“ที่นี่เงียบมาก!”
ที่ลานจอดขนาดใหญ่กลับมีรถจอดอยู่แค่สามคันเท่านั้น ดูเหมือนว่าด้านในยังคงมีคนทํางานกันอยู่
“มันแทบไม่มีคนเลย ที่ฉันมาครั้งก่อนมีคนอยู่เยอะไปหมดบางที ตอนนี้อาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะกับการมาที่นี่ก็ได้”พันจวินพูดเขามาแช่น้ำพุร้อนที่นี่กับเพื่อนของเขามากกว่าหนึ่งครั้งถึงเขาจะพูดว่าในช่วงนั้นมีคนไม่มากแต่ที่ลานจอดก็ยังมีรถจอดมากกว่าครึ่ง แต่ตอนนี้กลับแทบจะว่างโล่ง
“เข้าไปดข้างในกันเถอะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่
ตัวรีสอร์ทตั้งอยู่บนเนินเขา มันถูกออกแบบให้ดูโบราณได้อย่างสวยงามและมีการก่อสร้างได้อย่างแข็งแรง
เมื่อพวกเขาเดินไปที่หน้าเคาท์เตอร์ พวกเขาก็เห็นหญิงวัยสี่สิบกําลังหาวหวอดในขณะที่เล่นเกมส์มือถืออยู่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นคนทั้งห้าที่เดินตรงมาหา
“สวัสดี!” เจี้ยจื้อจายตะโกน
“โอ้ สวัสดี สวัสดีทุกคนค่ะ พวกคุณมาแช่น้ำร้อนกันเหรอคะ?” หลังจากเห็นหวังเย้าและคนอื่นๆเธอก็ตื่นเต้นขึ้นมาความประหลาดใจก่าลังท่วมท้น
“นี่มันก็สิบกว่าวันแล้ว! ในที่สุดก็มีคนมาสักที!”
“ห้าคนใช่ไหม?”
“ใช่”
“คนละ 80 หยวนค่ะ”
“ฉันจ่ายเอง” เจี้ยจื้อจายพูด
“ไม่ได้ ฉันจ่ายเอง” พันจวินก็หยิบกระเป๋าเงินออกมาเช่นกัน
“จะแย่งกันจ่ายทําไมครับ? ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้ผมเป็นเจ้ามือนะ?”
หวังเย้าจ่ายเงิน จากนั้นเขาและพวกก็เดินเข้าไปด้านใน
ชายหญิงถูกแยกออกจากกัน แต่ในเมื่อน้ำพุร้อนทั้งหลังมีแค่พวกเขาเจี้ยจื้อจายกับหูเหมยจึงแช่ในสระเดียวกัน
“ไม่ค่อยสะอาดเลย” เจียจอจายที่คาบบุหรี่อยู่บ่นออกมา
บนพื้นเต็มไปด้วยฝุ่นจนทําให้พื้นที่ราบเรียบดูสกปรกและเป็นคราบยังดีที่ในสระไม่ได้สกปรกไปด้วย
หลังลงไปแช่ตัวในน้ำพุร้อนแล้ว เจี้ยจื้อจายก็เหยียดแขนและพูดว่า “เฮ้อสบายจริงๆ!”
“ทั้งที่ที่นี่ดีขนาดนี้ ทําไมถึงไม่มีใครมาเลยล่ะ? ราคาก็ไม่ได้แพงมากด้วย!”
“นายได้ถามเชียนเชิงรึเปล่า ว่าทําไมอยู่ๆเขาถึงได้ชวนพวกเรามาแช่น้ำพุร้อนน่ะ?”
“เอ่อ ไม่ได้ถาม ทําไมเหรอ?”
“ฉันว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่” หูเหมยพูด
“มีเรื่อง? เรื่องอะไร?”
“นาย!” หูเหมยกรอกตามองบนใส่เขา
อีกสระหนึ่ง พันจวินถามเสียงเบา “เชียนเชิงมาที่นี่เพราะอยากสืบเรื่องสาเหตุการตายของคนพวกนั้นใช่ไหม?”
“ผมสงสัยน่ะครับ ก็เลยอยากมาดูด้วยตาตัวเอง”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม“แต่ผมก็ตั้งใจจะมาแช่น้ำพร้อนที่นี่ด้วยอย่ามัวแต่ไปคิดเรื่องนั้นเลยครับ”
“อ้อ”
หม?
