เจี้ยจื้อจายมีความสุขมากเมื่อลงจากเขา เขาก็ฮัมเพลงไปตลอดทางจนถึงบ้าน
“มีเรื่องอะไรเหรอ? ทําไมนายถึงได้ดูมีความสุขขนาดนี้?” หูเหมยถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันมีข่าวดีจะบอกเธอ”เจียจื้อจายพูด“เราจะจุดประทัดฉลองเลยก็ยังได้ลองทายดูสิว่าเรื่องอะไร”
“ตอนที่นายออกไป นายเจอเงินตกอยู่” หูเหมยพูด
“ไฮ้ ที่รัก เราจนขนาดนั้นเลยหรือยังไง?” เจี่ยจื้อจายยิ้มหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาหาเงินมาได้มากพอที่จะเลี้ยงตัวเองไปสามชาติ
“เชียนเชิงตกลงรับนายเป็นลูกศิษย์แล้ว ใช่ไหม?”
“บิงโก เธอตอบถูกแล้ว!” เจี้ยจื้อจายปรบมือ “ที่รักคิดว่ายังไง เราควรฉลองกันใช่ไหมล่ะ?”
“แน่นอนสิ เราต้องฉลอง เที่ยงนี้ฉันจะทําอาหารไว้ฉลองกัน” หูเหมยพูดอย่างยินดี
“ได้ ฉันจะไปอุ่นเหล้าไว้”
เขามีความสุขมาก แต่จงหลิวชวนที่ได้พบกับแขกแปลกหน้ากลับไม่มีความสุข
“สวัสดีครับ คุณรู้จักหมอหวังเฝ้าร์เปล่าครับ?”ชายในชุดสูทสวมแว่นตาเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ไม่ คุณเข้าหาผิดทางแล้วล่ะ” จงหลิวชวนพูด
“ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นเพื่อนกับหมอหวัง” เขาพูด
“คุณต้องการอะไร?” จงหลิวชวนมองชายที่ถือกล่องของขวัญไว้ในมือและคาดเดาว่าอีกฝ่ายมาจากที่ไหน
หรือเพราะถูกเชียนเชิงปฏิเสธที่จะรับของขวัญ พอได้รู้ว่าเขากับเชียนเชิงรู้จักกันผู้ชายคนนี้ก็เลยหันมาเข้าทางเขาแทน?
“ผมอยากเชิญหมอหวังไปรักษาคนไข้ที่บ้าน แต่เขาปฏิเสธน่ะครับ” เขาพูด “ผมก็เลยมาหาคุณเผื่อว่าคุณพอจะช่วยได้เอ่อแน่นอนว่าไม่ได้ให้ช่วยเปล่านะครับผมยินดีจ่ายเงินสําหรับเรื่องนั้น
“ขอโทษด้วย ผมยุ่ง” เมื่อรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายแล้ว จงหลิวชวนก็เอ่ยปากปฏิเสธในทันที
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป ถ้าคุณไม่พอใจเรามาคุยเรื่องราคากันก่อนก็ได้นะครับ”เขาพูด
จงหลิวชวนปิดประตูดังปัง
ชายที่ถูกปฏิเสธมีสีหน้าย่าแย่ นี่ไม่ใช่คนแรกที่ปฏิเสธเขาก่อนจะมาที่นี่เขาได้ไปอีกบ้านหนึ่งมาแต่ก็โดนปฏิเสธกลับมาด้วยวิธีเดียวกันโดยที่อีกฝ่ายไม่แสดงอาการลังเลแม้แต่น้อย
“คนพวกนี้!”
ถึงเขาจะโมโห แต่เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะโกรธ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะมาระบายอารมณ์ได้เจ้านายของเขากําลังรอคอยข่าวดีจากเขาอยู่ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายเพราะที่นี่เป็นแค่หมู่บ้านบนเขาที่ดูยากจนอย่างน้อยก็ในสายตาของเขา ตามถนนหนทางในหมู่บ้านแทบไม่มีรถดีดีจอดอยู่เลยเมื่อเขาพูดเรื่องเงินกับชายคนแรกที่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยอีกฝ่ายกลับปิดประตูใส่เขาเหมือนอย่างที่ชายคนเมื่อกี้ทํา
หวังเย้าคนนี้มีอิทธิพลในหมู่บ้านมากขนาดนี้เลยเหรอ?พอรู้ว่าเขาถูกอีกฝ่ายปฏิเสธมาก็ไม่มีใครคิดจะช่วยเขาเลยอย่างนั้นเหรอ?
