914 พูดคุยเรื่องการมีอายุที่ยืนยาว
“ทะเลสาบแห่งนี้จะทําให้คนตายจากไปอย่างสงบ? เอ่อคงไม่ใช่ว่าพวกคุณเอาคนตายโยน
ลงไปในทะเลสาบนี้หรอกนะ?”หลู่ซิ่วเฟิงถาม
“เป็นความจริงครับ” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเมี่ยวชิงเฟิงก็พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่หายไปและถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมจําได้ว่า บนเขาก็มีหลุมศพอยู่หลายหลุม”หยางกวนเฟิงพูด แล้วชี้ไปทางยอดเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขาเห็นมันตอนที่ขึ้นไปเมื่อครั้งก่อนรวมถึงครั้งนี้ด้วยเมี่ยวชิงเฟิงก็พูดเองว่ามันเป็นสถานที่สําหรับฝังศพของคนในหมู่บ้าน
“ใช่ครับ มันขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ตายและสถานะของพวกเขาด้วย”“ขึ้นอยู่กับสถานะของผู้ตาย?มันเป็นยังไงเหรอครับ?”
“ผู้หญิงส่วนใหญ่จะถูกฝังอยู่ในทะเลสาบ และผู้ชายส่วนใหญ่จะถูกฝังบนเขาครับ”เมี่ยวชิงเฟิงตอบ
“แล้วฝังยังไงเหรอครับ?”
“เราจะทําแพไม้ไผ่ขึ้นมา แล้ววางคนตายลงบนแพ และปล่อยให้แพลอยอยู่บนผืนน้ำใน
ทะเลสาบครับ”
“หลังจากนั้น พวกคุณก็ไม่มีใครสนใจมันอีกอย่างนั้นเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ครับ”
“พอเถอะ เลิกพูดเรื่องที่ไม่เคารพคนตายได้แล้ว แต่สุดท้าย ร่างกายของพวกเขาก็ตกไปอยู่ในท้องของปลาใช่ไหมครับ?”หลู่ซิ่วเฟิงถาม
หลังจากที่เขาถามออกไปแบบนั้นมุมปากของหยางกวนเฟิงก็กระตุกเล็กน้อย
“คุณนี่อะไรก็กล้าพูดไปซะหมด!”
“ฮาฮาจะเข้าใจแบบนั้นก็ไม่ผิดหรอกครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“วิธีการนี้คล้ายกับของทางทิเบตพวกเขาก็มีพิธีทําศพแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหม?ร่างเหล่านั้นมีไว้เพื่อให้แร้งมาจิกกินเหมือนกันจริงไหมครับ? แล้วพิธีกรรมนี้ก็ถูกยกเลิกไปแล้วนอกจากจะมีคนแสดงความต้องการของตัวเองออกมาถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะฝังพวกเขาทุกคน”
ตอบ
“จริงเหรอครับ?”
“ใช่ครับ”
“โอ้ แล้วคนล่าสุดที่ถูกฝังลงไปในทะเลสาบเป็นใครและตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?”“ถ้าผมจําไม่ผิดคงเป็นผู้เฒ่าคนหนึ่งในหุบเขาที่ถูกฝังไปเมื่อสี่เดือนก่อนครับ”เมี่ยวชิงเฟิง
“อ่อ ครับ ขอบคุณมาก”หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“ไม่เป็นไรครับ”
ป๊อบ…ป๊อบ…ป๊อบ…ป๊อบ…เหยื่อตกปลาขยับเล็กน้อย
“ปลาติดเบ็ดแล้ว!”หลู่ซิ่วเฟิงตะโกนออกมาอย่างยินดีเมื่อดึงเบ็ดขึ้นมาเขาก็ได้ปลาตัวหนึ่งที่ มีความยาวมากกว่าหนึ่งฟุตเกล็ดของมันสะท้อนแสงอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์
“อืม ไม่เลว ไม่เลว” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ แล้วผู้เฒ่าที่ตายไปอายุได้เท่าไหร่เหรอครับ?” “102 ครับ”
“ว้าว เขาอายุยืนมาก!” หลู่ซิ่วเฟิงอุทาน “ในหุบเขามีคนแก่ที่อายุยืนแบบนี้เยอะไหมครับ?” “มีเยอะครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด “หมู่บ้านของเรามีสภาพแวดล้อมที่ดีและจังหวะชีวิตที่ช้าเดิมทีทุกบ้านก็มีความรู้เรื่องการรักษาและใส่ใจเรื่องสุขภาพกันอยู่แล้วดังนั้น หลายคนถึงได้มีอายุที่ยืนยาวถึงพวกเราจะไม่เคยมีการเก็บสถิติ แต่ผมคิดว่าค่าเฉลี่ยอายุขัยของคนในหมู่บ้านน่าจะมากกว่า 90 ปีขึ้นไป ความจริงผู้เฒ่าคนนั้นยังไม่นับว่าแก่ที่สุด”
“สุดยอด ทําไมพวกคุณถึงได้สุดยอดกันขนาดนี้?”หรือว่าจะมีสูตรลับอยู่?โอ้หรือว่าพวกคุณจะมียาวิเศษอะไรเทือกนั้นอย่างโสมพันปีกับเห็ดหลินจือที่หาได้จากป่าลึก?”
