896 เคล็ดลับการยืดอายุขัย
“วิธีการพิเศษ? แล้วเธอรู้ไหมว่ามันคืออะไร?” เสวี่ยซินหยวนถาม
“ผมไม่รู้ว่ามันคือวิธีการอะไร” เมี่ยวซินเหอพูด “เพราะนั่นคือความลับที่ยิ่งใหญ่ของหุบเขาเรา มันถูกส่งต่อมานานหลายร้อยปีแล้ว และความลับนี้มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้”
“มันนับว่าเป็นความลับสูงสุดของหุบเขาพันโอสถได้ไหม?”
“คุณจะพูดแบบนั้นก็ได้
การมีอายุ 80 ในขณะที่สภาพร่างกายอยู่ในวัยสี่สิบ หรือเด็กกว่านั้นฟังดูเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างมาก เขาทําได้ยังไงกัน?
“นอกจากผู้นําาแล้วยังมีใครที่มีความสามารถนี้อีกไหม?” เสวี่ยซินหยวนถาม
“ผู้อาวุโสบางคนในหุบเขาครับ”
“พวกเขาอายุเท่าไหร่เหรอ?”
“80-90 ปี”
“แล้วพวกเขายังแข็งแรงกันดีอยู่ไหม?”
“พวกเขาแข็งแรงมาก พวกเขาอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกกว่า 30 ปีโดยไม่มีปัญหาอะไรเลย” เมี่ยวซินเหอพูด “อย่างน้อยมันก็เป็นแบบนั้นในตอนที่ผมหนีออกมา
นี่เป็นการค้นพบที่คาดไม่ถึง สุขภาพและอายุที่ยืนยาวแทบจะเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา การที่สายตาไม่พล่ามัวและการได้ยินที่ชัดเจน รวมไปถึงการเดินได้อย่างมั่นคง สามารถดูแลตัวเองโดยไม่ต้องนอนติดเตียง ไม่จําเป็นต้องกินยาหรือทานอาหารโดยมีคนอื่นป้อน และไม่จําเป็นต้องมีคนคอยเช็ดอุจจาระในตอนที่อายุ 80-90 ปี ล้วนเป็นสิ่งที่คนนับไม่ถ้วนต้องการ
หมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าเขากลับมีความลับที่ยิ่งใหญ่แบบนี้อยู่
“ทําไมถึงไม่ส่งเสริมเรื่องนี้ล่ะ?” เสวี่ยซินหยวนถาม “เธอบอกว่า ในหมู่บ้านของเธอมีแค่แซ่เดียวเท่านั้น ผู้ชายจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงจากข้างนอก และผู้หญิงก็ไม่แต่งงานกับคนข้างนอกเหมือนกัน ในเมื่อทุกคนมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกันและเชื่อมโยงกันทางสายเลือดอยู่แล้ว การที่ทุกคนมีสุขภาพดีและอายุยืนจะไม่เป็นการดีกว่าเหรอ?”
“ผมบังเคยบังเอิญได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องนี้มาก่อน กระบวนการอาจจะรุนแรง ทั้งยังต้องใช้สมุนไพรล้ําค่าหลายชนิดและมีความเสี่ยงอยู่ด้วย ในอดีต มีคนตายเพราะกระบวนนี้เลยมีไม่กี่คน
ที่คิดใช้มัน”
“อ่อ” เสวี่ยซินหยวนผงกหัว คําอธิบายทําให้หลายๆอย่างชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องใหม่และน่าสนใจอย่างมาก
ในสังคมปัจจุบัน ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยเงินและอ่านาจ ขอแค่มีเงิน การหาสมุนไพรล้ําค่าก็ไม่ใช่ปัญหา
เรื่องนี้จําเป็นต้องทําการตรวจสอบให้ละเอียดกว่านี้ เสวี่ยซินหยวนคิด
“ฉันคิดว่า เธอน่าจะติดต่อกับคนที่หนีออกมาจากหุบเขาพันโอสถด้วยกันกับเธอ และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา”
“ได้ครับ ผมจะติดต่อหาพวกเขาอีกครั้ง” เมี่ยวซินเหอพูด “คุณมีเพื่อนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้อยู่เหรอครับ?” เขาถาม “ใช่ เขามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากเลยล่ะ” เสวี่ยซินหยวนพูด
ในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบหลักของเขตเหอ กั๋วเจิ้งเหอถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก ความจริง ทางเบื้องบนไม่พอใจตัวเขาอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างทําให้พวกเขาจ่าต้องอดทน
“ขอโทษนะครับ” เมี่ยวซินเหอพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปได้สักพัก “มันไม่ใช่เพราะเธอ เธอไม่จําเป็นต้องรู้สึกผิดหรอก”
“เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับทางหุบเขา จะไม่ให้รู้สึกผิดเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ จริงสิ เราเคยมีลูกศิษย์ที่เรียนการรักษาที่เป็นคนนอกอยู่ด้วยนะครับ” เมี่ยวซินเหอพูด
“เรียนการรักษา?”
