พวกเขาเดินกลับไปถึงบ้านของซูเสียวซวีในตอนสามทุ่มกว่าแล้ว หวังเย้าเข้าไปด้านในไม่กี่นาทีก่อนจะเดินออกมา
“คุณแม่คะ นี่เป็นผลไม้ที่หนูเอากลับมาฝากคุณแม่โดยเฉพาะเลยนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “เชียนเชิงเป็นคนปลูกเอง มันอร่อยมากลองชิมดูค่ะแล้วน้าเหลียนอยู่ไหนเหรอคะ?เรียกเธอมากินด้วยกันสิคะ”
“คืนนี้ น้าเหลียนของลูกมีเรื่องให้ต้องไปทํา” ซงรุ่งปิงพูด “ไปเที่ยวคราวนี้สนุกรึเปล่าจ๊ะ?”
“สนุกค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “หนูไปงานแต่งพี่สาวของเชียนเชิง ความจริงหนูควรได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยแต่ก็ไม่ได้เป็น
“ทําไมล่ะจ๊ะ?” ซงรุ่ยปังถาม
“เชียนเชิงพูดว่า พอหนูใส่ชุดเพื่อนเจ้าสาวแล้วสวยเกินไป” ซูเสียวซวีพูด“เขากลัวว่าหนูจะโดดเด่นจนกลบพี่สาวของเขาน่ะสิคะ”
“อืม ลูกสาวของแม่สวยมาก ถ้าใส่ชุดราตร็จะต้องสวยกว่านี้มากแน่ๆ” ซงรุ่ยยิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม“แม่คิดว่าหวังเข้าทําถูกแล้ว ในวัน
แต่งงานเจ้าสาวก็ควรจะได้เป็นตัวเอกของงาน
“หนรู้ค่ะ หนูก็เลยไม่ดึงดันที่จะเป็นเพื่อนเจ้าสาว” ซูเสี่ยวซวีพูด “คุณแม่ลองชิมผลไม้สักหน่อยไหมคะ?”
“จ๊ะ มาลองชิมกัน” ซงรุ่ยปิงพูด
เธอเด็ดองุ่นใส่ปากไปหนึ่งลูก
“อืมมม อร่อย!” เธออุทาน มันทั้งหวาน, ฉ่ำน้ำ, และรสชาติดี เธอไม่เคยกินองุ่นที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนและเริ่มคิดอยากหยิบขึ้นมากินอีกลูก
“ลองอย่างอื่นด้วยสิคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ได้จ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในทุกๆวันของเธอ เธอมักจะไม่ทานอะไรในเวลานี้ของวันแต่ค่านี้เป็นข้อยกเว้นข้อแรกมันคือความตั้งใจดีของลูกสาวที่อุตส่าห์หอบมาให้จากที่อื่นข้อสองผลไม่มีรสชาติดีมาก
“มันอร่อยใช่ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“อร่อย อร่อยมาก”ซงรุ่ยปิงพูด“แม่ไม่คิดเลยว่านอกจากจะเชี่ยวชาญเรื่องรักษาคนแล้วหวังเย้ายังปลูกผลไม่ได้อร่อยขนาดนี้ด้วย มันอร่อยมากจริงๆหรือพ่อแม่ของเขาจะเป็นคนปลูกเองจ๊ะ?”