เดี่ยวชิงเฟิงอึ้งไปกับค่าถามที่เขาได้ยิน
“เอ่อผมคิดว่าคุณคงจะดูหนังกับอ่านนิยายแฟนตาซีมากเกินไปแล้วล่ะครับผู้กองหลู่เราจะไปมีของแบบนั้นได้ยังไง?”
“ไม่มีเลยเหรอ?”
“ผมไม่รู้ว่ามีของแบบนั้นอยู่ที่อื่นรึเปล่าแต่ที่หุบเขาของเราไม่มีของแบบนั้นหรอกครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“ห่อสิ่วโอวโสมร้อยปีถือได้ว่าเป็นสมุนไพรชั้นยอดที่หายากยิ่งไม่ต้องพูดถึงโสมอายุร้อยปีเลย เรียกได้ว่าพวกมันคือขุมทรัยพ์ของฟ้าดินเลยก็ยังได้”
“อืม แล้วที่นี่มียาอายุวัฒนะหรือของคล้ายกันที่สามารถยืดอายุหลังจากที่กินเข้าไปและทําให้สุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัยอยู่บ้างไหมครับ?”
ได๋”
“ยาวิเศษ? ฮาฮา!” เมี้ยวชิงเฟิงหัวเราะออกมา
“ของแบบนั้นจะไปมีได้ยังไงกันครับ? ถ้ามีอยู่จริง ผมจะเป็นคนแรกที่คว้ามันมาไว้ในกํามือให้
“เฮ้อ บอกตามตรงนะครับผมได้รับความกดดันจากที่ทํางานอย่างหนัก”หลู่ซิ่วเฟิงพูด“ผมรู้สึกว่าสุขภาพของผมแย่ลงเรื่องมีอายุถึง 100 ปีคงต้องเลิกคิดไปได้เลยถ้าอยู่ได้จนถึง 80 ปีก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
พูด
“ผู้กองหลู่ ถ้าดูจากโหงวเฮ้งของคุณแล้ว ผมบอกได้เลยว่า คุณจะมีอายุยืนครับ”เดี่ยวชิงเฟิง
“จริงเหรอครับ? คุณรู้วิธีดูโหงวเฮ้งด้วยเหรอ?”
“ผมพอจะเข้าใจนิดหน่อยครับ มันเป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
“ลองดูเขาหน่อยสิครับ” หลู่ซิ่วเฟิงชี้ไปทางหยางกวนเฟิง
“ผู้กองหยางก็เป็นคนที่มีอายุยืนเหมือนกันครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
หยางกวนเฟิงท่าเพียงแค่ยิ้มออกมา เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนัก
“โอะ มีปลามาติดเบ็ดอีกแล้ว”เมื่อหลู่ซิ่วเฟิงยกคันเบ็ดขึ้นมา เขาก็ได้ปลาตัวใหญ่อีกตัว
“ฮ่า วันนี่โชคดีจริงๆ!”
“หืม ปลาตัวนี้รสชาติดีไหมครับ?”
“ดีครับ เอาไปนึ่ง,ทอด,หรือต้มก็อร่อยทั้งนั้น”เดี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “มันรสชาติดีมากปลาตัวนี้เป็นปลาที่เรากินกันไปสองสามครั้งแล้ว”
“ดีเลยครับ วันนี้ผมจะให้พวกคุณได้ชิมรสมือของผม”
“ผู้กองหลู่ท่าอาหารเป็นด้วยเหรอครับ?”
“ผมพอทําได้บ้างครับแต่ถ้าเป็นเรื่องการเตรียมปลาผมก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง”หลู่ซิ่วเฟิงพูด“เที่ยงนี้ผมจะเลี้ยงพวกคุณเองไม่สิผมต้องขอปลาตัวนี้ไปทําอาหารเพื่อเป็นของขวัญสําหรับคุณนะครับ”
“ผมหวังว่าคุณเมี่ยวจะเพลิดเพลินกับของขวัญของผมนะครับ”
“ครับ แน่นอนๆ”เดี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
ตลอดทั้งเช้า ทั้งสามพูดคุยและหัวเราะกันอย่างเบิกบานใจ พวกเขาไม่ได้คุยกันเรื่องคดีมากนัก และพูดคุยด้วยหัวข้ออื่นแทน
“น้องชายเดี่ยวผมไม่คิดเลยว่ามุมมองและประสบการณ์กว้างไกลขนาดนี้คุณคงเคยไปมาหลายที่เลยใช่ไหม?”เพียงแค่ครึ่งวัน คําที่ใช้เรียกเดี่ยวชิงเฟิงก็เปลี่ยนไปจากการสนทนาที่ลึกซึ้งและใจถึงใจพวกเขาก็เริ่มเรียกกันพี่ชายน้องชายแล้ว
“พี่ชายชมเกินไปแล้วครับ”
“ดูจากความรู้ที่กว้างไกลของคุณแล้ว แสดงว่าคุณเคยไปมาหลายที่เลยใช่ไหม?”
