มีไอความร้อนลอยขึ้นมาจากพื้นถึงมันจะน้อยและคนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสหรือสังเกตเห็นได้แต่เพียงแค่เขายื่นมือออกไปก็สามารถตรวจจับได้แล้ว
มันอยู่ข้างล่าง
หวังเฝ้ามองไปรอบๆ แถวนี้ไม่มีทั้งพลั่วหรือเสียมเลย
ช่างเถอะ ฉันใช้มือเอาก็ได้
เขานั่งยองและเริ่มลงมือขุด เพราะเป็นภูเขามันจึงมีทั้งดินและหิน แต่มือของเขากลับดูแข็งไม่ต่างจากเหล็กและแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้ามือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกับเศษดิน และหินปลิวไปทั่วร่างของเขาดําดิ่งลงไปเรื่อยๆแล้วหลุมก็เริ่มปรากฏขึ้นบนพื้น
ในรีสอร์ทน้ําพุร้อนที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา
“เชียนเชิงไปไหนแล้วล่ะ?” เจี้ยจื้อจายพบจงหลิวชวนกับพันจวินที่ด้านในรีสอร์ท เขากําลังเบื่อในรีสอร์ทไม่มีอะไรสนุกให้เขาได้ทําเลย มันวังเวงเหมือนฤดูใบไม้ร่วงคนทั้งห้าไม่ต่างอะไรกับของแปลกหายากในที่แห่งนี้
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ในตอนที่เขากําลังพูดอยู่นั้น เขาก็เห็นเด็กหนุ่มผมเหลืองและชายหนุ่มอีกเจ็ดแปดคนกําลังเดินตรงมาที่พวกเขาพร้อมกับถือไม้มาด้วย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”เจี้ยจื้อจายที่เห็นคนมุ่งหน้ามาก็ดวงตาเป็นประกาย
“มาทางนี้! มาทางนี้!” เขาอดที่จะส่งเสียงเรียกพวกเขาไม่ได้
“นายกําลังทําอะไรน่ะ?” หูเหมยจ้องเขา
“ฉันกําลังหาเรื่องอยู่ยังไงล่ะ เธอไม่เห็นเหรอว่าพวกเขากําลังมาหาเรื่องคนน่ะ?”
“แม่ง มันไปไหนแล้ว?” ชายหนุ่มผมเหลืองพึมพําในขณะที่เดินอยู่ ไม่นาน เขาก็มองเห็นเจยซื้อจายและคนอื่นๆพูดให้ชัดก็คือเขามองไปที่หูเหมย
“ลูกพี่ ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก!”
“ไปกัน”
ชายหนุ่มเดินตรงมาหาพวกจงหลิวชวนพร้อมกับไม้
“ว่าไงคนสวย เรามาทําความรู้จักกันดีกว่านะ” ชายหนุ่มผมเหลืองยิ้มกริ่มและยืนเก๊กท่าที่คิดว่าตัวเองดูหลอเหลาและน่าดึงดูดที่สุด
ฮาฮา! เจียจื้อจายรู้สึกข์ มีคนกล้าจีบภรรยาต่อหน้าเขา กล้ามาก!
นี่ไม่ต่างจากการล้อมังกรหรือกระตุกหนวดเสือ คําพูดไม่สามารถบรรยายถึงอันตรายที่ชายหนุ่มกําลังเอาตัวเองเข้าไปอยู่
หูเหมยถามออกไปด้วยความไม่พอใจว่า “นายกําลังตื่นเต้นเรื่องอะไรอยู่?”มีคนกําลังจีบเธอแต่สามีของเธอกลับทําท่าทางตื่นเต้นเสียอย่างนั้นนี่ไม่ได้หมายความว่าสมองของเขากําลังมีปัญหาอยู่หรอกเหรอ?
เจี้ยจื้อจายคิด ในที่สุดก็มีเรื่องให้ทําสักที
“นี่ เจ้าหัวเหลืองนะ แกกล้าจีบเมียฉันแบบนี้ สมองของแกคงโดนลาถีบมาใช่ไหม?”
“ห้ะ!” เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายหนุ่มหัวเหลืองก็อึ้งไป เขาหรี่ตามองเจียจื้อจายจากบนลงล่าง
“แกไม่ใช่คนที่นี่สินะ?”
“แน่ล่ะสิ ฉันไม่ใช่คนที่นี่” เจี้ยจื้อจายผงกหัว
“ดี ถ้าอย่างนั้นทําไมแกก็ไม่ให้เมียของแกอยู่เป็นเพื่อนดื่มเหล้ากับพี่ๆของเราก่อนล่ะ?ฟังดูดีใช่ไหม?”
“แกกล้ามากนะ ตอนที่ฉันมาที่นี่ ฉันเห็นป้ายประกาศติดอยู่ข้างนอกนั่น ดูเหมือนว่าที่มันถูกตั้งเอาไว้ตรงนั้นก็เพื่อป้องกันเรื่องพวกนักเลงหัวไม่ในหมู่บ้านแกคิดจะก่อเรื่องที่ผิดต่อกฎหมาย หรือกําลังหาเรื่องตายอยู่ล่ะ?”เจี้ยจื้อจายจุดบุหรี่สูบ
ชายหัวเหลืองและพวกของเขาหน้าซีด ช่วงนี้ทางเขตกําลังเข้มงวดเรื่องนี้เป็นอย่างมากมีหลายคนที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านถูกจับไปพวกเขาได้ยินมาว่าคนที่ถูกจับไปต่างก็มีสภาพดูไม่ได้กันทุกคน วัยรุ่นกลุ่มนี้อายุยังน้อยและไม่รู้เรื่องอะไรมากนักพวกเขาคิดว่าการทําแบบนี้ดูน่าเกรงขามแต่พวกเขาก็ไม่อยากเข้าคุกเหมือนกัน
พวกเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและกําลังเผชิญหน้ากับความอับอาย
เจี้ยจื้อจายคิด ตีฉันส์! พวกเขาจะยืนบื้อทําไมตรงนั้น? เขากําลังรอที่จะสู้กลับอยู่เพราะตัวเขานั้นชื่นชอบที่จะรังแกเด็กเกเรแบบนี้มาก
“อะไรกัน? อยู่ๆพวกแกก็คิดได้ขึ้นมางั้นเหรอ? หรือว่ากลัว?”
“เฮ้อ” จงหลิวชวนส่ายหน้า เขาเลือกที่จะเดินออกมาและทิ้งเงี่ยจื้อจายที่กําลังพยายามหาเรื่องใส่ตัวอยู่ตรงนั้น
“ทําไมฉันต้องกลัวด้วย?” ชายหัวเหลืองจ้องมองเขาราวกับจะกัดคอของเขาจนแหลก
เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยพละกําลังและความโกรธ จึงถูกกระตุ้นอารมณ์ได้ง่าย
“เฮ้อ ฉันพนันได้เลยว่าพวกแกคงเก่งแต่ปากสินะ ถ้าพวกแกไม่กล้าก็กลับไปดื่มนมแม่เถอะ”เจี้ยจื้อจายโบกมือไล่
“ไอ้ลูกก** จัดการมัน! ถ้ามีปัญหาฉันรับผิดชอบเอง!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายหัวเหลืองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเหวี่ยงไม่ในมือไปทางศีรษะของเจียจื้อจาย
“ในที่สุดพวกเขาก็ลงมือสักที! ฉันรอแทบไม่ไหวแล้ว!” เจี้ยจื้อจายอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เฮ้ย!
เพี้ยะ!
ชายหัวเหลืองตกตะลึงกับฝ่ามือที่ตบหน้าเขา ใบหน้าของเขาเริ่มเจ็บและร้อน
เพี้ยะ! เพี้ยะ! เพี้ยะ! เสียงตบยังคงดังอย่างต่อเนื่องเด็กหนุ่มแต่ละคนต่างใช้มือทั้งสองกุมแก้มของตัวเองพวกเขาจ้องมองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาคาบบุหรี่เอาไว้ในปากและมีรอยยิ้มชั่วร้ายติดอยู่ที่มุมปาก
มันเจ็บ! มันเจ็บ!
ทําไมผู้ชายคนนี้ถึงแค่ตบหน้าพวกเราล่ะ?
“ลูกพี่ ผู้ชายคนนี้เป็นพวกนักสู้ที่ถูกฝึกมา” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูจะมีสมองกว่าคนอื่นเล็กน้อยพูด
“ถอย!”
พวกเขารู้ดีที่สุดว่าไม่ควรสู้เมื่อฝ่ายตรงข้ามเก่งกว่า และต่างพากันวิ่งหนี
“คิดจะถอยเหรอ? ฉันอนุญาตพวกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เจียจื้อจายไม่ค่อยพอใจนักเขายังอุ่นเครื่องไม่ทันเสร็จเลยด้วยซ้ำเขาเพิ่งจะได้สนุกแล้วเขาจะปล่อยเหยื่อให้หนีไปง่ายๆได้ยังไง?
เขาก้าวเข้าไปขวางชายหนุ่ม เพื่อปิดทางหนีของพวกเขา
“อย่าเพิ่งรีบไปสิ”
“แกต้องการอะไรอีก?”
“เรามาเล่นกันสักหน่อยดีไหม?”
“ไม่ เราไม่ว่าง”
“เฮ้อ เมื่อกี้พวกนายออกจะเท่ห์ไม่ใช่เหรอ?”
“น่าเบื่อ!” จงหลิวชวนเดินจากไป
“รอฉันด้วย” พันจวินตามเขาไปด้วย เดิมเขาเป็นห่วงเจี่ยจื้อจาย แต่เมื่อเจียจื้อจายลงมือพันจวินก็ได้รู้ว่าเขาต่อสู้เป็นและยังเชี่ยวชาญมากด้วยในเมื่อเจียจื้อจายไม่เป็นอะไรเขาก็ไม่จําเป็นต้องอยู่ดูเขารังแกเด็กหนุ่มพวกนั้นอีกต่อไป
ชายหัวเหลืองกัดฟัน มือที่ถือท่อนไม้อยู่กําลังสั่น
“ทําไมพวกนายไม่ลองอีกครั้งล่ะ? บางทีเมื่อกี้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้”
“หลีกทางไป!” ชายหัวเหลืองทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาถือไม้พุ่งเข้าใส่เลี้ยจื้อจาย
เพี้ยะ! ฝ่ามือที่เคยตบลงไปที่ใบหน้าด้านขวาของเขาได้ฟาดลงไปที่ใบหน้าด้านซ้าย
จ็บใจ็บใจ็บ!หรือโหรือ!ดาวดวงน้อยลอยอยู่ตรงหน้าชายหัวเหลือง
ฉันมีนหัวไปหมดแล้ว!
คนอื่นต่างอดขนลุกชันไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงพวกเขาก็รู้แล้วว่ามันต้องเจ็บขนาดไหนพวกเขาสงสัยว่าลูกพี่ของพวกเขาจะถูกตบจนกลายเป็นคนโง่เลยหรือไม่
“พอได้แล้ว” หูเหมยที่ยืนอยู่ข้างๆทนไม่ไหวอีกต่อไป
“จะพอได้ยังไง? เมื่อกี้เขาเพิ่งจะแทะโลมเธออยู่เลย” เจียจื้อจายพูด
“ยืนขึ้น เรามาเล่นเกมส์ลับสมองกันดีกว่า ฉันจะเป็นฝ่ายถามคําถามถ้าพวกแกตอบไม่ได้ภายในห้าวินาทีฉันจะตบหน้าพวกแก”
“มีการประชุมเกิดขึ้นในป่า ใครที่ไม่มา?”
“ช้าง” ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบตอบ
“ทําไม?”
“เพราะมันอยู่ในตู้เย็น!”
“ผิด” เจี้ยจื้อจายพูด
มีเสียงตบดังตามมา ใบหน้าอีกด้านของชายหนุ่มแต่ละคนล้วนได้รับฝ่ามือนั้น
“แล้วใครล่ะ?”
“ตัวสกิ้งค์”
“ทําไม” ชายหนุ่มถาม
“มันเหม็นมาก เลยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม
“แม่ง มีเหตุผลแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มลิ้ง ลับสมองอะไรกัน? นี่มันไม่ใช่ลับสมองแล้วนี่มันรังแกกันชัดๆ
“ได้เวลาสําหรับคําถามที่สองแล้ว เสี่ยวหมิงมีพี่ชายสามคน พี่ชายคนโตชื่อเสี่ยวเฉียงพี่ชายคนรองชื่อตาเฉียงแล้วพี่ชายคนที่สามชื่อว่าอะไร?”
เมื่อได้ยินคําถาม ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็มีนงง
ใครมันจะไปรู้คําตอบกันล่ะ? ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร พวกเขาก็อาจจะตอบไม่ได้อยู่ดีแล้วสุดท้ายพวกเขาก็จะโดนอีกฝ่ายตบเข้าให้
“5 4 …”
“ฉันไม่รู้
“เฮ้อ เขาชื่อว่า เอ้อเฉียง” เจี้ยจื้อจายพูด “คําถามง่ายๆแค่นี้ ทําไมพวกนายถึงตอบไม่ได้กัน?”
“วิ่ง!”
มีคนตะโกนขึ้นมา ชายหนุ่มทั้งหมดต่างวิ่งหนีไปคนละทาง แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ต้องนอนกองกันอยู่ที่พื้น
โอ๊ย ลูกเตะของเขาหนักอย่างกับท่อนเหล็ก!
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พี่ชาย ฉันรู้ความผิดของฉันแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย” ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและร้องขอความเมตตาชายหนุ่มคนอื่นๆต่างก็พากันคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจี้ยจื้อจาย
“นี่มันอะไรกัน?” เจี้ยจื้อจายถามด้วยสีหน้ามืดมน “มีทองอยู่ที่เข่าของพวกนายหรือยังไงท่าไมพวกนายตัวอ่อนขาอ่อนแบบนี้? ลุกขึ้น ทุกคนเลย!”
“ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะตบพวกเขาไปเรื่อยๆ!”
ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นยืน
“มาเล่นเกมส์อื่นกันดีกว่าเอาเป็นเกมส์พูดความจริงดีไหม?”
“เรายังต้องเล่นอีกเหรอ?”
“ทําไม? นายมีปัญหาเหรอ?”
“เอ่อ เปล่า ไม่มีปัญหา
“บอกเรื่องการเรียนของพวกแกมา”
“มัธยมปลาย
“การช่างปีสอง”
“มัธยมต้น
เจี้ยจื้อจายถอนหายใจและส่ายหน้า “พวกนายแน่มากจริงๆ ถึงขนาดได้ร่ำเรียนมาด้วย”
“คําถาม บอกชื่อนักเขียนชื่อดังมาหกชื่อและบอกผลงานในปัจจุบันของพวกเขามา”
“กิมหยัง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า, มังกรหยก”
“โกวเล้ง ฤทธิ์มีดสั้น, หงส์ผงาดฟ้า
“คนขุดสุสาน”
“มันอะไรกัน?”
สีหน้าของเจี้ยจื้อจายยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ
“กิมหยังอะไร? โกวเล้งอะไร? อะไรคือคนขุดสุสาน? มันต้องอู่ซุน, โกวโม่หรัว, เหมาตุน, ปาจิน, เหล่าเจ๋อ, แล้วก็เฉาหยูสิ!”
เพี้ยะ!เพี้ยะ! เจี่ยจื้อจายอดตบหน้าพวกเขาไม่ได้
เรื่องแบบนี้มันเสพติดกันได้