดีก็คือในที่สุดเขาก็ได้ฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าแล้ว
ทหารหลายนายที่เดินทางมาด้วยต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“มาค่ะ ฉันจะทําแผลให้คุณ” นางพยาบาลพูด เมื่อเธอแกะผ้าพันแผลออก เธอก็นิ่งไป “เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“มีอะไรเหรอ?” เฉิงห่ายตงและแพทย์รีบเดินเข้ามาดู แล้วก็ต้องตกใจ
แปลที่เดิมเริ่มเน่าของอี้ชวนแทบจะหายดีแล้ว ที่ยิ่งไปกว่านั้น มันเริ่มตกสะเก็ดแล้วด้วยซ้ํา
“นี่ นี่ นี่” แพทย์และนางพยาบาลต่างตกตะลึง
ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาที่หมู่บ้าน พวกเขาได้ทําการตรวจและรักษาอี้ชวนอย่างละเอียด พวกเขามั่นใจว่า บาดแผลของเขายังไม่ดีขึ้น และนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่พวกเขาไม่สนับสนุนการเคลื่อนย้ายในตอนนั้น
เวลาเพียงสั้นๆ บาดแผลกลับเริ่มฟื้นตัว นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป แม้พวกเขาจะเห็นมัน ด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี มันมียาวิเศษแบบนี้อยู่บนโลกจริงๆน่ะเหรอ?
“เขาเอายาอะไรรักษากัน?” นางพยาบาลถาม “ไม่แปลกใจเลยที่เราถูกไล่ออกจากห้อง”
“เรื่องนี้ มีแค่พวกเราเท่านั้นที่รู้” เฉิงห่ายตงพูด “ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย!”
“หมายความว่ายังไงครับ?” แพทย์ถาม
“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?” เฉิงห่ายตงถามกลับด้วยแววตาเคร่งขรึม
“เข้าใจแล้วค่ะ” นางพยาบาลพูด
“ถ้าเกิดปัญหาขึ้นกับหมอหวังเพราะเรื่องนี้ละก็ ผมจะไปหาพวกคุณสองคน” เฉิงห่ายตงพูด
“หัวหน้าเฉิง โปรดวางใจได้ ผมจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และรับประกันด้วยหน้าที่การงานของผมเอง” แพทย์พูด
ถึงเขาจะอยากรู้ว่าหมอหนุ่มคนนั้นใช้ยาอะไรในการรักษา แต่เขาก็รู้ถึงอํานาจที่อยู่เบื้องหลัง หัวหน้าเฉิงและชวนดี ทั้งสองมีเส้นสายมากมายและมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ เขาไม่กล้าขัดใจพวกเขาด้วยเรื่องนี้แน่
“ฉันก็สัญญาค่ะ!” นางพยาบาลกัดปาก เธอดูลังเลอยู่บ้าง
“เอาล่ะ มีแค่พวกเราสามคนเท่านั้นที่ได้เห็น” เฉิงห่ายตงพูด “ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของทหารคนหนึ่ง ว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
ในตอนเย็น หัวหน้าเฉิงไปที่บ้านของจงหลิวชวน
“สวัสดีครับ ขอโทษด้วยที่มารบกวน” เขานําเหล้าสองขวดติดมือมาด้วย
“เกรงใจเกินไปแล้วครับ” จงหลิวชวนพูด “คุณต้องการให้ช่วยอะไรเหรอครับ?”
“เอ่อ ผมอยากเชิญหมอหวังกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่” เฉิงห่ายตงพูด “ผมไม่รู้ว่ามีที่ไหนเหมาะสําหรับกินข้าวเย็นบ้างน่ะครับ?”
“เชิญเขาไปกินข้าวเย็นเหรอครับ?” จงหลิวชวนถามด้วยความแปลกใจ
“ใช่ครับ ผมอยากขอบคุณเขา” เฉิงห่ายตงพูด
“คุณควรถามเรื่องนี้กับเขาเองดีกว่านะครับ” จงหลิวชวนพูด “เรามักจะไปร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนี้ มันใกล้มากและราคาไม่แพงด้วย”
“มันจะไม่เรียบง่ายเกินไปเหรอครับ?” เฉิงห่ายตงถาม
“ไม่หรอกครับ” จงหลิวชวนพูด “เชียนเชิงไม่สนใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว”
“ได้ครับ ผมจะไปเชิญเขา” เฉิงห่ายตงพูด “ถ้าเขาตกลง ผมอยากจะเชิญคุณด้วยนะครับ”
หลังจากคิดเล็กน้อย จงหลิวชวนก็พูดว่า “ได้ครับ”
เฉิงห่ายตงเดินไปถามหวังเย้าที่คลินิก
“ไม่จําเป็นต้องเลี้ยงข้าวเย็นหรอกครับ” หวังเย้าพูด
“มันไม่ได้ไกลหรอกครับ” เฉิงห่ายตงพูด “ผมถามคุณจงมาแล้ว ว่ามีร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจาdหมู่บ้าน แล้วผมก็จองเอาไว้แล้วด้วย หวังว่าคุณจะให้เกียรติพวกเรา”
“ก็ได้ครับ” หลังคิดดูแล้วหวังเย้าก็ตอบตกลง
เย็นวันนั้น คนสู่คนได้มาเจอกันที่ร้านอาหารและนั่งทานอาหารด้วยกันในห้องส่วนตัว ในกลุ่มนั้นมีเฉิงห่ายตง, หวังเย้า, จงหลิวชวน, และแพทย์ บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารและเหล้าอย่างดีอีก
สองขวด
“หมอหวัง ผมขอดื่มให้คุณ” เฉิงห่ายตงพูด “ขอบคุณที่ช่วยคนของผมเอาไว้นะครับ”