“ใช่ ใครคือหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในยูนนานใต้ครับ?”
“ราชายา” เสวี่ยซินหยวนพูดหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“คุณเคยได้ยินเรื่องของเขาไหมครับ?”
“เคย เขามีชื่อเสียงมาก ฉันได้ยินมาว่า ขอแค่ได้พบกับเขา ไม่มีโรคชนิดไหนที่เขาไม่สามารถรักษาได้หรือไม่มีใครที่เขาช่วยไม่ได้ ถึงขนาดมีข่าวลือว่า เขาสามารถรักษาโรคที่รักษาไม่ได้ด้วย แต่มีเงื่อนไขและราคาค่ารักษาที่พิเศษมาก”
“ใช่ครับ เขาเคยมาเรียนอยู่ที่หุบเขาพันโอสถด้วย”
“อะไรนะ?” เสวี่ยซินหยวนตกตะลึง
“ยังมีใครอีกไหม?”
“เรื่องนั้นผมไม่แน่ใจ แต่มีจํานวนที่น้อยมากๆ แล้วถ้าคุณต้องการมาเรียนการรักษาที่หุบเขาของเรา คุณจําเป็นต้องได้รับการยินยอมจากผู้นําก่อนด้วย ราชาโอสถเมี่ยวเจียงก็เคยเป็นลูกศิษย์
ของผู้น่าคนก่อนของเรา”?”
“เขาเป็นผู้นํารุ่นก่อน ถ้าอย่างนั้นความสามารถในการรักษาของเขาก็ต้องยอดเยี่ยมมากเลยน่ะ
“แน่นอน เท่าที่ผมรู้ ไม่มีโรคชนิดไหนที่เขารักษาไม่ได้ ด้วยกฎของหุบเขา ผู้นําในทุกๆรุ่นจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการรักษายอดเยี่ยมที่สุดเท่านั้น” เมี่ยวซินเหอพูด
“ทุกรุ่นเหรอ?”
“ทุกคนครับ”
“แล้วรุ่นนี้ล่ะ?”
“เมี่ยวซีเหอเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ทั้งในด้านการรักษาและพิษ เหล่าผู้อาวุโสต่างชื่นชมเขากันทั้งนั้น พูดว่า เขาคือคนที่โดดเด่นที่สุดในหุบเขาใน 100 ปีที่ผ่านมานี้” เมี่ยวซินเหอพูด “ถึงผมจะเกลียดเขามาก แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าเขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง”
“เขาแข็งแกร่งแค่ไหนเหรอ?”
“เขาเชี่ยวชาญทั้งในด้านการรักษา, การต่อสู้, และพิษ” เมี่ยวซินเหอพูด
“แต่แน่นอนว่า อาจเป็นเพราะผมไม่ได้รู้จักคนมากเท่าไหร่ ผมก็เลยมองว่าเขาเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด”
“เอาล่ะ มีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องการตั้งตัวของเธอ ถ้าเธอต้องการอะไร ก็แค่บอกฉันมาเรื่องที่สองก็คือ ฉันอยากขอให้เธอช่วยฉันทําความเข้าใจ เรื่องที่ใครเป็นสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และเมี่ยวชิงชานที่หายตัวไปจะไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง”
“ได้ครับ ผมจะพยายาม”
“ดี เธอก็ต้องระวังตัวด้วย คนในหุบเขาไม่ได้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเหมือนอย่างที่เห็น”
“ครับ ผมรู้” เมี่ยวซินเหอพูด
“จ๋าเอาไว้ว่า ถ้าเธอต้องการอะไรต้องบอกฉันทันที”
“ผมเข้าใจ ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร พูดง่ายๆ พวกเราก็แค่ต่างฝ่ายต่างต้องการสิ่งที่อีกฝ่ายมาเท่านั้น แล้วเรื่องทักษะการรักษาของเธอเป็นยังไงเหรอ?”
“ผมพอรู้นิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับเชี่ยวชาญ” เมี่ยวซินเหอพูด
ถึงจะพูดว่า คนในหุบเขาพันโอสถศึกษาเรื่องเหล่านี้มาหลายรุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะต้องเชี่ยวชาญ เพราะบางคนก็ไม่ยินดีที่จะเรียนรู้ และบางคนก็ไม่เหมาะที่จะเรียน บางคนก็ไม่มีพรสวรรค์มากพอ
เสวี่ยซินหยวนออกจากที่พักชั่วคราวของเมี่ยวซินเหอ หลังเขากลับออกไปแล้ว อยู่ๆสีหน้าของเมี่ยวซินเหอก็ขรึมลงเล็กน้อย
“ผู้นําคงต้องลําบากหน่อยนะ หวังว่าท่านจะชอบมัน” หลังจากพูดเสร็จ เขาก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเขาให้ความรู้สึกน่าขนลุก
หลังเดินทางออกจากจี้โจว เสวี่ยซินหยวนก็บินกลับไปที่ยูนนานใต้
จังหวัดฉี เขตเหลียนชาน บนเนินเขา หนานชาน
ภายในค่ายกลหิน
มีคนสองคนอยู่ในนั้น
“เธอหารูปแบบของมันเจอรึยัง?” หวังเย้าที่ถือถ้วยชาอยู่ยิ้มให้ซูเสี่ยวซวี
ทั้งสองขึ้นมาบนเนินเขาหนานชาน ซูเสี่ยวซวีต้องการเข้าไปด้านในค่ายกลหิน หวังเข้ารู้สึกเป็นกังวล เขาจึงเข้าไปกับเธอด้วย สุดท้าย ซูเสี่ยวซวีก็หาทางออกไม่ได้
“เฮ้อ ฉันหาไม่เจอเลยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
หินแต่ละก้อนแตกต่างกันทั้งขนาดและรูปทรง ส่วนต้นหญ้ากับต้นไม้ที่พื้นล้วนอยู่ไม่เป็นระเบียบ เมื่อเข้าไปแล้ว เธอก็รู้สึกราวกับตัวเองกําลังเดินวนอยู่รอบๆก้อนหิน ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน เธอก็หาทางออกไม่พบ เธอรู้สึกเหมือนถูกล้อมรอบไปด้วยก้อนหินและถูกก้อนหินที่ไร้ชีวิตเหล่านี้กักขังเอาไว้ ซูเสี่ยวซวีพยายามทิ้งเครื่องหมายเอาไว้บนก้อนหิน แต่แล้วเธอก็กลับมายังจุดเดิมอยู่ดี
“รูปแบบของมันเป็นแบบไหนเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถามอย่างสงสัย
“หาธาตุของหยินและหยางกับอย่างอื่น ถ้าเธออยากเรียน ผมสอนให้ได้นะ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
ซูเสี่ยวซวีใช้ความคิดแล้วก็ส่ายหน้า “อืม ช่างมันเถอะค่ะ”
“ตอนนี้ฉันมีเรียนมากพอแล้ว แล้วฉันยังต้องเรียนการต่อสู้กับเชียนเชิงด้วย แค่มองดูค่ายกลนี้ก็รู้แล้วว่าต้องซับซ้อนมากแน่ๆ”
“มันไม่ได้ซับซ้อนมากหรอก มาสิ ผมจะอธิบายหลักการพื้นฐานให้ฟัง”
หวังเย้าเริ่มพูด ทุกอย่างที่เขาบอกกับซูเสี่ยวซวีล้วนเป็นความรู้พื้นฐาน ในตอนที่เขาพูดภาพ
ตรงหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ก้อนหินหายไปและถูกแทนที่ด้วยพุ่มไม้
เมื่อหันกลับไปมอง ค่ายกลหินก็ตั้งอยู่ที่ด้านหลังของพวกเขาอย่างเงียบเชียบ มันดูธรรมดา และไม่มีอะไรพิเศษอยู่เลย มีเพียงคนที่เข้าไปเท่านั้น ถึงจะค้นพบความลึกลับและรู้สึกเสียใจและหวาดกลัว
“มันวิเศษไปเลยค่ะ!” ซูเสี่ยวซวีอุทาน หลังจากที่หวังเย้าอธิบายให้ฟังแล้ว เธอก็มีความเข้าใจ
เรื่องค่ายกลในขั้นต้น
“มาครับ เราไปเดินดูที่อื่นกันดีกว่า”
“ค่ะ”
ทั้งสองเดินไปรอบๆภูเขา
บนเนินเขาหนานชานมีอากาศที่อบอุ่น แม้แต่ในฤดูหนาว เมื่อเข้ามาอยู่ในบริเวณของเนินเขา
หนานชานหรือเนินเขาตงชาน ก็จะรู้สึกได้ถึงอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ตามภูเขามักมีลมแรง แม้แต่ในช่วงเวลาที่อากาศอบอุ่น ก็ยังคงมีลมเย็นพัดผ่าน
“หนาวไหมครับ?”