เขาเริ่มลังเล ก่อนจะเดินไปอีกบ้านหนึ่ง
เขาเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“ไม่มีคนอยู่บ้าน?”
เขาเดินไปอีกหลังหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครตอบเขา
“หึม แปลกจริงๆ!”
“ฉันไม่เชื่อหรอก!” เขาเดินไปบ้านหลังถัดไป ที่เขาทําก็เพื่อสนองความต้องการของผู้เป็นเจ้านายและเขายังเป็นคนดื้อรั้นคนหนึ่งด้วยแต่สุดท้ายนอกจากบ้านหลังที่ปฏิเสธเขาไปแล้วบ้านหลังอื่นในซอยนี้ไม่มีการตอบสนองใดๆเลย
เขาจึงเดินไปอีกซอยและเคาะประตูไปที่ละหลัง เมื่อเขาไปถึงบ้านหลังที่สี่ในที่สุดก็มีคนมาเปิดประตูให้
“คุณมาหาใครเหรอ?”
“สวัสดีครับ ขอถามหน่อยได้ไหมครับว่าคุณรู้จักหมอหวังเฝ้ารึเปล่า?”
“ผมรู้จักเขา แล้วคลินิกของเขาก็อยู่ตรงนั้นไงล่ะ” หวังเจ๋อเชิงที่เป็นคนเปิดประตูชี้ไปทางบ้านหลังหนึ่งที่มีการก่อสร้างต่างไปจากบ้านหลังอื่น
“คุณเป็นเพื่อนของเขาเหรอครับ?”
“เพื่อน?” หวังเจ๋อเชิงขมวดคิ้ว
“เอ่อ ลืมมม…ดูเหมือนว่าเราจะเป็นเพื่อนกันนะ” เขาพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิดของตัวเองในมุมมองของเขาหวังเย้าถือเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยบรรเทาความทรมานจากโรคร้ายให้กับพ่อของเขา แล้วยังเปลี่ยนแปลงเขาให้กลายมาเป็นลูกที่ดีอีกด้วยหวังเย้าทําให้เขาได้รู้ถึงคุณค่าของคําว่าครอบครัวและความหมายของชีวิตที่แม้จริงหวังเข้าทําให้เขาเข้าใจถึงหน้าที่ที่ลูกชายและลูกผู้ชายคนหนึ่งควรจะเป็น
“คือแบบนี้ครับ ผมอยากเชิญหมอหวังไปรักษาคนไข้ที่บ้าน แต่เขาไม่ตกลงคุณช่วย…”
“ผมเข้าใจแล้ว คุณคิดจะให้ผมไปเป็นตัวแทนคุยเรื่องนี้ให้สินะ” หวังเจ๋อเชิงพูดขัดอีกฝ่าย
“ใช่ครับ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากพูด คุณไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเสียแรงเปล่าเลยนะครับขอแค่คุณทําให้ผม ผมยินดีจ่ายให้ 3,000 หยวนเลย”
“เท่าไหร่นะ?” หวังเจ๋อเชิงตกใจและขมวดคิ้ว
“3,000 ครับ แต่ถ้าคุณคิดว่าน้อยไป ผมสามารถเพิ่มให้ได้”
“พระเจ้า บ้านคุณเป็นเจ้าของเหมืองเหรอ?” พอได้ยินแบบนั้น หวังเจ๋อเชิงก็เอ่ยถามขึ้นมา
เขาคิด คนรวยนี่ไม่เหมือนกับคนเราๆเลย แค่ใช้ให้คนไปวิ่งเต้นแทนก็สามารถจ่ายเงินไปมากพอพอกับเงินเดือนของคนคนหนึ่งได้ แถมยังจ่ายเพิ่มให้ได้อีกพวกเขาคงหาเงินได้ง่ายมากสินะ
“ขอโทษที คุณเข้าหาผิดคนแล้ว” เขายิ้มและปฏิเสธอีกฝ่ายไป
ล้อเล่นแล้ว! หวังเข้ารักษาพ่อของฉันแล้วยังเก็บเงินฉันแค่นิดเดียวแค่นี้ก็ถือเป็นพระคุณอย่างมากแล้วถ้าเขายอมวิ่งเต้นเพื่อเงิน 3,000 ของอีกฝ่ายเขาจะไม่กลายเป็นคนไร้ยางอายหรอกเหรอ?
