หวังเย้ายิ้มและพูดว่า “ดี!”
ชีวิตที่ต้องอยู่กับดาบกับมีดไม่มีทางยืนยาว การมีชีวิตปกติเป็นพื้นฐานการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง
“เชียนเชิง ความจริง ฉันอยากจะติดตามเชียนเชิงในฐานะลูกศิษย์” เจี้ยจื้อจายพูดออกมาอย่างจริงใจเป็นอีกครั้งที่เขายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
“ตอนนี้ คุณยังไม่อยู่ในจังหวะอารมณ์ที่เหมาะสมไว้กลับมาอีกทีปีหน้าแล้วกัน”หวังเย้าพูด
“ตอนนั้น เชียนเชิงจะรับผมเป็นศิษย์ไหม?” เจี้ยจื้อจายถาม
“ไม่แน่นอน ไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน” หวังเย้าพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” เจียจื้อจายพูด “ที่นี่ยังมีบ้านเหลืออยู่ไหม?”
“ทําไม? คุณอยากอยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ?” หวังเย้าถาม
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันต้องการน่ะ” ครั้งนี้ดูเหมยเป็นคนตอบ
ทั้งสองเคยปรึกษาเรื่องนี้มาก่อนแล้ว มันเป็นความคิดที่หูเหมยเสนอขึ้นมาเธออยากอาศัยอยู่ในหมู่บ้านกลางเขาเธอเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งและเธอก็คิดว่ามันเป็นสถานที่ที่ดีเมื่อรวมกับเรื่องที่คนรักของเธอต้องการเป็นลูกศิษย์ของหวังเย้าด้วยแล้วถ้าเขาได้อยู่ที่นี่มันก็จะเป็นประโยชน์สําหรับเขาด้วยความรู้สามารถบ่มเพาะกันได้
“บ้านมีอยู่หลายหลัง แต่ที่นี่มีกฎเยอะนะครับ” หวังเย้าพูด “ที่นี่ไม่ได้อิสระอย่างที่คุณคิดสิ่งที่เคยทํามาก่อนก็ต้องตัดให้หมดแล้วพวกคุณก็ห้ามเอาปัญหาเข้ามาที่นี้ด้วย”
ครั้งหนึ่ง จงหลิวชวนเคยดึงเอานักฆ่าหลายคนเข้ามาที่นี่แล้วตอนนี้ ยังมีอีกสองคนที่เคยทํางานแบบเดียวกันกับเขามาก่อนหวังเย้าเคยได้ยินมาจากจงหลิวชวนว่าสองคนนี้เคยทําเรื่องที่เลวร้ายมามากกว่าเขาไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะดึงหมู่บ้านแห่งนี้เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาของพวกเขาด้วยหรือไม่
ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆบนเขา ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ทําลายความสงบสุขของที่นี่นั่นคือความต้องการขั้นพื้นฐานที่สุด
“เราขอรับประกันว่า ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เราจะจัดการและไม่ให้เกิดปัญหากับหมู่บ้านนี้เด็ดขาด” เจี้ยจื้อจายพูด
“อม คุณไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านดูนะครับ” หวังเย้าพูด “เขารู้ว่ามีบ้านไหนว่างบ้าง”
“ขอบคุณค่ะ เชียนเชิง” หูเหมยพูด
“ดื่มชาหน่อยสิครับ” หวังเย้าพูด “ตอนนี้ เขาน่าจะอยู่ที่กรรมการหมู่บ้าน”
“เราจะไปถามเขาดู เจี้ยจื้อจายพูด
ทั้งคู่ดื่มชาในถ้วยจนหมดและเดินออกจากคลินิกไป
“อาจารย์ พวกเขาเป็นใครเหรอ?” พันจวนถาม
“สองคนนั้นมีเรื่องราวมากมายเลยล่ะ” หวังเย้าพูด “หลิวชวนช่วยไปดูพวกเขาทางนั้นที่”
“ครับ เชียนเชิง” จงหลิวชวนตอบ
หวังเย้าหันไปถามพันจวิน “พี่ต้องทํางานกะกลางคืนไหมครับ?”
“ไม่ทํา” พันจวนตอบ
“ถ้าอย่างนั้นค้างที่นี่คืนนี้ดีไหมครับ?” หวังเย้าถาม “เราจะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน”
“ได้สิ” พันจวินตอบ
ที่กรรมการหมู่บ้าน หวังเจียนหลี่กําลังสูบบุหรี่ในตอนที่มีชายที่ดูกระเซอะกระเซิงกับหญิงสาวหน้าตางดงามเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ หัวหน้าหวังเจียนหลี่อยู่ที่นี่รึเปล่า?” เจี่ยจื้อจายถาม
“ฉันเอง” หวังเจียนหลี่ตอบ “มีอะไรให้ช่วยเหรอ?”
