เมื่อมองไปทางนั้น ทําให้เห็นว่าน้ําในทะเลสาบมีสีน้ําเงินดําแปลกๆ
“อะไรอยู่ในทะเลสาบเหรอครับ?” หยางกวนเฟิงถามขึ้นมา
“อ่อ ปลาน่ะครับ” เมียวชิงเฟิงตอบ
“อ้อ ผมแค่สงสัยเท่านั้น อย่าถือสาเลยนะครับ” หยางกวนเพิ่งมองดูทะเลสาบที่สงบนิ่ง
“ไม่เลยครับ” เมี่ยวซึ่งเพิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
เขามีความรู้สึกแปลกๆ
หยางกวนเพิ่งรู้สึกว่าทะเลสาบมีอะไรแปลกๆ เมื่อมองจากที่ไกลๆแบบนี้ เขาก็รู้สึกว่ามันทั้งมืด และน่าขนลุก มันราวกับว่ามีบางอย่างอยู่ในทะเลสาบ แต่เมื่อเขายืนอยู่ตรงทะเลสาบ เขากลับไม่รู้สึกแบบนั้น
หรือ หรือ…
ในตอนที่พวกเขากําลังเดินขึ้นเขาต่ออยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นให้ได้ยิน เมื่อมองตามเสียงไป พวกเขาก็เห็นแมลงสีดํากําลังบินอยู่ พวกมันดูเหมือนผึ้งแต่ตัวเล็กกว่า
“นั่นคือตัวอะไรเหรอครับ?” หยางกวนเฟิงชี้ไปทางกลุ่มแมลงที่บินอยู่
“ระวังนะครับ นั่นเป็นตัวต่อพิษที่อยู่บนเขาลูกนี้” เมี่ยวชิงเฟิงรีบพูด
หรือ! ตัวต่อถูกบางอย่างกระตุ้น พวกมันจึงเริ่มพุ่งเข้ามาโจมตีคนทั้งสาม
“ถอย!”
เสี่ยวชิงเฟิงตะโกน เขาหยิบบางอย่างที่ดูคล้ายเชือกออกมาแล้วจุดไฟ ควันสีเขียวที่มีกลิ่นเหม็นลอยออกมา เขาโบกมันไปมาในอากาศ ตัวต่อดูเหมือนจะหวาดกลัวควัน พวกมันจึงบินอยู่ในอากาศ แต่ก็ไม่กล้าเข้าโจมตี
“รีบลงจากเขากันดีกว่าครับ”
หยางกวนเฟิงกับชายหนุ่มอีกคนไม่กล้าอยู่ต่อนาน พวกเขาจึงรีบเดินลงไปจากเขา
เมื่อลงจากเขามาแล้ว พวกเขาก็ถือว่าพ้นอันตราย
“ฮัว! ทําไมอยู่ๆตัวต่อพวกนั้นถึงโจมตีพวกเราได้ล่ะครับ?” ชายหนุ่มถาม
“ตัวต่อพวกนั้นหวงอาณาเขต แล้วจะเข้าโจมตีคนที่บุกรุกอาณาเขตของพวกมันครับ” เสี่ยวชิงเฟิงอธิบาย
“แล้วถ้าโดนพวกมันต่อยขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นครับ?”
“ก็อาจจะมีอาการติดพิษ, ตัวแดงบวม, เป็นไข้, และอาเจียน แต่ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตหรอกครับ แล้วที่หมู่บ้านของเราก็มียาแก่พิษอยู่ด้วย”
“บนภูเขามีตัวต่ออยู่เยอะไหมครับ?”
“ครับ ไม่ใช่แค่ชนิดนี้เท่านั้นนะครับ แต่ยังมีงูพิษกับแมลงพิษอีกหลายสิบชนิดเลย” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ภูเขาไม่ได้สงบอย่างที่เห็นหรอกครับ”
“แล้วของที่คุณเผาไปเมื่อกี้มันคืออะไรเหรอครับ?”
“มันเป็นของที่ใช้สมุนไพรหลายชนิดมารวมกันครับ พวกมันมีฤทธิ์ไล่แมลง แต่กลิ่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
การเดินขึ้นเขาของพวกเขาจบลงอย่างรวดเร็ว แล้วพวกเขาก็เดินมาถึงทะเลสาบอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว หยางกวนเพิ่งจึงเดินเข้าไปใกล้ทะเลสาบ
“ทะเลสาบนี่ให้ความรู้สึกแปลกๆ!”