อยู่ๆหวังเย้าก็ก้มหน้ามองลงไปในน้ำพุร้อน
“มีอะไรเหรอ?” พันจวินถาม
“ไม่มีอะไรครับ พอแช่ได้สักพักเราก็ขึ้นกันเถอะ น้ำไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่”หวังเย้าพูด
“ถึงจะไม่สะอาด แต่ก็รู้สึกดีมากเลยนะ” พันจวินพูด น้ำพุร้อนในสระดูใสและมีควันลอยขึ้นมา
ถึงเขาจะพูดไปแบบนั้น เขาก็ยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และรีบลงไปแช่ในน้ำพุร้อนเมื่อได้แช่แล้วก็รู้สึกสบายตัวอย่างมาก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเราไม่ได้แช่บ่อยก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” หวังเย้าพูด
หลังจากนั้นสักพัก หวังเย้าก็ขึ้นจากสระและตามมาด้วยจงหลิวชวนกับพันจวิน
“ไปเรียกสองสามีภรรยาคู่นั้นเถอะครับ”
ในสระอีกด้านหนึ่ง เจี้ยจื้อจายกับหูเหมยกับปล่อยตัวอย่างสบายอารมณ์พวกเขาได้ยินเสียงเรียกจากจงหลิวชวน เขาบอกให้ทั้งสองขึ้นจากสระได้แล้ว
“มีอะไรเหรอ?”
“เชียนเชิงบอกให้พวกเราขึ้นได้แล้ว น่าจะมีเรื่องอะไรสักอย่าง”
ทั้งสองเก็บข้าวของ แต่งตัวและเดินออกไป
“เชียนเชิง มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“แช่ตัวแค่เดี๋ยวเดียวก็พอครับ ถ้าแช่นานเกินไปจะไม่ดีกับร่างกายได้”หวังเย้าพูด
“จริงเหรอ? แต่ผมรู้สึกสบายมากเลยนะ!”
“ผมจะออกไปเดินดูข้างนอกสักหน่อย อยากทําอะไรก็ตามสบายเลยนะ”
“ครับ”
นอกจากการแช่น้ำพุร้อนที่เป็นจุดดึงดูดลูกค้าแล้ว ภายในรีสอร์ทก็ยังมีกิจกรรมอย่างอื่นให้ได้ทําทั้งนวดตัว,บิลเลียด,หมากรุก,และไพ่ ทุกอย่างเต็มไปด้วยความใส่ใจในเมื่อมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการแค่ไม่กี่คนสิ่งอํานวยความสะดวกเหล่านี้จึงไม่เปิดทําการ เพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียนสําหรับกิจการนักลงทุนลงทุนไปถึงสิบกว่าล้านหยวนแต่กลับยังทําเงินได้ไม่เท่าไหร่หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปเขาอาจล้มละลายได้ไม่มีใครต้องการให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับตัวเองโชคร้ายที่หลังจากข่าวการตายแพร่กระจายออกไปจึงทําให้ไม่มีใครกล้ามาที่นี่อีกแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะขายต่อให้คนอื่น เจ้าของรีสอร์ทอาจจะก่าลังเมามายและร่ำไห้อยู่ที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้แถมค่าจ้างคนงานก็ยังล่าช้าไปเดือนหนึ่งแล้ว
ถ้าหากไม่มีเงินจ่าย คนเหล่านั้นจะทํายังไง? สุดท้าย เจ้าของได้บอกกับพวกเขาว่าเขาจะต้องพึ่งพาตัวเองและหักจ่ายเงินเดือนจากรายได้ที่เข้ามาแต่ในเมื่อไม่มีใครมาเลยแล้วจะมีรายได้เข้ามาได้ยังไง?พนักงานมากกว่าครึ่งจึงลาออกไปทั้งๆที่ยังไม่ได้รับเงินเดือนอีกเดือนหนึ่งที่เหลือจึงทําให้ส่วนที่ให้ความบันเทิงลูกค้าถูกทิ้งร้างตอนนี้นอกจากการแช่น้ำพุร้อนแล้วก็ไม่มีกิจกรรมอย่างอื่นให้ทําเลย
“เฮ้อ น่าเบื่อ!” เจี้ยจื้อจายกับหูเหมยเดินไปรอบๆรีสอร์ท
มันดูเปล่าเปลี่ยวไม่ต่างจากฤดูใบไม้ร่วง
“มีอะไรเหรอ?”
“เชียนเชิงต้องคิดทําอะไรอยู่แน่ๆ”
“ทําอะไรเหรอ?”
“ฉันไม่รู้”
“ทั้งสองคนไปเดินเที่ยวแถวนี้เถอะครับ ผมจะไปเดินดูรอบๆคนเดียว” หวังเย้าพูดกับพันจวินและจงหลิวชวน
“ครับ เชียนเชิง”
หวังเย้าต้องการค้นหาแหล่งที่มาของน้ำพุร้อนและตรวจสอบดู เขาไม่ได้บอกเหตุผลที่เขาไม่ต้องการให้ทุกคนแช่น้ำนาน นั้นเป็นเพราะเขาได้กลิ่นแปลกๆน้ำพุร้อนมีกลิ่นสาปของแมลงอยู่ น้ำที่อยู่ในสระก็ไม่สะอาดด้วยเขานําเรื่องกลิ่นไปเชื่อมโยงกับคนที่ถูกแมลงพิษในหมู่บ้านหลี่เจียโกวกัดเขาสงสัยว่ากลิ่นนั้นจะมาจากแมลงบางชนิดเขาจึงอยากค้นหาที่มาของมัน
ที่นี่ไม่มียามคอยเดินตรวจหรือพนักงานที่คอยให้บริการ หวังเข้าจึงเดินไปรอบรีสอร์ทเพียงลำพังของมีค่าหลายอย่างภายในรีสอร์ทได้ถูกขนย้ายออกไปบ้างแล้ว
“คุณกําลังทําอะไรน่ะ?”