“ทั้งหมดนี้เป็นเชียนเชิงปลูกเองค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “พวกมันอยู่บนเนินเขาหนานชานหนูเป็นคนไปเก็บมาเองเลยนะคะ”
“เก็บที่เหลือไว้ให้คุณพ่อกับน้าเหลียนของลูกด้วยนะจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“คุณแม่กินหมดได้เลยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “บนเขายังมีอีกมาก เชียนเชิงบอกว่าเขาจะส่งมาให้พวกเราเป็นประจําเลย”
“ดีจริง ความใจกว้างของเขานั้นใช่จะได้รับมาง่ายๆ” ซงร่ยถึงพูด
หลังจากคุยกับแม่ของเธอได้สักพัก ซูเสี่ยวซวีก็กลับขึ้นห้อง
เช้าวันต่อมา หวังเข้าไปที่บ้านน้าของเขาเป็นที่แรก เขาเอาของฝากจากที่บ้านมาให้เธอและอยู่คุยกับเธอสักพักก่อนจะไปที่กระท่อมที่เฉินหยังอยู่
“ทําไมถึงมาได้ล่ะคะ เชียนเชิง?” เธอถาม
“ผมมาถึงเมื่อวาน ตั้งใจจะมารักษาคนไข้ด้วย” หวังเย้าพูด “เสี่ยวโจวไปไหนครับ?”
“เขาไปโรงเรียนค่ะ เชียนเชิง เชิญเข้ามาก่อนสิคะ” เมื่อเห็นว่าหวังเข้ามาเฉินหญิงก็ยินดีและรีบเชิญเขาเข้าบ้าน
“ลองชิมดูสิครับ นี่เป็นผลไม้ที่ผมปลูกเองบนเขา”หวังเย้าส่งถุงพลาสติกให้กับเธอครั้งนี้เขาไม่ได้เอาอะไรมามากมีแค่ผลไม้กับของฝากจากที่บ้านเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ เชียนเชิง” เฉินหยิงพูด “เชิญนั่งค่ะ ฉันจะเอาผลไม่ไปล้างก่อน”
เธอยุ่งอยู่กับการล้างผลไม้และชงชา
หลังจากกินพุทราไปลูกหนึ่ง ดวงตาของเฉินหญิงก็เป็นประกาย มันมีความหวานกรอบและกลิ่นหอม“อืมม!อร่อย!”
“ลองหลายๆอย่างเลยสิครับ” หวังเย้าพูด “อร่อยทุกอย่างเลย”
“ครั้งนี้ เชียนเชิงจะอยู่กี่วันเหรอคะ?” เฉินหยิ่งถาม
“ผมก็ไม่แน่ใจ อาจจะสักสามวัน” หวังเย้าตอบ
“ทําไมถึงไม่อยู่นานกว่านี้ล่ะคะ?” เฉินหยิงถาม “อีกไม่นาน ใบเมเปิ้ลบนเขาเซี่ยงชานก็จะเปลี่ยนสีแล้ว”
ใบไม้เปลี่ยนสีที่เขาเซียงชานมีชื่อเสียงทั้งในและนอกประเทศ มันคือหนึ่งในแปดทิวทัศน์แห่งเยียนจิงทุกฤดูใบไม้ร่วงจะมีใบเมเปิ้ลปกคลุมจนเต็มพื้นมันเป็นภาพที่งดงามแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา จะดูได้ก็ต่อเมื่อใกล้เข้าฤดูหนาวแล้วเท่านั้น
“ไว้ตอนนั้น ผมค่อยกลับมาอีกครั้งก็ได้ครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “อ้อวันนี้ผมอยากให้คนไข้มาหาที่นี่จะได้ไหมครับ?”