เป็นอีกครั้งที่เขาเดินเข้าไปดูทะเลสาบใกล้ๆ อยู่ๆเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้น ภายในทะเลสาบดูเหมือนมีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ยักษ์ที่อาจจะกลืนเขาได้ทั้งตัวนอนอยู่ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก
เมื่อเห็นหยางกวนเพิ่งจับจ้องไปที่ทะเลสาบ ชายหนุ่มก็กระซิบถามเสียงเบาว่า “มีอะไรเหรอครับ หัวหน้า?”
“ไม่มีอะไร ผมแค่รู้สึกแปลกๆเท่านั้น”หยางกวนเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มกลังจากได้สติกลับมาแล้ว
“เป็นความรู้สึกแบบไหนเหรอครับ?”
“ผมรู้สึกว่าทะเลสาบมันดูแปลกๆน่ะ”
หลังจากที่เขาพูดแบบนั้นออกไปแล้ว เขาก็หันไปมองเมี่ยวชิงเฟิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขาแปลกไปเพียงเสี้ยววินาที
“เอ่อ มันมีปัญหาอยู่จริงๆนั่นแหละ”
“มันแปลกยังไงเหรอครับ?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม
“ผมรู้สึกว่า ทะเลสาบแห่งนี้เป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่อาจจะกลืนกินผมได้ทุกเมื่อ” หยางกวนเฟิงพูด เรื่องแบบนี้เขาไม่จําเป็นต้องโกหก
“ฮาฮา” เมี่ยวชิงเฟิงหัวเราะ
“ทําไมคุณเมื่ยวถึงได้หัวเราะเหรอครับ? หรือว่าจะมีสัตว์ประหลาดอยู่ในทะเลสาบจริงๆ?”
“เอ่อ ผมควรจะพูดยังไงดีล่ะ? มันมีปลาตัวใหญ่อยู่ในทะเลสาบน่ะครับ”
“ใหญ่แค่ไหนเหรอครับ?”
“มันใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยล่ะครับ มันยาวสามสิบเมตรหรืออาจจะมากกว่านั้น จะเรียกมันว่าสัตว์ประหลาดก็คงจะไม่แปลกอะไร”
“ใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ครับ ทะเลสาบแห่งนี้ค่อนข้างพิเศษ มันไม่เคยแห้ง มันอยู่มาก่อนหมู่บ้านของพวกเราไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ บางทีอาจจะอยู่มานานเป็นพันปีเลยก็ได้ เวลานานขนาดนั้นจะมีอะไรอยู่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก คุณคิดว่ายังไงครับ?”
“เคยมีคนตายที่นี่ไหมครับ?” หยางกวนเฟิงถาม
“หา?” เมี่ยวชิงเฟิงกิ้ง
“มีสิครับ แล้วยังมีมากกว่าหนึ่งคนด้วย”
“คุณกลับพูดเรื่องนี้ออกมาได้ตรงๆเลยนะครับ”
“เฮ้อ มีอะไรให้ต้องปิดบังคุณล่ะครับ?” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“แล้วพวกเขาตายยังไงเหรอครับ?”
“พวกเขาจมน้ําตายครับ”
“แล้วยังมีคนมาตกปลาที่ทะเลสาบอยู่ไหมครับ?”
“แค่เดินอยู่ดีดี คุณก็อาจถูกรถชนได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคุณต้องอยู่บ้านไปตลอดรึเปล่าล่ะครับ? คุณอาจสําลักน้ําตายตอนที่กําลังดื่มน้ําอยู่ แล้วคุณต้องเลิกดื่มน้ําไหมครับ?” ถึงแม้คําพูดของเมื่ยวชิงเฟิงออกจะแรงไปสักหน่อย แต่มันก็ใช่จะไม่มีเหตุผลเสียที่เดียว
“ที่คุณพูดมาก็มีเหตุผล
“ใช่ครับ”
“คุณอยากไปดูที่ไหนต่อดีครับ?”