แล้วหวังเย้าก็บังเอิญเจอเข้ากับชายหนุ่มในวัยยี่สิบคนหนึ่ง เขามีผมสีเหลืองและถือไม้เอาไว้ในมือ
“ผมอยากไปดูว่าต้นน้ำของน้ำพุร้อนที่นี่เป็นแบบไหนน่ะ” หวังเย้าตอบ
“ไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรทําก็อย่าออกมาเดินเพ่นพ่าน รีบกลับไปได้แล้ว”
หวังเยาไม่ได้พูดอะไร และยังคงเดินต่อไป
“นี่ ผมพูดกับคุณอยู่นะ! คุณคิดจะทําอะไร? ไม่เข้าใจคําพูดของผมหรือยังไง?” ทันทีที่ชายหนุ่มเห็นการกระทําของหวังเย้า เขาก็เริ่มโมโหขึ้นมา ทั้งๆที่เขาพูดจาด้วยดีดีอีกฝ่ายกลับเป็นเขาเสียอย่างนั้น
เขาจึงวิ่งเข้าไปหาหวังเฝ้าพร้อมกับไม่ในมือ
“หนุ่มน้อย โมโหมากเกินไปจะส่งผลเสียกับตับได้นะ!” หวังเย้าวางมือลงบนไหล่ของเขาชายหนุ่มสูญเสียการควบคุมร่างกายและเข่าทรุด
แรงกดที่ส่งมาหนักหน่วงราวกับมีรถวางอยู่บนไหล่ของเขามันไม่มีช่องว่างให้เขาได้ต่อต้านเขาทําได้เพียงคุกเข่าเท่านั้น
“ลองคิดเรื่องแหล่งน้ำดีดีซิ”
“เฮ้ย เฮ้ย พี่ชาย มันเจ็บๆ ใจเย็นก่อน ผมจะพาคุณไปที่นั่นเอง”
“ไปกันเถอะ
ชายหนุ่มยอมให้ความร่วมมือและพาเขาไปที่ต้นก่าเนิดน้ำพุร้อน มันเป็นพื้นดินที่ถูกขดขึ้นมาและพวกเขายังได้สร้างเป็นสระล้อมเอาไว้ จากตรงนี้พวกเขาได้แยกน้ำพออกเป็นหลายสระผ่าน เครื่องมือกรอง
“มันมีกลิ่นสาปแถมยังแรงมากด้วย” หวังเย้าดมกลิ่น
“เอาล่ะ หมดหน้าที่ของนายแล้ว
“ครับ ครับ” ชายหนุ่มวิ่งหนีไป ราวกับเขาได้หลุดพ้นจากโทษประหาร
“แม่งเอ้ย เขามันอวดดี รอก่อนเถอะ!” เขาเดินไปทางประตูและพูดประโยคนี้ออกมาเบาๆและมีแค่เขาเท่านั้นที่ได้ยิน
“บนเขาเหรอ?”
หวังเย้าเดินออกมาและมองไปทางภูเขาที่ตั้งอยู่ด้านหลังรีสอร์ท ภูเขาไม่ได้สูงชันมากนักความสูงนั้นพอๆกับเนินเขาหนานชาน
“ลองไปบนที่เขาลูกนี้แล้วกัน”
หวังเย้าก้าวขากระโดดข้ามกําแพงที่สูงกว่า 3 เมตรไปได้อย่างง่ายดายและเขาก็ไปถึงด้านหลังเขา
การมองหาแมลงตัวเล็กๆบนเขาลูกใหญ่แบบนี้ ก็ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร
หวังเย้าเดินไปรอบภูเขา เขาคิด พิษแบบนั้นคือพิษร้อน แมลงพวกนี้น่าจะชื่นชอบพื้นที่ที่อบอุ่นที่ตรงนี้มีน้ำพุร้อนอยู่ แล้วอุณหภูมิก็สูงด้วยฉันไปดูตรงนั้นก่อนแล้วกัน
เพียงกระโดดแค่ไม่กี่ครั้ง เขาก็ไปถึงยอดเขา เขาเลือกที่จะยืนอยู่บนที่สูงเพื่อมองดูด้านล่าง
“ตรงนั้น”
เขามองไปที่จุดที่มีไอความร้อนลอยตัวขึ้นมา
ครูต่อมา เขาก็มาถึงสถานที่ที่ต้องการและนั่งยองเพื่อใช้สัมผัส