“ได้สิคะ” เฉินหยิงพูด
เดิมบ้านน้อยหลังนี้ก็อยู่ภายใต้ชื่อของตระกูลซู ถึงแม้ทางกฎหมายจะยังไม่เรียบร้อยแต่หวังเย้าก็นับว่าเป็นหนึ่งในเจ้านายแห่งตระกูลซูนี่คือบ้านของตระกูลเขาพูดให้ถูกคือพวกเธอพี่น้อง เพียงแค่มาช่วยจัดการดูแลให้ก็เท่านั้น
“ฉันจะไปเตรียมห้องไว้ให้นะคะ” เฉินหยิงพูด “เชียนเชิงอยู่ตรงนั้นได้ตลอดเวลาเลย”
“ได้ครับ ขอบคุณ” หวังเย้าพูด
“เกรงใจเกินไปแล้วล่ะค่ะ” เฉินหยิ่งพูด
หวังเย้าโทรหาซงรุ่ยปิงและบอกกับเธอว่า เขาพร้อมเจอคนไข้ได้ทุกเมื่อ
“ได้ ป้าเข้าใจแล้ว” ซงรุ่ยปิงพูด “ป้าจะบอกเธอไปหาตอนนี้เลยนะจ๊ะ”
พวกเขาถือเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอจึงปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ซงคู่ยงคงไม่ยินดีไปรบกวนหวังเย้าด้วยเรื่องนี้อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงในวัยสามสิบที่ดูซีดเซียวและผอมบาง เธอมาพร้อมกับผู้ชายที่แต่งตัวดีคนหนึ่ง
“สวัสดีค่ะ หมอหวัง” เธอพูด
“สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ” หวังเย้าพูด
เขามองดูเธอตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาในบ้าน ใบหน้าของเธอซีดเซียวไร้สีเลือดมีสัญญาณของการขาดพลังฉีและเลือด แววตาของเธอหม่นแสงซึ่งเกิดจากการพักผ่อนน้อยและไร้ชีวิตชีวาผมของเธอยังแตกแห้งบ่งบอกถึงสุขภาพที่ย่าแย่ของไตและยังหายใจไม่สม่ําเสมอร่างกายของเธออ่อนแออย่างที่สุด
พลังฉีและโลหิตของผู้หญิงคนนี้ไหลเวียนไม่ราบรื่น และขาดพลังชีวิต อวัยวะทั้งห้าของเธอขาดสมดุล ซึ่งมักปรากฏในคนไข้ที่ยังไม่หายจากการป่วยหนัก ปัญหาหลักก็คือเธอไม่ได้ตัวคนเดียวเธอยังมีอีกชีวิตหนึ่งอยู่ในท้องการเลี้ยงดูหนึ่งชีวิตมีความต้องการสารอาหารจํานวนมาก และยังต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นส่วนเสริมด้วย สภาพร่างกายของเธอนั้นไม่แข็งแรงพอที่จะเลี้ยงดูอีกชีวิตหนึ่ง เมื่อดูจากสภาพของเธอแล้วไม่ช้าก็เร็วเด็กท้องจะต้องเกิดปัญหาและทําให้ร่างกายที่แต่เดิมอ่อนแออยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปอีก
“สุขภาพของคุณแย่มาก” หวังเย้าเอ่ย
“ฉันรู้ค่ะ” เธอพูด
“คุณไม่ได้ต้องการเด็กคนนี้แม้แต่นิดเดียว เพราะถ้าคุณต้องการจริงๆ อย่างน้อยคุณก็ควรดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีก่อนที่จะมีลูก” หวังเย้าพูดบอกตามตรงเธอกําลังวางเรื่องสุขภาพและชีวิตของตัวเธอไว้บนเส้นด้าย “ดูจากภาพร่างกายของคุณในตอนนี้เด็กคนนี้อาจรักษาไว้ไม่ได้แล้วมันยังทําให้ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วของคุณเลวร้ายลงไปอีก”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของเธอก็ซีดเผือด เธอนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน
“ฉันต้องการลูก ลูกที่เป็นของฉัน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“มาครับ ผมจะตรวจดูให้ก่อน” หวังเย้าพูด
หลังจากจับดูชีพจรของเธอแล้วเขาก็ได้รู้ว่า ปัญหาเลวร้ายกว่าที่มองเห็นมาก
นี่มันยุ่งยากแล้ว!
“มีอะไรรึเปล่าคะ?” เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของหวังเย้า เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ
“ผมขอคิดก่อน” เขาตอบ
เมื่อดูจากชีพจรของเธอ อีกไม่นานก็จะต้องสูญเสียเด็กคนนี้ไปเพราะสุขภาพที่ย่าแย่ของเธอ เธอยังเคยแท้งมาแล้วสองครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีโอกาสแท้งได้อีกครั้ง
เขามองคู่สามีภรรยาที่นั่งอยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะฝ่ายหญิง
“ทําไมคุณถึงต้องการเด็กมากขนาดนี้ล่ะครับ?” หวังเย้าถาม
“ลูกคนแรกของฉันตายไปหลังจากที่คลอดมาได้ไม่ถึงเดือน ฉัน ฉัน…” น้ำตาเริ่มไหลลงมาจากตาชายที่นั่งอยู่ข้างๆจับมือเธอไว้แน่นเขาไม่พูดอะไรแม้แต่คําเดียวดูจากสายตาและการกระทําของเขาแล้วแสดงให้เห็นว่าเขารักผู้หญิงที่อยู่ข้างเขามากแค่ไหน
“คุณอยากรักษาเด็กคนนี้ไว้เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
นี่เป็นครั้งแรก ที่ฝ่ายชายพูดขึ้นมา “ครับ ผมยินดีไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ทั้งนั้น”
“คุณเหรอ?” หวังเย้ายิ้ม “ถ้าพวกคุณเชื่อใจผม ผมก็จะลองดู แต่ว่ามีเงื่อนไขอยู่ คุณต้องทํา ตามที่ผมบอกทุกอย่าง ถ้าพวกคุณมั่นใจว่าทําได้ เราก็จะรักษากันต่อ แต่ถ้าพวกคุณทําไม่ได้ ก็ก ลับไปตอนนี้ได้เลย”
“เรารับปากว่า เราจะทําตามนั้นให้ได้” ฝ่ายชายพูด
“ดี ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณห้ามดื่มหรือสูบ” หวังเย้าพูด “คุณไม่สามารถใช้น้ำหอมหรือเครื่องสําอางทุกชนิดอ้อแล้วก็คุณด้วย คุณได้ฉีดน้ำหอมที่ตัวด้วยใช่ไหมครับ?”
“เอ่อ นิดหน่อยครับ” ฝ่ายชายตอบ
“พูดง่ายๆก็คือ พวกคุณต้องหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นภายนอก โดยเฉพาะในเรื่องของรสชาติ” หวังเย้าพูด“คุณอ่อนไหวกับพวกของที่มีกลิ่นแรงหรือฉันใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ ฉันค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้ เพราะจมูกของฉันอ่อนไหวกับพวกกลิ่นได้ง่ายมาก”เธอพูด
“ที่บ้านด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้ พอกลับไปถึงที่บ้าน ผมจะเอาของที่มีกลิ่นไปทิ้งทั้งหมด” ฝ่ายชายพูด
“คุณยังต้องพักผ่อนและห้ามเดินบ่อย” หวังเผ่าพูด “คุณจําเป็นต้องนอนอยู่บนเตียงอย่าง 12 ชั่วโมงในทุกๆวัน”
“ครับ” ฝ่ายชายหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าและเขียนรายละเอียดทุกอย่างลงไป
“สิ่งสําคัญคือเรื่องของอารมณ์ที่คงที่” หวังเย้าพูด “เส้นประสาทของคุณตึงเครียดมากคุณวิตกกังวลเกี่ยวกับเด็กในท้องมากเกินไป และนั่นก็คือปัญหา”
“ฉันรู้ค่ะ แต่เพราะฉันกังวลเกี่ยวกับเด็กคนนี้มากเกินไป เลยทําให้นอนน้อยไปด้วย”เธอพูด“ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลจะทําเป็นไม่สนใจเลยก็ไม่ได้!”
หลังจากคิดสักพัก หวังเย้าก็พูดว่า“รอเดี๋ยวนะครับ ผมเตรียมยาให้พวกคุณเอากลับไปกินด้วย”
“อ้อ ได้ค่ะ”เธอพูด