“คุณเป็นคนตัดสินใจได้เลยครับ” หยางกวนเฟิงพูด
“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะพาคุณไปรอบๆ”
ทั้งสามเดินไปรอบๆหมู่บ้านกลางหุบเขา
โดยที่พวกเขาไม่ทันได้รู้ตัว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
“ที่พักได้มีการจัดเตรียมเอาไว้ให้พวกคุณแล้ว ตอนเย็น ผู้นําของพวกเราจะจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับพวกคุณครับ
“ช่วยฝากขอบคุณความเอาใจใส่ของผู้นําหมู่บ้านด้วยนะครับ เราขอทานอะไรง่ายๆดีกว่า”
“จะทําแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม “คุณเป็นแขกผู้มีเกียรติจากนอกหมู่บ้าน แล้วพวกเราก็ไม่ค่อยมีคนนอกเข้ามาเยี่ยมที่นี่ด้วย”
“เอ่อ ก็ได้ครับ”
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง หยางกวนเพิ่งกับลูกน้องของเขาก็เดินไปที่อาคารไม้หลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน และได้พบกับผู้นําหมู่บ้าน
“ทั้งสองท่านพอใจรึเปล่าครับ?”
“พอใจครับ เราพอใจมาก” หยางกวนเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดีแล้วครับ”
เพื่อเป็นการสร้างความบันเทิงให้กับแขกนอกหมู่บ้านทั้งสองคน ผู้นําหมู่บ้านเดี่ยวซีเหอได้เตรียมอาหารเอาไว้มากมาย มันใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ, รสชาติดี, มีสารอาหาร, และบํารุงสุขภาพ
“มาครับ ผมขอดื่มให้พวกคุณ”
“ขอบคุณครับ
เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ทั้งสองดื่มเหล้าแต่อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ส่วนอาหาร พวกเขากลับทานไปไม่น้อย
“ขอบคุณสําหรับการต้อนรับที่อบอุ่นนะครับ ผู้นําเมี่ยว”
“ยินดีครับ พวกคุณเป็นแขกที่เดินทางมาไกล หมู่บ้านของพวกตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกล มันเป็นเรื่องยากมากที่จะแบกมาเยี่ยมที่นี่สักคน”
หลังมื้ออาหาร ทั้งสองก็ถูกพาไปที่บ้านพักที่ถูกเตรียมเอาไว้แล้ว มันเป็นบ้านไม้ที่สะอาดสะอ้านหลังหนึ่ง
“เฮ้อ หัวหน้า อาหารของพวกเขาทั้งอร่อยแล้วยังสดใหม่ แถมเหล่าก็ยังรสชาติดีมากด้วยนะครับ”
“อืม มีอะไรอีก?” หยางกวนเฟิงเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องพร้อมกับพูดไปด้วย ท่าทางของเขาดูคล้ายกําลังหาของบางอย่างอยู่
“หัวหน้า ผมคิดว่า วันนี้เมี่ยวชิงเฟิงไม่ได้พูดความจริงกับพวกเราทั้งหมด
“อ้อ ยกตัวอย่างเช่นอะไรบ้างล่ะ?”
“เขาพูดว่า มีบางคนในหมู่บ้านที่ออกไปนานถึงสองปีแล้วไม่เคยกลับมาเลย แบบนั้นมันดูไม่สมจริงเท่าไหร่”
“อ่อ แล้วคุณตัดสินจากอะไรล่ะ?” หยางกวนเฟิงถาม
“ตอนที่เราเกินไปรอบๆหุบเขา ผมลองสังเกตดูจนทั่ว มันมีบ้านอยู่อย่างน้อย 10 หลังที่ไม่มีคนอยู่อาศัย เป็นไปได้ว่าพวกมันว่างแบบนั้นมานานมากแล้ว”
“โอ?”
“ลานบ้านมีแต่วัชพืช ถ้าดูจากความสูงของต้นหญ้าแล้ว มันก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆก็หนึ่งปี ถึงจะสูงได้ประมาณนั้น มันอาจจะนานกว่านั้นสักสามปีก็เป็นได้”
“ดี! ไอ้หนู! ถือว่ามีพัฒนาการขึ้นมาบ้างแล้ว!” หยางกวนเพิ่งตบไหล่ของอีกฝ่าย
“ฮาฮา ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะได้รับการสั่งสอนจากหัวหน้ายังไงล่ะครับ” ชายหนุ่มยิ้มพูดอย่างถ่อมตัว
“แล้วมีอะไรอีก?”
“เอ่อ เมี่ยวชิงเฟิงเรียนการต่อสู้มาครับ”
“เรียนการต่อสู้?”