“เฮ้ เดี๋ยวสิ ถ้าคุณคิดว่าค่าจ้างน้อยไป ผมเพิ่มให้ได้นะ!” เขามีท่าทีวิตกกังวลเล็กน้อย
“ทําไมคนพวกนี้ถึงเป็นเหมือนกันหมด?”
“ขอโทษ ผมยังมีเรื่องต้องไปทํา”
ประตูถูกดึงปิด
“เขา นี่…” เขาไม่รู้ว่าควรทํายังไงดี
เขาคิด หรือฉันจะกลับไปรายงานเจ้านายทั้งๆแบบนี้ดี? เขายืนละล้าละลังอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหวังเจ๋อเชิงในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลองอีกครั้งถ้าเขายังถูกปฏิเสธเหมือนเดิมอีกเขาจะกลับไปบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้านาย
เขาเริ่มต้นการเดินเคาะประตูบ้านอีกครั้ง
“นายเป็นใคร?” ชายที่เปิดประตูให้เขามีหน้าตาที่ดูชั่วร้าย ในมือของเขาคืบบุหรี่เอาไว้มวน
หนึ่ง
“สวัสดีครับ คุณรู้จักหมอหวังเย้าไหมครับ?” เขาถามค่าถามเดิมๆ
“นายคิดจะทําอะไร? หรือคิดจะติดสินบนฉัน?” เจี้ยจื้อจายถามหลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ใช่ครับ ผมหมายความว่าอย่างนั้น” ชายสวมแว่นพูด
“ฮาฮา เป็นไปไม่ได้หรอก หลังจากที่นายโดนเขาปฏิเสธมาคงไม่มีใครในหมู่บ้านกล้าช่วยนายหรอกนอกจากว่าคนคนนั้นจะโดนลาเตะที่สมอง”เจียจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้ม
“นั่นของขวัญเหรอ? อะไรล่ะ?”
“ชาครับ” ชายสวมแว่นพูด
“ชาอะไรเหรอ?”
“ชาหลงจึง ที่ได้มาจากทะเลสาบซีหูครับ”
“เอากลับไปดื่มเองที่บ้านเถอะ ลาก่อน ไม่ส่งนะ” เจี้ยจื้อจายพูดอย่างร่าเริงแล้วปิดประตูเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“หรือนี่จะหมายความได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้?”ชายที่ยังคงยืนอยู่ด้านนอกคุยกับตัวเองอยู่สักพัก
เขาตัดสินใจเดินทางออกจากหมู่บ้าน
“ใครเหรอ?” หูเหมยถาม
“คนแปลกหน้าเอาของขวัญมาเสนอให้น่ะ”
“เอาของขวัญมาให้พวกเราน่ะเหรอ?”
“อ็ม เอามาให้ฉันน่ะ” เจี้ยจื้อจายพูด
“เขาเป็นเพื่อนของนายเหรอ?”
“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้จักเขาสักหน่อย”
“แล้วทําไมเขาถึงเอาของขวัญมาให้นายล่ะ? หรือเขามาผิดบ้าน?”
“เขาไม่ได้มาผิดบ้าน แต่ดูเหมือนว่า มีเรื่องที่เขายังคิดไม่ออก!” เจี่ยจื้อจายพูดเรื่องที่เกิดขึ้นกับหูเหมย
“เขาอยากให้หมอหวังไปรักษาคนไข้ที่บ้านอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ แต่เชียนเชิงไม่ตกลง เขาเลยคิดว่าคนอื่นจะโลภมากและใช้วิธีนี้แก้ปัญหาฉันไม่รู้ว่าเขาไปได้ความคิดแบบนี้มาจากไหนแล้วเธอคิดว่าเขาจะไปที่บ้านของเชียนเชิงรึเปล่า?”
