“ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณหมอนี่ยังไงล่ะ!”
หลังจากผ่านภารกิจนี้มาแล้ว ความประทับใจในตัวหวังเย้าของคนในทีมเพิ่มขึ้นสูงมากทหารบางคนถึงขั้นแอบบูชาเขาอยู่ลับๆด้วยในสายตาของพวกเขานี่คือชายที่มีทักษะยอดเยี่ยมและลึกลับอย่างที่สุดถึงแม้พวกเขาจะไม่พบเจอการต่อสู้ในระหว่างทําภารกิจแต่พวกเขาก็พบเจอกับดักนับสิบ ถ้ากับดักเหล่านั้นไม่ถูกพบและจัดการโดยหวังเย้าคงไม่ได้มีทหารบาดเจ็บเล็กน้อยเพียงเท่านั้นแน่ที่มากไปกว่านั้น เขายังจัดการและจับตัวเชลยที่ติดอาวุธพร้อมมาได้ด้วยตัวเอง
เฮลิคอปเตอร์พาพวกเขากลับไปที่ฐานในยูนนานใต้ ชายที่ยังไม่ได้สติถูกพาเข้าที่คุมขัง
“ยินดีต้อนรับกลับ ฉันดีใจที่ทุกคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย มู่เฉิงโจวพูดด้วยรอยยิ้ม
“ต้องขอบคุณหมอหวังครับ” ซูจือจิ้งพูด
หลังจากได้รับฟังรายงานทั้งหมด มู่เฉิงโจวก็พูดว่า “น้องเขยของนายคนนี้วิเศษมาก!”
“บอกตามตรงนะครับ ผมก็ประหลาดใจเหมือนกัน ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้”ซูจือจึงพูดเขาตัดทิ้งรายละเอียดบางอย่างออกไปเพราะมันอาจฟังดูแปลกและลี้ลับจนเกินไป“ตอนนี้ เราจําเป็นต้องติดตามอีกกแงกําลังหนึ่งต่อ แต่เราหาร่องรอยของพวกเขาไม่พบเลย”
ตอนกลางวัน มีสามคนเดินทางมาที่ฐานทัพ พวกเขามาจากหน่วยงานพิเศษของรัฐและมาที่นี่เพื่อศึกษารายละเอียดของภารกิจ
“พวกคุณพาคนนอกออกไปทําภารกิจด้วยงั้นเหรอ?” เจ้าหน้าที่วัยกลางคนถาม
“เป็นความจริงครับ เพราะเขาเป็นหมอ” มู่เฉิงโจวตอบ “เขาช่วยรักษาคนของเราไว้หลายคนแล้วผมก็เป็นคนอนุญาตเอง ถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นผมจะรับผิดชอบเอง”
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น หัวหน้าม” เจ้าหน้าที่วัยกลางคนพูด เขารู้ว่า ทหารเหล่านี้ต้องเสียน้ำตาและเลือดเนื้อเพื่อปกป้องประเทศและครอบครัวของพวกเขา เขาให้ความนับถือคนเหล่านี้ถึงที่สุด“ผมขอพบเขาได้ไหมครับ?”
“ได้ แต่ผมคงต้องขออยู่ด้วย” มู่เฉิงโจวพูด
“ไม่มีปัญหา เจ้าหน้าที่วัยกลางคนพูด
หลังจากได้พบกับหวังเย้า เขาก็คิด เขายังเด็กอยู่เลย! ชายหนุ่มแบบนี้จะมีฝีมือการรักษายอดเยี่ยมขนาดนั้นได้จริงๆเหรอ?
“คุณไม่ต้องกังวลนะครับ” เจ้าหน้าที่วัยกลางคนพูด “นี่เป็นแค่ค่าถามทั่วไปเท่านั้น”
“ได้ครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
เจ้าหน้าที่คิด ชายหนุ่มคนนี้มีสภาพจิตใจที่พิเศษมาก มันทําให้คนที่เข้าใกล้เขารู้สึกสบายใจและวางใจได้ง่าย
เขาถามคําถามง่ายๆเกี่ยวกับภารกิจสองสามคําถาม หลังจากนั้นไม่นานการถามตอบก็จบลง
“ขอบคุณสําหรับการให้ความร่วมมือนะครับ” เจ้าหน้าที่พูด
“ไม่มีปัญหาครับ นี่เป็นเรื่องที่ผมต้องทําอยู่แล้ว” หวังเย้าพูด
หลังจากการตั้งคําถามและสอบสวนจบลง เจ้าหน้าที่ทั้งสามก็ไม่ได้อยู่นานก่อนจะกลับไป เจ้าหน้าที่ที่เป็นชายวัยกลางคนดึงมู่เฉิงโจวไปอีกด้านหนึ่ง
“หัวหน้า ผู้ชายคนนั้นมีบางอย่างไม่ถูกต้องนะครับ” เจ้าหน้าที่พูด
“มีอะไรไม่ถูกต้องตรงไหนเหรอ?” มู่เฉิงโจวถาม
“คือ ผมควรพูดยังไงดี?” เจ้าหน้าที่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “มันเป็นความรู้สึกคุ้นเคยราวกับผมเคยรู้จักเขามาก่อนแล้วยังไงยังงั้นน่ะครับ”
“เหมือนเคยรู้จักเขามาก่อนเหรอ?” มู่เฉิงโจวถาม
“ถูกแล้วครับ” เจ้าหน้าที่พูด “ตอนนี้ผมนึกออกแล้ว มันเป็นความรู้สึกเดียวกับเวลาได้พบกับนักพรตเต๋บางคนน่ะครับ”
“คุณหมายถึงเขาเป็นผู้ฝึกทางเต่เหรอ?” มู่เฉิงโจวถาม
“ใช่ครับ เขามีสภาวะทางอารมณ์แบบนั้นอยู่ในตัวเขา” เจ้าหน้าที่พูด “จะยังไงก็ตามเขาได้ทําประโยชน์ให้กับภารกิจนี้ผมแค่ถามคําถามทั่วไปตามกระบวนการเท่านั้นไม่ได้มีอย่างอื่นนอกจากนั้น”
“ใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้?” มู่เฉิงโจวถาม
“ยูนนานใต้เป็นเขตชายแดน ดังนั้น มันเลยมีคนที่มีความสามารถพิเศษซ่อนตัวอยู่ในภูเขาและป่าลึก” เจ้าหน้าที่พูด “ผมสงสัยว่า พวกเขาค้นพบอะไรในส่วนลึกของป่า”
“นั่นคือประเด็นสําคัญที่สุด” มู่เจิ้งโจวพูด “ทําไมถึงได้มีคนมากมายเข้าไปในนั้นเหมือนว่าพวกเขาไม่ต้องการมีชีวิตแล้วแบบนั้น?”
“บางทีอาจมีสมบัติอยู่ในนั้นก็ได้นะครับ” เจ้าหน้าที่พูด
“คนของเราได้เข้าไปในป่าแล้ว” มู่เฉิงโจวพูด “หวังว่าพวกเขาจะอะไรจากที่นั่นกลับมาบ้าง”
คืนนั้น มู่เฉิงโจวเตรียมโต๊ะที่เต็มไปด้วยเหล้าและอาหาร เพื่อเป็นรางวัลแก่ทหารทั้งหลายที่กลับมาจากภารกิจได้อย่างปลอดภัย และยังเพื่อขอบคุณหวังเย้าด้วยทหารที่รับภารกิจล้วนมาร่วมโต๊ะ พวกเขาล้วนเป็นคนตรงไปตรงมาและไม่คิดเล็กคิดน้อย
หวังเย้าทานอาหารอย่างมีความสุข เขายังดื่มเหล้าไปไม่น้อยด้วย
“หมอหวัง พรุ่งนี้หมอสอนกังฟูให้พวกเราได้รึเปล่า?” มู่เฉิงโจวถาม
“ได้สิ ผมจะพยายามนะ” หวังเย้าพูด
“เป็นอันตกลงแล้วนะครับ” มู่เฉิงโจวพูด “มา ผมขอดื่มให้คุณ”
หลังจากงานเลี้ยง ซูจือฉิงก็เอามือพาดไหล่หวังเย้าและพูดว่า “น้อง…น้องเขยฉันคิดว่า…ความสามารถของนาย…วิชากังฟูที่นายรู้…เอามาสอนฉันก่อน…สอนฉันเป็นการส่วนตัวและเริ่มก่อนคนอื่น!”
“พี่เองก็อยากเรียนเหมือนกันเหรอ?” หวังเฝ้ามองดูซจือจิงที่เห็นได้ชัดว่าดื่มไปไม่น้อยด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน นั่นเป็นเรื่องที่ต้องทําอยู่แล้ว” ซูจือจึงพูด “ฉันต้องเรียนและทําได้ดีกว่าพวกเขาถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะยังเป็นหัวหน้าของพวกเขาต่อได้ยังไงกันล่ะ?”
“เป็นเพราะเรื่องนั้นเองเหรอครับ?” หวังเย้าถาม “ไม่มีปัญหาครับ ตราบใดที่พี่อยากเรียนผมก็จะสอนให้
“อืม ต้องแบบนี้สิ” ซูจือจึงพูด “ถึงยังไงพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันอ้อยังมีอีกเรื่องหนึ่งนายห้ามให้เสี่ยวซวีร์เด็ดขาดว่านายตามพวกเราออกไปทําภารกิจด้วยถ้าเธอรู้ขึ้นมาเธอต้องมาข่วนหน้าฉันแน่!”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่บอกเรื่องนี้กับเสี่ยวซวีแน่นอน” หวังเย้าพูด
“อ็ม ดี ดีมาก” ซูเสี่ยวซวีพูด
วันต่อมา หวังเข้าตื่นแต่เช้า เขากําลังคิดว่าจะสอนวิชากังฟูแบบไหนให้พวกทหารมันเป็นการเลือกที่ยากวิธีการฝึกสมหายใจเพื่อบ่มเพาะพลังฉีไม่เหมาะกับพวกเขามันเป็นวิชากังฟูที่ต้องมีจิตใจที่สงบ,ใจเย็น, และความพยายามวิชาหมัดมวยโบราณก็ไม่เหมาะกับพวกเขาเช่นกันเพราะมันต้องใช้เวลาในการฝึกนานมีเพียงคนที่มีพื้นฐานกังฟูอยู่ก่อนแล้วถึงจะฝึกได้และพวกเขายังต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะเห็นผลหลังจากคิดดูแล้วหวังเย้าก็ รู้สึกว่าเขาสามารถสอนเรื่องจุดฝังเข็มให้พวกเขาได้
การโจมตีเข้าที่จุดฝังเข็ม?
เมื่อได้ยินว่าหวังเย้าจะสอนอะไรพวกเขาซูจือจิ้งก็มีอึ้งงันเขาถาม “มันเหมือนอย่างในหนังเปล่าที่เราจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ถ้าโดนสกัดจุดน่ะ?”
“มันไม่ได้วิเศษขนาดนั้นหรอกครับ?” หวังเย้าพูด“เวลาที่ผมมีนั้นสั้นเกินไปสิ่งที่ผมสามารถสอนให้ได้จึงมีจํากัดในร่างกายของมนุษย์มีจุดฝังเข็มที่สําคัญอยู่หลายจุดถ้าจุดฝังเข็มเหล่านี้ถูกโจมตีร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงถ้าคุณเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีมันก็สามารถจัดการศัตรูได้ด้วยการโจมตีเดียว”
“มันน่าอัศจรรย์ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูจือจึงถาม
“ลองดูแล้วพี่จะรู้เอง” หวังเย้าพูด
“งั้นมาลองกัน” ซูจือฉิงพูด
“พี่แน่ใจเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“แน่ใจมากๆเลยล่ะ! เข้ามาเลย!” ซูจือจึงเตรียมพร้อม
หวังเข้าโจมตีไปที่จุดฝังเข็มบริเวณซี่โครงของเขาเบาๆ ซูจือฉิงรู้สึกชาที่ท้องของเขาเขาเผลองอตัวโดยไม่ตั้งใจ และใช้มือกุมท้องของเขาเอาไว้
“พี่รู้สึกยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“ซีดดด เฮ้อ สุดยอด!” ซูจือฉิงยกนิ้วโป้ง เขาลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้าลึกและพูดว่า “แต่ในการต่อสู้จริง ทหารเกือบทุกคนจะต้องใส่เสื้อกับหมวกกันกระสุนวิธีการของนายอาจะใช้จริงไม่ได้
“นั้นเป็นปัญหาจริงๆด้วย” หวังเย้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียด“แล้วถ้าผมสอนวิธีจับศัตรล่ะครับ?”
“จับศัตรู? นายแน่ใจเหรอ?” ซูจือฉิงถาม “วิธีการจับศัตรูมีอยู่ในหลักสูตรการสอนของกองทัพอยู่แล้ว”
“มันไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“มันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากก็จริง” ซูจือฉิงพูด
“แบบนั้นดีเลยครับ ผมจะสอนบางอย่างที่ต่างออกไปเอง” หวังเย้าพูด
“ลองบอกฉันมาก่อน” ซูจือฉิงพูด
หวังเย้าอธิบายให้เขาฟังอย่างกระชับ มันเป็นเทคนิคที่ซับซ้อนและแข็งแกร่งกว่า มันสามารถหักกระดูกได้ด้วยมือเปล่า
“อืม มันต่างกันจริงๆด้วย” ซูจือจึงพูด “วิชานี้แข็งแกร่งมาก!”
“กังฟูจะแข็งแกร่งขึ้นได้เมื่อฝึกฝนจนเข้าใจอย่างลึกซึ้งครับ” หวังเย้าพูด
“แล้วนายฝึกมานานแค่ไหนแล้ว?” ซูจือฉิงถาม
“ไม่นานครับ ผมยังไม่เคยฝึกมาก่อนเลย” หวังเย้าบอกออกไปตามตรง
“อะไรนะ?” ซูจือจึงตกตะลึง “นายกําลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?”
“ไม่ครับ ผมพูดความจริง”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายคิดจะสอนพวกเราก่อนที่นายจะได้ฝึกและเชี่ยวชาญเองน่ะเหรอ?” ซลือจึงถาม
“วิชากังฟูมีพื้นฐานที่คล้ายกัน” หวังเย้าพูด “ผมเคยฝึกวิชาหมัดมวยที่ยากกว่านี้มาแล้วและวิชานี้ก็ฝึกได้ง่ายกว่ามาก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้” ซูจือจึงพูด “จากวิธีการที่นายบอก ฉันเลือกจากคนที่เคยไปทําภารกิจด้วยกันมาก่อนหน้านี้นายคิดว่าพวกเขาเหมาะรึเปล่า?”
“ครับ พวกเขาเหมาะสม” หวังเย้าพูด “มาเริ่มกันเถอะครัย”
ในระหว่างการสอนของเขา หวังเย้าอธิบายส่วนหนึ่งที่มีบันทึกอยู่ในตําราหมัดมวยและแสดงให้พวกเขาดูการเคลื่อนไหวดูเรียบง่าย แต่จําเป็นต้องใช้ทักษะในระดับสูงหวังเข้าไม่ได้สอนทุกอย่างให้พวกเขา เขาเพียงเริ่มสอนด้วยการเคลื่อนไหวที่ธรรมดาที่สุดก่อน