“ไม่หนาวค่ะ” ซูเสี่ยวซวีตอบด้วยรอยยิ้ม
“อืม ด้วยระดับการบ่มเพาะในตอนนี้ของเธอ ก็คงจะสามารถต้านทานความหนาวและร้อนได้ในระดับหนึ่งแล้ว” หวังเย้าพูด
“ใช่ค่ะ ตอนอยู่ที่ปักกิ่ง ฉันลองดูแล้ว ถึงจะใส่เสื้อผ้าแค่ไม่กี่ชิ้นฉันก็ไม่รู้สึกหนาว เวลาที่ใส่เสื้อผ้าหนาๆฉันก็ไม่รู้สึกร้อนค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศแทบจะไม่มีผลกับเธอเลย
“เชียนเชิงสอนการต่อสู่ให้ฉันอีกได้ไหมคะ?”
“การต่อสู้?”
“ค่ะ”
“ได้ ผมจะสอนท่าที่ดีที่สุดของผมให้” หวังเย้าพูดขึ้นมาหลังจากที่ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งที่ปักกิ่ง หวังเย้าได้สอนการต่อสู้ให้กับเธอไปเล็กน้อย แต่มันเป็นแค่การต่อยและเตะในขั้นพื้นฐาน ที่ไม่นับว่ายอดเยี่ยมอะไร”
“หมัด วูคง?”
“ใช่ หมัดมั่วคง” หวังเย้าพูด
ทักษะนี้เขาเรียนรู้มาจากมวยโบราณ มันยังเป็นวิชากังฟูที่ลึกซึ้งที่สุดที่เขาเคยเรียนมา เมื่อรวมเข้ากับกําลังภายในแล้ว จะทําให้มันทรงพลังมากขึ้น และสามารถใช้ได้หลากหลายวิธี มันอาจดูเป็นหมัดที่เรียบง่าย แต่กลับแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
“เชียนเชิง วิชาหมัดนี้ทรงพลังไหมคะ?”
“อืม ทรงพลังสิ” หวังเย้าคิดและตอบออกไป
“มันฆ่าคนไดไหมคะ?”
“ถ้าใส่แรงลงไปมากพอก็ทําได้” หวังเย้าพูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง
“ค่ะ ฉันจะระวังให้มาก” ซูเสี่ยวซวียิ้มจนตาเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ดูงดงามและน่ารักมาก “ถ้าเธอคุ้นชินกับมันแล้วก็ไม่เป็นอะไรหรอก” หวังเย้าพูด “ยิ่งฝึกก็ยิ่งชํานาญ เธอจะเข้าใจกังฟูมากขึ้นในตอนที่เธอฝึกมัน”
เขาอธิบายอย่างละเอียดและแสดงให้ดูครั้งหนึ่ง เขาทําอย่างช้าๆ โดยเฉพาะจุดสําคัญที่จําเป็นต้องใช้ทักษะสูง มันอาจดูเป็นหมัดที่ดูธรรมดา แต่หมัดนี้กลับต้องใช้ทั้งกําลังและพลังฉี
เข้าร่วมในการฝึกด้วย
“ฉันไม่คิดเลยนะคะ ว่าวิชาหมัดนี้จะต้องใช้ทักษะที่สูงมาก”
“แน่นอน ถึงยังไงมันก็เป็นวิชากังฟู” หวังเย้าพูด
มันคือทักษะภายนอก ส่วนกําลังภายในคือทักษะภายใน เมื่อรวมทักษะภายนอกและภายในเข้าด้วยกัน ก็จะเป็นการรวมหยินหยางและการบรรจบของภาพเสมือนและความจริง นี่คือทักษะกังฟูขั้นสูง
เวลาแห่งความสุขมักแสนสั้น หนึ่งวันได้ผ่านพ้นไป
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง หมู่บ้านบนเขาเงียบสงบในเวลากลางวัน และเงียบสงัดในช่วงเวลากลางคืน แต่ภายในบ้านของหวังเย้ากลับครื้นเครง หวังรุ่ยกับตู้หมิงหยางก็กลับมาที่บ้านเช่นกัน