“ใช่ครับ ฝ่ามือของเขาด้าน แล้วตามข้อนิ้วมือของเขาก็ด้านเหมือนกัน มันต้องไม่ใช่มาจากการทํางานหนักแน่นอน ตัวผู้นําหมู่บ้านก็เหมือนมีเรื่องปิดบังเอาไว้ด้วยเหมือนกัน”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“ผมคงชี้บอกออกไปให้ชัดเจนไม่ได้ แต่เขาต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่ครับ” ชายหนุ่มพูด “มันเป็นความรู้สึกของผมเองที่คิดว่าเขามีบางอย่างผิดปกติ”
“ดี นายถือว่าสอบผ่านการฝึกจากผมแล้ว” หยางกวนเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“พวกเขาดูเหมือนไม่ได้ต่อต้านพวกเรา แต่พวกเขากลับเฝ้าระวังพวกเราอยู่ทุกฝีก้าว” หยางกวนเฟิงพูด “สถานที่ที่พวกเขาพาเราไปดู อาจถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อยก่อนหน้าที่พวกเราจะมาก็ได้”
“เมือก ผมพอจะฟังบทสนทนาของพวกเขาออกอยู่บ้าง”
“ไม่มีทาง! หัวหน้าเข้าใจด้วยเหรอครับ?”
“ความจริงพวกเขาพูดสําเนียงภู่เจียที่ใกล้เคียงกับสําเนียงของยูนนานใต้ แต่มีการสับเปลี่ยนคําเล็กน้อย ผมพอจะฟังรู้เรื่องเกือบทั้งหมด มันมีปัญหาในค่าพูดที่ชาวบ้านคุยกัน มันแสดงให้เห็นว่า พวกเขารู้ถึงการมาของพวกเรานานแล้ว พวกเขาเตรียมตัวไว้พร้อมก่อนที่พวกเราจะแจ้งไปด้วยซ้ํา”
“หรือจะมีสายลับอยู่ในหมู่พวกเรา?”
“แล้วทะเลสาบนั่นก็ดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่เหมือนกัน”
“ปัญหาอะไรเหรอครับ?”
“ผมบอกชัดไม่ได้ แต่ทะเลสาบมีความผิดปกติอยู่ มันทําให้ผมรู้สึกขนลุกขนชั้นเหมือนมีสัตว์ประหลาดอยู่ในนั้น” หยางกวนเฟิงพูด
“ไม่ใช่ว่ามีคนตายอยู่ในนั้นหรอกนะครับ?”
“ผมมั่นใจว่าต้องมีคนตายอยู่ที่นั่น แล้วก็คงจะไม่น้อยด้วย”
ภายในอาคารไม้หลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน
“เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่มีเรื่องอะไรครับ แต่ผู้กองหยางดูเหมือนจะสนใจทะเลสาบมากหน่อยเท่านั้น”
“โอ?” เมี่ยวชิงเฟิงตกใจเล็กน้อย
“แล้วเขาพูดว่าอะไรบ้าง?”
“เขาบอกว่า ทะเลสาบเหมือนมีสัตว์ประหลาดอยู่ พอมองดูแล้วมันก็ทําให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา”
เมี่ยวซีเหอเงียบอยู่นาน
“อาจารย์ คืนนี้จะให้ใครไปคอยเฝ้าจับตาดูพวกเขาไหมครับ?”
“ให้คนคอยจับตาดูพวกเขาอยู่ห่างๆ อย่าเข้าไปใกล้เด็ดขาด หยางกวนเพิ่งเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ ฝีมือการสอบสวนและสืบสวนของเขาต้องแข็งแกร่งมากแน่ ถ้าคนที่พวกเราส่งไปจับตามองถูกจับได้ขึ้นมา มันจะเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเรามีความผิดปิดบังซ่อนเร้นอยู่ ต้องทําให้พวกเขาไม่ได้อะไรติดมือกลับไปเด็ดขาด”
“ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
ค่ําคืนเงียบสงบ
ในหุบเขาไม่มีสิ่งให้ความบันเทิง ชาวบ้านทํางานหนักมาตลอดทั้งวัน พวกเขาจึงเข้าตอนเร็วไม่ถึงสามทุ่ม แสงไฟในหุบเขาก็เริ่มดับลงทีละดวงและผู้คนก็พากันเข้านอน
พวกเขาทํางานตอนตะวันขึ้นและพักผ่อนเมื่อตะวันตกดิน พวกเขายังคงใช้ชีวิตเหมือนอย่างคนรุ่นก่อนๆทํากันมา
หยางกวนเพิ่งนอนอยู่บนเตียง เขากําาลังทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในวันนี้