ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้วเรื่องที่เขากังวลที่สุดเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
“อาการหนักไหมครับ?”
“โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไรมาก”เสวี่ยซินหยวนที่อยู่ปลายสายไออยู่ตลอดเวลาที่เขาพูดอยู่เขารู้สึกทรมานและหายใจลําบาก
“ผมจ่าที่ลุงเคยบอกกับผมไว้ว่า พิษของพวกเขารุนแรงเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจัดการได้ใช่ไหมครับ?”กั่วเจิ้งเหอถาม
“อืม ใช่”
เสวี่ยซินหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ผมไม่คิดว่าจะตกลงไปในหลุมพรางของพวกเขาได้”
เขารู้สึกเหมือนปอดของเขากําลังถูกเผาความร้อนที่แผดเผารุนแรงจนเขาหายใจได้อย่างยากลําบากมันอึดอัดอย่างมากเขาต้องอ้าปากกว้างเพื่อหายใจที่ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกแห้งผากได้ กระจายออกไปอย่างรวดเร็วก่อนหน้านั้นไม่นานเขาได้เข้าไปในหุบเขาพันโอสถและสู้กับคนของที่นั่นเขาได้รับบาดเจ็บมาเล็กน้อย แขนข้างหนึ่งของเขาถูกธนูยิงถากใส่ในตอนนั้นเขาจัดการกับบาดเจ็บด้วยความรวดเร็วเขากลัวว่าจะถูกพิษเข้าจึงได้บีบเลือดให้ออกมาจากปากแผลหลังจากนั้นเขาได้เข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้ๆเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่เขากลับยังถูกพิษตอนแรกแค่รู้สึกไม่สบายตัวเขาจึงไม่ใส่ใจอะไรมากคิดไม่ถึงว่าสะเก็ดไฟเพียงเล็กน้อยจะกลับกลายเป็นเพลิงโหมลุกไหม่ได้
เขาคิดไม่ออกว่าควรทํายังไงต่อไปดีโรงพยาบาลไม่สามารถตรวจหาสาเหตุของปัญหาได้แต่ตัวเขารู้สึกไม่สบายและรู้ได้ถึงความผิดปกติในร่างกายในเมื่อโรงพยาบาลหาสาเหตุไม่ได้การรักษาก็ไม่สามารถทําได้เช่นกัน
หรือเขาต้องรออยู่แบบนี้?แล้วสุดท้ายจะเป็นยังไง?ตายอย่างทรมาน?หรือเขาต้องกลับไปที่หุบเขาพันโอสถเพื่อขอยาแก้พิษ?
ไม่ว่าเขาจะคิดยังไง เขาคิดว่าอย่างน้อยก็ควรโทรบอกสถานการณ์ของตนเองให้กั่วเจิ้งเหอได้รู้เอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายระวังตัวมากขึ้น
“ผมขอโทษด้วย คุณชาย ผมคงทําเรื่องที่คุณชายสั่งไม่ได้แล้ว”
กั่วเจิ้งเหอรู้สึกแย่มากที่เสวี่ยซินหยวนถูกพิษก็เพราะเขา เขาทําได้เพียงคิดหาวิธีช่วยเสวี่ยซินหยวนเท่านั้น
ในหุบเขาพันโอสถมียาถอนพิษอยู่ แต่พวกเขาไปที่นั่นไม่ได้ พวกเขาคงไม่สามารถอธิบายเรื่องทุกอย่างออกไปได้ยิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเขาไปพวกเขาอาจต้องสารภาพโดยการถูกทรมานมันเป็นไปไม่ได้ที่คนของหุบเขาพันโอสถจะยอมช่วยและปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ
เราจะทํายังไงกันดี?
รู้แล้ว! ดวงตาของถั่วเจิ้งเหอเป็นประกาย ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในความคิดของเขา
เขาต้องทําได้แน่ๆ!
“ลงเสวี่ย ตอนนี้ลงไม่ต้องทําอะไรทั้งนั้น จ่าที่อยู่ที่ผมบอกก็พอ?”
“จังหวัดฉี เมืองห่ายชิว เขตเหลียนชาน ตําบลซงป่าย หมู่บ้านหวางเจียหวังเย้า?”
“ใช่ครับ รีบไปที่นั่นซะ”กั่วเจิ้งเหอพูด“ตามหาคนที่ชื่อหวังเย้าให้เร็วที่สุดจําเอาไว้ว่าลุงต้องห้ามบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรา เรื่องอื่นลงจะพูดยังไงก็ได้”
“คุณชาย…”
“ฟังผมนะครับ ผมจะให้คนจองตั๋วเที่ยวบินที่เร็วที่สุด ทนหน่อยนะครับ”
“ได้ครับ ขอบคุณ คุณชาย” หลังเสวี่ยซินหยวนวางสายแล้ว เขาก็ดื่มน้ำหมดไปแก้วใหญ่มันเป็นน้ำเย็นแต่พอเขาดื่มมันกลับรู้สึกอุ่น มันเป็นความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องซาวน่าและดื่มน้ำอนอยู่ตลอดเวลาเขารู้สึกทรมานอย่างมาก
ร่างกายของกําลังถูกแผดเผา แต่กลับไม่มีเหงื่อไหลออกมาแม้แต่หยดเดียวเขารู้สึกกระหายน้ำไม่ว่าเขาจะดื่มไปมากเท่าไหร่ มันก็ไม่สามารถทําให้เขาหยุดกระหายน้ำได้
“บ้าเอ้ย!”
เสวี่ยซินหยวนเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องเขาพยายามทําใจให้สงบแต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ทําไม่ได้
ตั้ง ต่อง! เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
“ใครน่ะ?”
“ผมเองครับ คุณเสวี่ย คุณชายสั่งให้ผมมา”
เมื่อเขาเดินไปเปิดประตู เขาก็เห็นชายในวัยสามสิบคนหนึ่ง
“คุณเสวี่ย การเดินทางถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเครื่องจะออกในอีกสองชั่วโมงช่วยรีบเตรียมตัวให้เร็วที่สุดด้วยครับผมจะรับหน้าที่ไปส่งคุณที่สนามบินเอง”
“ได้ รอเดี๋ยวนะ”
เสวี่ยซินหยวนเข้าไปเก็บของในห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทําได้ เขาล็อกประตูและตามชายคนนั้นไปที่สนามบินที่ใกล้ที่สุดสองชั่วโมงต่อมาเครื่องบินได้นําเครื่องขึ้นตามเวลาที่แจ้งเอาไว้และมุ่งหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า
“คุณชาย เขาขึ้นเครื่องไปเมืองเต๋แล้วครับ”
“อืม ฉันรู้แล้ว” หลังจากวางสาย กั่วเจิ้งเหอก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“หวังว่าลุงจะทนไหวนะ ลุงเสวี่ย”
ตลอดระยะเวลาสั้นๆที่ได้ติดต่อพูดคุยกัน เขาเริ่มชอบเสวี่ยซินหยวนมากขึ้นเขาต้องการความช่วยเหลือจากคนอย่างเขา
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงเครื่องบินก็มาถึงเมืองเต่ในช่วงเวลากลางวันมีคนมารอรับอยู่ที่นั่นนานแล้ว หลังจากได้พบกับเสวี่ยซินหยวนพวกเขาก็มุ่งหน้าไปห่ายชิวทันที
คนขับมองชายที่นั่งที่เบาะหลังผ่านกระจกมองหลังใบหน้าของเขาเหลืองและแห้งริมฝีปากของเขาดแห้งผากดวงตาของเขาแดงก๋า เขาดื่มน้ำมาตลอดทางน้ำที่เขาดื่มเป็นน้ำแร่ขวดใหญ่เห็นได้ชัดว่าผิดปกติอย่างมาก
เกิดอะไรขึ้นกับคุณเสวี่ย?
เมื่อเห็นความผิดปกติของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา แต่สายงานของเขาไม่อนุญาตให้เขาถามอะไรได้ทั้งนั้น เขาจึงทําได้แค่ขับรถไปเงียบๆ
การขับรถจากเมืองเต่าไปห่ายชิวใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง พวกเขาจึงไปถึงเขตเหลียนชานในตอนเย็น
“คุณเสวี่ย เราหาที่พักกันก่อน แล้วค่อยไปที่คลินิกวันพรุ่งนี้ดีไหมครับ?”
“ได้” เสวี่ยซินหยวนพูดน้อยราวกับคําพูดของเขาทํามาจากทองคํา
เขารู้สึกไม่สบายอย่างมาก มันเหมือนกับว่า ภายในร่างกายของเขามีไฟกําลังแผดเผาอยู่การดื่มน้ำตลอดเวลาไม่ได้ช่วยแม้แต่น้อยลมร้อนถูกพ่นออกมาในทุกครั้งที่เขาเอ่ยปากพูด
“มันแย่ลงเรื่อยๆ”
เขาไม่พูดอะไร เพราะกลัวว่าความร้อนในร่างกายที่เขาไม่สามารถควบคุมได้จะหลุดรอดออกมาเขายังกังวลว่าตัวเองจะหลุดการควบคุมตอนนี้เขาอยากลงไปจากรถมาก
“เราพักก่อนไหมครับ?”
เมื่อถึงโรงแรมแล้ว เขาถึงได้รู้ว่ามันเป็นความคิดที่ผิดมาก สถานการณ์ในตอนนี้ก็คือเขานอนไม่หลับความเจ็บปวดภายในร่างกายทรมานเขาอยู่ตลอดเวลา
บ้าเอ้ย!
ความเจ็บปวดทรนทุรายเพิ่มมากขึ้นตลอดทั้งคืน เขารู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาอาจระเบิดออกมาได้
เขาอยากร้องคาราม และถึงขั้นที่ต้องการสังหารใครสักคน
เขาย้ําเตือนตนเองซ้ำๆ อดทน! อดทนเอาไว้!
ในขณะที่อดทนทรมานเป็นเวลานาน ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ขึ้นและวันใหม่ก็เดินทางมาถึง
“อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ คุณเสวี่ย”
“ฉันไม่กิน รีบไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย” เสวี่ยซินหยวนกัดฟันพูด
“ได้ครับ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่น่าหวาดกลัวของอีกฝ่าย คนขับก็ไม่พูดอะไรมาก เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านบนเขามันเป็นเวลา 7 โมงกว่าชาวบ้านเพิ่งเริ่มต้นชีวิตของวันใหม่บางคนเดินเอาขยะออกมาทิ้งและสามารถเห็นคนเดินไปเดินมาตามถนนบ้างแล้ว
“เรามาถึงแล้วครับ เป็นที่นี่
ตัวอาคารที่มีหลังคาสีเทากําแพงสีขาวดูโดดเด่นและหาได้ง่าย
ประตูไม้ยังคงถูกล็อกเอาไว้อยู่หวังเย้ายังไม่ลงมาจากเขา
ไม่มีคนอยู่?
เสวี่ยซินหยวนทนนั่งอยู่ภายในรถต่อไปไม่ไหว เขาจึงเดินกลับไปกลับมาอยู่ด้านนอกคลินิก
ทางเดินบนเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเจี้ยจื้อจายกับหูเหมยเดินลงจากเขาหลังเสร็จจากการฝึกช่วงเช้าของพวกเขาแล้วเมื่อเดินผ่านคลินิกพวกเขาก็มองเห็นสองคนกําลังรออยู่ที่ด้านนอกคลินิก
“หืม?!”
สายตาของพวกเขาตกไปอยู่ที่เสวี่ยซินหยวน บนร่างของอีกฝ่ายมีบรรยากาศพิเศษบางอย่างซึ่งคล้ายกับที่พวกเขาเคยมีมันเป็นรังสีสังหารที่มากไปกว่านั้นใบหน้าของอีกฝ่ายดูแห้งผากดวงตาของเขาแดงกําจนน่ากลัวเขากัดฟันแน่นราวกับคนที่กําลังทุกข์ทรมาน สภาพของเขาดูผิดปกติอย่างมาก
“ผู้ชายคนนี้เคยฆ่าคนมาก่อน”ทั้งสองหันมามองหน้ากัน
“พวกคุณมาทําอะไรที่นี่กันเหรอ?” เจี่ยจื้อจายถาม
“อ้อ พวกเรามาหาหมอครับ”
“เขาเหรอ?” เจี่ยจื้อจายชี้ไปทางเสวี่ยซินหยวนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ใช่ครับ พวกคุณพอรู้ไหมครับว่าหมอหวังจะลงจากเขามาเมื่อไหร่?” คนขับรถถามเขาค่อนข้างเป็นกังวล ตลอดทางที่ขับรถมา เขาก็ได้รู้ว่าสถานการณ์ของคุณเสวี่ยไม่ปกติอย่างมากเขาดูเหมือนคนที่อาจสติหลุดได้ตลอดเวลาและเขาก็อาจจะซวยได้
“รออีกสักพัก เชียนเชิงกําลังจะลงมาแล้วล่ะ” เจี้ยจื้อจายพูดในขณะที่ก้มลงมองเวลา
ตอนนี้เป็นเวลา 7.30 น.เขารู้ว่าหวังเฝ้ามักจะลงจากเขามาในตอน 8 โมงและค่อยเดินมาที่คลินิก
“ขอบคุณครับ”
เสวี่ยซินหยวนเดินไปทางพื้นที่โล่งข้างคลินิกเขายื่นมือออกไปจับลําต้นต้นไม้ต้นหนึ่งเอาไว้แน่น