“ไม่หรอก ฉันเคยเจอพ่อแม่ของเชียนเชิงแล้ว พวกเขาเป็นคนจิตใจดีถ้าเขาไปเจอพวกเขาแล้วพวกเขาจะต้องขอให้เขียนเชิงช่วยไปรักษาคนไข้ที่บ้านให้เขาแน่”
“อืม เธอฉลาดมาก แต่นั่นเป็นเรื่องที่เขียนเชิงเกลียดที่สุดเลยล่ะ”
เขานําชาหลงจึงจากทะเลสาบซีหูเดินทางออกจากหมู่บ้านด้วยความผิดหวังเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้คนในหมู่บ้านไม่มีใครให้ความร่วมมือเลยเมื่อกลับไปเขาจึงรายงายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เจ้านายของเขาฟัง
“อม ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปที่นั่นบ่ายนี้ ถ้ายังไม่ได้ผล ฉันจะพาพ่อของฉันไปที่นั่นเอง
“ผมขอโทษ เป็นความผิดของผมเองครับ”
“ฉันโทษเธอเรื่องนี้ไม่ได้หรอกฉันได้ไปถามมาก่อนจะไปที่นั่นแล้ว กฎของหมอหวังคนนี้ออกจะแปลกอยู่สักหน่อย!”ชายวัยกลางคนโบกมือ“ลองไปที่นั่นกันอีกครั้งแล้วกัน”
“ได้ครับ”
บ่ายวันนั้น รถคันหนึ่งขับเข้าไปในหมู่บ้าน
“ทําไมถึงกลับมาอีกล่ะครับ? ผมก็บอกไปแล้ว ว่าผมไม่ไปรักษาคนไข้ที่บ้าน” หวังเย้าพูดขึ้นมาเมื่อเห็นชายสองคนที่มาเมื่อวันก่อน
“คือแบบนี้ครับหมอหวัง ผมอยากถามว่าหมอว่างวันไหนบ้าง ผมจะได้พาพ่อของผมมาหาหมอได้”ชายวัยกลางคนพูด
“อาทิตย์นี้ผมไม่ได้ไปไหน” หวังเย้าพูด “ถ้าผมจะไปไหน ผมจะโพสแจ้งลงในเวยป๋อของผมล่วงหน้า
“ดีครับ ถ้าอย่างนั้น อีกสองวันผมจะพาพ่อของผมมาที่นี่” ชายวัยกลางคนพูด
“ได้สิครับ”
“รอเดี๋ยว เอาชากลับไปเถอะครับ” หวังเย้าพูดแล้วชี้ไปที่กระปุกที่วางอยู่บนโต๊ะ
“มันมีไว้สําหรับแสดงความขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เอาหลับไปเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาหาผมอีก” หวังเย้าพูดเขาไม่ใช่เพื่อนหรือรักษาพ่อของอีกฝ่ายแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ยินดีรับของไว้
“เอ่อ ได้ครับ” ชายวัยกลางคนให้เลขาของเขาเก็บของขวัญกลับไป
“หมอคนนี้ดื้อด้านมากเลยนะครับ”ชายสวมแว่นตาพูดวันก่อนเขาถูกปฏิเสธมาหลายครั้งจนต้องพยายามข่มความโกรธเอาไว้หลังกลับมาที่นี่อีกครั้งเขาจึงอยากว่ากล่าวสักหน่อยมีทั้งคนที่ปฏิเสธของขวัญแล้วยังไม่ใช่แค่คนเดียวด้วย
“นี่เป็นเรื่องของหลักการ” ชายวัยกลางคนพูด
“หลักการ?”
“ไปเถอะ เราค่อยพาตาแก่มาหาเขากัน
“แต่พวกเขาบอกว่า เขาไม่ควรเดินทางนะครับ”
“เราไม่มีทางอื่นแล้ว อีกอย่างเราเจอหมอมากี่คนแล้วล่ะ?”
รถขับออกไปจากหมู่บ้าน
เมื่อหวังเย้ากลับไปที่บ้านเพื่อทานมื้อกลางวัน พี่สาวกับพี่เขยของเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย
“หืม?” หวังเย้าตกใจเมื่อเห็นพี่สาวของเขา
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย” หวังเย้าพูดล้อ
“เร็วอะไร?” หวังรุ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“พี่ พี่กับพี่เขยเพิ่งแต่งงานกันนานเท่าไหร่เอง? พี่ก็ท้องแล้วเหรอเนี่ย”
“อะไรนะ? ท้องเหรอ?” หมิงหยางที่ได้ยินข่าวตกใจ เขาประหลาดใจมาก“นายยแน่ใจ
เหรอ?”
“พวกพี่ไม่รู้เหรอครับ?”