“แค่นี้น่ะเหรอ?”
“ยาตัวนี้ไม่ใช่โค้กนะครับ ดื่มแค่ถ้วยเล็กๆก็พอแล้ว” หวังเย้าพูดหลังจากได้ยินค่าถาม
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอสั่งซื้อตอนนี้เลย!” ซูจือฉิงพูด
“ได้ครับ แต่ต้องให้คนรู้น้อยที่สุด พี่คงรู้กฎของผมดีอยู่แล้ว”
“ไม่มีปัญหา ฉันขอรับผิดชอบปัญหาที่อาจตามมาไว้ทั้งหมดเอง!” ซูจือจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริง
หลังจากคุยได้สักพักพวกเขาก็วางสาย
ปักกิ่งที่ไกลออกไปหลายพันไมล์ ซูจือจึงยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล
“เป็นยังไงบ้าง?” ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างเขาถาม
“เขาตกลง”
“ดี ฉันยกให้เป็นผลงานของนายทั้งหมด” เขาตบไหล่ซูจือจิ้งหลังจากได้ยินคําตอบ
“ค่อยเลี้ยงเหล้าหลังผมหายดีแล้วกัน และควรมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
“ไม่มีปัญหา
ค่ําคืนที่เงียบสงบผ่านพ้นไป
ไม่ทันได้รู้ตัว ก็เข้าสู่เดือนกันยายนแล้ว เทศกาลไหว้พระจันทร์กําลังใกล้เข้ามาแล้ว
ช่วงนี้หวังรุ่ยและตู้หมิงหยางงานยุ่งและพวกเขายังกลับมาที่บ้านบ่อยขึ้นด้วย พวกเขากําลังจะแต่งงานเร็วๆนี้นี่คือเรื่องที่ครอบครัวให้ความสําคัญมากที่สุดในเวลานี้หวังเย้ารู้สึกได้ว่าพ่อแม่ของเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
“ในที่สุดก็แต่งงานสักที!” จางซิวหยิงทอดถอนใจอยู่หลายครั้ง ในที่สุดหนึ่งในสองพี่น้องของบ้านนี้ก็สร้างครอบครัวได้สักที
วันเสาร์ ตู้หมิงหยางกับหวังรุ่ยกลับมาที่หมู่บ้าน
“ในหมู่บ้านมีคนน้อยลงทุกที่” หวังรุ่ยถอนหายใจ ผู้คนที่กําลังพูดคุยกันอยู่ตามถนนหมู่บ้านล้วนแล้วแต่สูงอายุ
“เดี๋ยวนี้ไม่มีคนหนุ่มสาวอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านกันแล้ว พวกเขาพากันซื้อบ้านแล้วย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองกันหมด” จางซิวหยิงพูด
“พอพูดถึงเรื่องบ้าน ปีนี้ ราคาบ้านในเมืองขยับขึ้นมาอีกหน่อยด้วยค่ะ ตอนนี้บ้านที่ทําเลดีดีราคาตารางเมตรละ 6,000 หยวนขึ้นไปแล้ว” หวังรุ่ยพูด
“แพงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?!”
“จริงครับ เหลียนชานถือเป็นเมืองเล็กๆเท่านั้น ไม่กี่ปีมานี้อยู่ๆราคาบ้านก็ขยับขึ้นสูงจนทําให้หลายคนรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ซื้อบ้านหลายๆหลังเอาไว้ก่อนหน้านี้ถ้าพวกเขาซื้อบ้านก่อนหน้านี้สักปีหนึ่งแล้วขายตอนนี้คงทําเงินได้เป็นแสนเลยล่ะครับ!”
หวังเย้านั่งฟังพวกเขาคุยกันอยู่เงียบๆ บ้านที่เขาซื้อไว้ในตัวเมืองเหลียนชานมีพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตรซึ่งเป็นบ้านที่เขาตั้งใจซื้อให้พี่สาวของเขาตอนนี้เธอกําลังจะแต่งงานเธอจึงไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่นแล้วบ้านหลังนั้นจึงถูกปล่อยให้ว่างลง
“คนหนุ่มสาวที่ทํางานอยู่ในโรงงานในตัวเมืองเหลียนชานได้เงินเดือนกันคนละ 3,000-4,000 หยวนเท่านั้นแค่จ่ายค่าผ่อนบ้านก็ไม่เหลือแล้ว ราคาบ้านสูงแบบนี้มีแต่ทําลายชีวิตของพวกเขา!” ตู้หมิงหยางถอนหายใจและพูด
สถานการณ์ของเขาถือว่าดีกว่าเล็กน้อย เพราะครอบครัวของเขายังมีเงินเหลือเก็บอยู่บ้างและเขาก็ซื้อบ้านเอาไว้แต่เนิ่นๆแล้วแถมเขายังใช้เส้นสายในการซื้อมาจึงได้ในราคาถูกลงไปอีกแต่เขาถือว่าเป็นเพียงส่วนน้อยในเขตเหลียนชานแห่งนี้เท่านั้นคนมากมายซื้อบ้านโดยการกู้ยืมเงิน,ดอกเบี้ยสูง,เงินเดือนของบางคนยังไม่พอจ่ายค่าผ่อนบ้านด้วยซ้ํา
“เมื่อไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าแม้แต่หยวนเดียวแล้วจะซื้ออะไรได้?”
“กินข้าวกันได้แล้ว”
จางซิ่วหยังเตรียมอาหารเอาไว้มากมาย
“โอ้ อาหารเยอะแยะเลย!” ตู้หมิงหยางพูด
“คุณลุง เรามาดื่มกันหน่อยไหมครับ?”
“เอาสิ ดื่มกันสักหน่อย”
หลังได้ยินคําพูดของพวกเขา หวังเย้าก็เดินเข้าไปในห้อง แล้วหยิบเหล่าออกมาสองขวด
“นายมีเพื่อนดีจริงๆเลยนะ!” หมิงหยางที่ได้เห็นเหล้าก็ต้องถอนหายใจ
“แพงมากเลยเหรอ?”
“แพงสิ ขวดนี้อย่างน้อยก็ 1,000 หยวนเลยนะ!
“ถ้าพี่ชอบ ในบ้านยังมีอีกเยอะเอากลับไปด้วยสักสองขวดสิครับ”หวังเย้าพูด เขาไม่ใช่คอเหล้าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของขวัญที่เพื่อนๆของเขานํามาฝากพ่อของเขาตัวเขาไม่รู้เรื่องราคาเลยสักนิดแต่แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ของถูกๆแค่ดูกล่องและชื่อยี่ห้อก็รู้แล้วว่าเป็นเหล้าแบรนด์ดังของจีน
“ได้เลย”
“โอ๊ย!” อยู่ๆต์หมิงหยางก็ร้องออกมา
“มีอะไรเหรอ?”
“ไม่ ไม่ ไม่มีอะไรครับ”
“เสี่ยวรุ่ย ลูกทําอะไรน่ะ?”
“ไม่มีอะไรนี่คะ” หวังรุ่ยยิ้มแล้วพูด
“มาครับ ผมเติมเหล้าให้คุณลุงเอง” หมิงหยางยกขวดเหล้าขึ้นมาเติมให้หวังเฟิงฮวา
“ให้ผมทําดีกว่า พี่เป็นแขกนะครับ” หวังเย้ายิ้ม แล้วหยิบขวดเหล้ามาเติมให้พ่อและพี่เขยของเขา
“คุณลุง หมดแด้วเลยไหมครับ?”
“เอาสิ”
ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า, พูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข
หลังจากมื้อกลางวันและได้พูดคุยกับคนในครอบครัวแล้วหวังเย้าก็กลับไปที่คลินิกอีกครั้งเขาไม่ได้โพสอะไรลงบนเวยป๋อ ในช่วงบ่ายจึงยังมีคนไข้มารักษากับเขาแต่จํานวนน้อยลงหนึ่งในนั้นคือทหารที่ชื่อเจิ้งอี้ชวนเขาเดินมาด้วยการช่วยเหลือจากเฉิงห่ายตงและไม้ค้ำเมื่อเข้ามาถึงด้านในห้อง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อหลังจากรักษาตัวมาได้สามวันสีหน้าของเขาก็ดีขึ้นมาก
“คุณยังไม่หายดี ควรพักให้มากนะครับ” หวังเย้าแนะ
“ครับ ผมนอนตลออดทั้งสันจนฝุ่นแทบจับแล้ว ผมก็เลยออกมาขยับตัวสักหน่อยนะครับ”เจิ้งอี้ชวนพูด
ทั้งสองมาถึงที่คลินิกและรออยู่เป็นคิวสุดท้ายในคลินิกของหวังเย้า ก่อนที่พวกเขาจะบอกเจตนาในการมาที่นี่ในวันนี้
“ยาแก้พิษ?” หลังจากได้ฟังคําพูดของพวกเขาแล้ว หวังเย้าก็หัวเราะออกมา นี่เป็นเรื่องเดียวกันกับซูจือฉิง
“เราจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และไม่ต้องห่วงเรื่องราคานะครับ” เฉิงห่ายตงพูด
“ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นหรอกครับ ยาแก้พิษตัวนี้ไม่ใช่จะทําออกมาได้ง่ายๆ แล้วก็มีคนจองไว้แล้วด้วยน่ะสิครับ”
“มีคนจองไว้แล้ว? ใครครับ?” เฉิงห่ายตงและเจิ้งอี้ชวนต่างตกใจหลังจากได้ยิน
“คนคนนี้เป็นคนที่คุณรู้จัก แล้วเขาก็เป็นคนแนะนําให้คุณได้รู้จักผมด้วยยังไงล่ะครับ”
“ซูจือฉิง?!”
“ใช่ครับ เป็นเขา” หวังเย้าพูด
“ด้วยเรื่องของข้อตกลงและหลักการแล้ว ผมคงต้องทําตามความต้องการของเขาก่อนดังนั้นผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”หวังเย้าพูด
“อืม เป็นพวกเราที่คิดน้อยเกินไปเอง” เฉิงห่ายตงพูด
“ขอโทษที่มารบกวนคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ อย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ ผมขอตรวจอาการของเขาดูหน่อย” หวังเข้าไปที่เจงอี้ชวนแล้วพูดกลั้วหัวเราะ
“ได้ครับ”
“อม สภาพร่างกายของเขาอยู่ในเกณฑ์ดี” หลังจากตรวจเป็นครั้งที่สอง หวังเย้าก็พูดออกมา
“อีกไม่กี่วัน เขาก็ไม่จําเป็นต้องใช้ไม้คํานี้แล้วล่ะครับ”
“ครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากคุณแล้วล่ะครับ”
“ด้วยความยินดีครับ”
ไกลออกไปหลายพันไมล์ ที่ห่ายชิว ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ค่อยๆกิน”
หลี่ฟางมองดูลูกชายที่น่ารักของเขากินอาหารเข้าไปคําใหญ่
“ได้ครับ พ่ออาหารที่นี่อร่อยมาก!” เสี่ยวหมิงหัวเราะตอบ แล้วกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม
“ถ้าลูกชอบ ไว้พ่อพามากินที่นี่อีกดีไหม?”
“ครับ ครับ!” เด็กชายปรบมืออย่างชอบใจ
กริ้ง! ด็ด!
มือถือบนโต๊ะสั่น
“ไม่เลวเลย” หลี่ฟางมองดูข้อความบางอย่างด้วยความระมัดระวัง แล้วก็ต้องตกใจ
หลังจากจบมื้ออาหาร หลี่ฟางก็พาลูกชายไปที่ชายหาดด้วยกัน เด็กชายมีความสุขมากเขาเคยต้องนอนอยู่แต่ในโรงพยาบาลมานานหลายปีแค่เดินอยู่ในห้องก็ยังเป็นเรื่องยากสําหรับเขาการออกมาเล่นข้างนอกจึงเป็นไปไม่ได้เลยเพราะร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป
“วันนี้ ลูกมีความสุขรึเปล่า?”
“มีความสุขครับ มีความสุขมากเลย!” เสียวหมิงตอบอย่างมีความสุข
“พ่อครับ ถ้าหายดีแล้ว ผมไปโรงเรียนได้ไหมครับ?”
“ได้สิ!” หลี่ฟางพูด เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาพยายามหาหนทางรักษาลูกชายของเขาพวกเขาไปตามโรงพยาบาลต่างๆทั้งในและนอกประเทศ หนึ่งปีก่อนเขาพยาบาลยื้อชีวิตลูกชายของเขาเอาไว้หนึ่งเดือนก่อนเขากําลังคิดหาวิธีทําให้ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของลูกชายเต็มไปด้วยความสุขและไม่เจ็บปวดและตอนนี้ลูกชายของเขาก็รอดพ้นจากความตายและสุขภาพร่างกายก็กําลังดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเขาก็ต้องทําให้สิ่งที่ต้องท่า
ฉันต้องมีชีวิตที่ดีต่อไป เพื่อที่ฉันจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายของเขา
นี่คือเป้าหมายที่เขาตั้งเอาไว้สําหรับตัวเอง เป้าหมายที่เขาต้องทําให้สําเร็จ
นี่คือเป้าหมายเดียวกันกับเจียจื้อจายเมื่อครั้งนั้น เขาต้องปลดแอกตัวเองออกจากบริษัทให้จงได้!
คืนนั้น เจี่ยจื้อจายมาที่ห่ายชิวเพื่อพบกับหลี่ฟาง
“นายตัดสินใจได้รึยัง?”
“ตามที่นายปรารถนา”
“ฉันควรจะพูดว่า เรามาร่วมมือเป็นพันธมิตรกันดีไหม?”
“เรามาร่วมมือกันเถอะ!”
เมื่อความร่วมมือเกิดขึ้น ทั้งสองจึงอยู่ฝั่งเดียวกันเป็นการชั่วคราว
“อาการของเสี่ยวหมิงเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาพ้นขีดอันตรายแล้ว หมอหวังที่นายแนะนํามาฝีมือสุดยอดมาก!” หลี่ฟางชื่นชมออกมาจากใจจริง
“แน่นอนอยู่แล้ว” เจี้ยจื้อจายยิ้ม แล้วจุดบุหรี่สูบ
“เขายังมีอย่างอื่นที่ทําให้นายตกใจได้อีก แต่ตอนนี้ยังบอกนายไม่ได้”
“แล้วตอนนี้บอสอยู่ที่ไหนกันแน่?” เจี้ยจื้อจายถาม