“ที่หมู่บ้านนี้มีบ้านเก่าว่างบ้างไหมครับ?” เจี่ยจื้อจายถาม “ผมอยากซื้อไว้สักสองหลังน่ะครับ”
“จะซื้อบ้านเหรอ?” หวังเจียนหลี่ตกใจและคิด คนจากในเมืองพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด? คนในหมู่บ้านหาเงินเพื่อเข้าไปอยู่ในเมือง แต่คนในเมืองกลับอยากมาซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านแทน
บ้านหลังใหญ่หลายหลังในหมู่บ้านถูกทิ้งร้างเอาไว้ เพราะได้มีการทําสัญญาแลกบ้านกับบริษัทในเครือของตระกูลซุนเอาไว้ เจ้าของบ้านในเวลานี้จึงเป็นของตระกูลซุนลูกชายของตระกูลฮุนได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าทุกอย่างในหมู่บ้านที่ตระกูลของเขาเป็นเจ้าของจะถูกส่งต่อให้กับหวังเย้าความจริงซุนหยุนเชิงได้จัดการให้ทั้งหมดอยู่ภายในชื่อหวังเย้าในทางกฎหมายเรียบร้อยแล้วแต่หวังเข้าไม่รู้เรื่องที่หวังเจียนหลี่รู้เรื่องนี้เพราะซุนหยุนเชิงมาคุยเรื่องนี้กับเขาเป็นการส่วนตัวตอนนี้เขาเบื้องหน้าเขาจึงเป็นเหมือนผู้จัดการเขาสามารถดูแลขั้นตอนการซื้อขายบ้านแต่การตัดสินใจทุกอย่างจะอยู่ที่หวังเย้าแค่คนเดียว
“ใช่ครับ เราอยากมาอยู่ที่นี่” เจี้ยจื้อจายพูด
“คุณอยากมาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?” หวังเจียนหลี่ถาม
“ใช่ ทิวทัศน์ที่สวยงาม แล้วชาวบ้านก็ใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย” เจี้ยจื้อจายพูด“เราทั้งสองชอบที่นี่มาก”
หวังเจียนหลี่คิด ประหลาดคน! ในตอนแรก เขาคิดว่าพวกเขาแค่อยากซื้อบ้านสองหลังเอาไว้สําหรับมาพักผ่อนเท่านั้นเขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาคิดจะมาอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ
“รอเดี๋ยวนะ ผมต้องถามดูก่อน” เขาพูด
หวังเจียนหลี่เชิญพวกเขาเข้าไปในบ้าน เขาเดินไปอีกห้องหนึ่งเพื่อโทรหาหวังเย้า
“ลุง มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“เสี่ยวเย้า มีคนแปลกหน้าสองคนมาซื้อบ้านที่นี่น่ะสิ” หวังเจียนหลี่พูด “ลุงไม่แน่ใจเท่าไหร่!”
หวังเย้ายืนยันว่าเป็นเจียจือจายและหูเหมย
“ลุงครับ พวกเขามาคุยกับผมแล้ว” เขาพูด “ผมคิดว่าไม่มีปัญหาถ้าจะขายบ้านให้พวกเขาถ้ามีปัญหาอะไร ก็ปล่อยพวกเขาไป”
หวังเจียนหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ได้”
เขากลับเข้าไปในห้องและพูดว่า “รอผมทําสัญญาก่อนนะ”
เจี้ยจื้อจายมองดูเวลา ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายแล้วเขาคิดว่าวันนี้เรื่องคงยังไงเรียบร้อยเขาจึงถามออกไปว่า “ให้เรากลับมาวันพรุ่งนี้ดีไหมครับ?”
“ได้สิ พรุ่งนี้เช้าดีไหม?” หวังเจียนหลี่เสนอ
ตอนเย็น หวังเย้าเชิญทั้งคู่ทานอาหารที่ร้านอาหารด้วยกัน พวกเขาดื่มเหล้ากันเล็กน้อย
พันจวินหาคนไปส่งพวกเขากลับบ้าน เจี้ยจื้อจายและหูเหมยไม่ได้มุ่งหน้าไปกลับไปที่ที่พักที่อยู่ติดกับจงหลิวชวนในทันที
“เฮ้อ ที่นี่เงียบมาก” เจี่ยจื้อจายเหยียดแขนพูด
“มันดีมาก” หูเหมยพูดแล้วแอนตัวจึงเขา
“พรุ่งนี้ พวกเราไปจดทะเบียนสมรสกันเถอะ” อยู่ๆเจี้ยจื้อจายก็พูดขึ้นมา
“นายหมายความว่ายังไง?” หูเหมยลุกขึ้นและมองตาเขา
“แน่นอว่าเราจะแต่งงาน! รอเดี๋ยวนะ” เจี้ยจื้อจายหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู “ดูสิพรุ่งนี้ยังเป็นฤกษ์ดีอยู่! เอาแบบนี้แหละ!”
“เจียจื้อจาย ฉันรักนาย!” หูเหมยพูด
คืนนั้นถูกกําหนดให้เป็นช่วงเวลาแห่งความรัก
เช้าตรู่วันต่อมา พระอาทิตย์ส่องสว่าง
ไกลออกไปหลายพันไมล์ ในยูนนานใต้
“เธอจะไปไหน?” ชายชราถาม
“ผมจะออกไปเดินสักหน่อย” ชายวัยกลางคนพูด
ชายชรามองชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเหลืองซีด และพูดว่า “อาการของเธอตอนนี้ยังไม่ดีขึ้นและต้องพักผ่อน!”
“นี่ ผมยังมีแรง ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” ชายวัยกลางคนเดินออกไปจากห้องพร้อมกับหมวกใบหนึ่ง
เขาไปที่ร้านขายยาสมุนไพรจีน เมื่อเขาไปถึง เขาก็ถามหาสมุนไพรบางตัวไม่นานเขาก็กลับมาเขาถามหาเตาและหม้อจากชายชราหลังจากชายชราหยิบมาให้เขาแล้วชายวัยกลางคนก็ เริ่มงาน
“เธอกําลังจะทําอะไรน่ะ?” ชายชราถาม
“กําลังทํายาอยู่” ชายวัยกลางคนพูด
“เธอรู้วิธีทําด้วยเหรอ?” ชายชราถาม
“ผมได้เดินทางไปทั่วประเทศและรู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง” ชายวัยกลางคนพูด
ชายวัยกลางคนยุ่งตลอดทั้งวัน เขาหยุดพักในตอนเย็น หลังจากทํางานมาได้สองวันในที่สุดเขาก็ทําเม็ดยา,ขี้ผึ้ง,และตัวยาออกมาได้
“น่าเสียดายที่เวลาไม่พอ!” สีหน้าของเขาเขียวคล้ํา หากไม่ดูดีดีก็จะมองไม่เห็น
ชายวัยกลางคนเดินออกไปข้างนอก ไม่นานเขาก็กลับมา เขาเอาซองมอบให้กับชายชราและพูดว่า“ขอบคุณสําหรับหลายวันมานี้นะครับ”
“เฮ้ย ไม่ได้! ไม่ได้” ชายชราปฏิเสธ“ฉันแค่ทําตามที่ฉันรับปากเอาไว้เท่านั้นเอง
“รับไปเถอะครับ” ชายวัยกลางคนทิ้งเงินเอาไว้ “ผมจะออกไปเดินสักหน่อย”
“ได้ ระวังตัวด้วยล่ะ” ชายชรารู้ว่าเขากําลังจะจากไปแล้ว
แผนที่ถูกจดจําฝังลึกอยู่ในหัวของเขา เขาขับรถไปถึงบริเวณชายป่า เขาลงจากลงและสะพายกระเป๋าเดินเข้าไปในป่าทึบ
ทันทีที่เขาเข้าไปในป่า การเคลื่อนไหวของเขาก็คล่องแคล่วและรวดเร็ว ราวกับเขาคุ้นเคยกับป่าเป็นอย่างดี เขาทั้งกังวลและรีบร้อน ราวกับกําลังต่อสู้อยู่กับความตายเขารีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เขาจดจําเอาไว้
ระหว่างทาง เขาเก็บสมุนไพรป่าติดมือมาด้วย เมื่อหยุดพัก เขาก็หยิบสมุนไพรที่เก็บได้นมากินพวกมันสามารถช่วยยับยั้งพิษในร่างกายของเขาไว้ได้
หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว คืนนั้น ภายในป่ามืดมิด แต่เขายังคงมุ่งหน้าเข้าไปในป่าอย่างต่อเนื่อง
เขาไอไม่หยุด แต่ก็พยายามฝืนเอาไว้ เลือดไหลซึมออกจากมุมปากของเขา
ฉันต้องไปให้เร็วกว่านี้
ไม่กี่วันก่อน ตอนที่เขากําลังจะตาย เขาเลือกไม่สนใจชีวิตและความตาย เขาผ่อนคลายและยินยอมกลับมายังบ้านเกิดเพื่อตายที่นี่ แต่ในตอนนี้ เขารู้ว่าเขามีโอกาสที่จะมีชีวิตต่อเขาจึงอยากคว้าจับมันเอาไว้ให้มั่นเขาคว้าโอกาสเอาไว้เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา, จิตวิญญาณของการต่อสู้,และความบ้าคลั่งในตัวเขา ตอนนี้เขากลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง
ป่านี้เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการตาย
เช้าตรู่ เขาขึ้นไปบนเขาที่สูงชันและมีต้นไม้หนาทึบ
มันอยู่ที่นี่!
เขาชะลอฝีเท้า
อะไร?
อยู่ๆเขาก็ก้มตัวลงที่พื้นเต็มไปด้วยปลอกกระสุนนับไม่ถ้วน