“ใช่ครับ ความจริงผมมักจะออกไปข้างนอกสองสามครั้งต่อปี” เมี่ยวชิงเฟิงตอบ
“โอ๋! ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าหุบเขาแห่งนี้ก็ไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกแต่แค่มีการติดต่อน้อยมากก็เท่านั้นใช่ไหม?”
“ใช่ครับ ในสังคมสมัยนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ติดต่อกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ราไม่ใช่ดินแดนดอกท้อเหมือนอย่างที่เถาหยวนหมิงเขียนนี่ครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ ถ้าสถานที่ดีดีแบบนี้ตัดขาดและไม่ติดต่อกับโลกภายนอกเลย มันคงน่าเสียดายมากนี่ใน
เมื่อพวกคุณมีทิวทัศน์สวยๆอยู่ที่นี่แล้ว ทําไมพวกคุณถึงไม่เริ่มรับนักท่องเที่ยวหรือทําโครงการท่องเที่ยววันหยุดซะเลยล่ะ? ตอนนี้กําลังเป็นที่นิยมมากข้างนอกนั้นมีคนมีเงินอยู่เยอะแยะแล้วสถานที่ที่ไร้มลพิษแบบนี้ก็ไม่ต่างจากสรวงสวรรค์และสามารถดึงดูดพวกเขาให้มาเที่ยวได้”
“พี่ชายหลู่พวกเราแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“เราไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามารบกวนความจริงนี่เป็นวิถีชีวิตที่ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นมันถูกฝังลึกอยู่ในกระดูกของพวกเราผมเคยออกไปข้างนอกและได้เห็นแสงสีและความร่ารวยตอนแรกผมคิดว่ามันสดใหม่และน่าตื่นเต้นดีและมันก็ดีกว่าชีวิตในหุบเขามากหลังจากผ่านไปนานเข้าผมถึงคิดได้ว่าวิถีชีวิตในหุบเขามันดีกว่าเราใช้ชีวิตอย่างพอเพียงอาหารพวกเราก็ปลูกไว้กินเองเนื้อสัตว์ พวกเราก็เลี้ยงไว้เองเมื่อพวกเราป่วยเราก็สามารถวินิจฉัยโรคและรักษากันเองได้สภาพแวดล้อมที่นี่ดีมากและความสัมพันธ์ของคนในหุบเขาก็ดีที่นี่มีแต่ความกลมเกลียวแล้วเราจะออก
ไปข้างนอกเพื่ออะไร?เราจะหาเงินมากมายไปเพื่ออะไร?”
“แล้วไม่มีใครอยากออกไปข้างนอกบ้างเลยเหรอ?”อยู่ๆหยางกวนเฟิงก็ถามขึ้นมา
“มีอยู่บ้างครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“มันจะไม่มีได้ยังละ?ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเองมีบางคนเลือกที่จะออกไปแต่หมู่บ้านของเราก็มีกฎเกณฑ์อยู่การจะออกไปและกลับมาเยี่ยมพ่อแม่นั้นไม่เป็นไรแต่พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พาคนนอกกลับมาด้วยคนที่ออกไปแล้วจะไม่สามารถแต่งงานกับผู้หญิงหรือผู้ชายในหมู่บ้านได้ นอกจากว่าทั้งสองจะออกไปข้างนอกและตัดชื่อตัวเอง
ออกจากตระกูล”
“นั่น…นั่นจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม
“ไม่มากหรอกครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เมื่อไม่กี่ปีก่อนที่ผมออกไปข้างนอกผมได้เดินทางไปมาหลายที่” เขาพูด “สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยบริสุทธิ์ปลีกตัวจากโลกภายนอก แต่เมื่อเปิดรับคนจากด้านนอกให้เข้ามาพวกเขาก็สูญเสียความสงบและความเรียบง่ายที่มีมาแต่เดิมผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นต่างก็เปลี่ยนไปความจริงพวกเขาไม่ได้มีความสุขกับชีวิตของตัวเอง ผมเคยคุยกับพวกเขาพวกเขาอยากกลับไปเป็นเหมือนก่อนแต่พวกเขาก็กลับไปไม่ได้อีกแล้วนี่เป็นสถานการณ์ที่คล้ายกับการที่คุณหยดน้ำหมึกลงไปในบ่อน้ำที่ใสสะอาดมันเป็นเรื่องง่ายที่จะใส่มันเข้าไปแต่ถ้าคุณอยากแยกมันออกและ
ทําให้น้ำในบ่อกลับไปใสสะอาดเหมือนเดิม มันกลับเป็นเรื่องที่ยากมาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย”
“ผมรักหุบเขาแห่งนี้มาก มันคือบ้านเกิดของผมผมหวังว่ามันจะสามารถรักษาความเรียบง่ายและความบ้านๆโดยไม่ถูกสังคมวัตถุนิยมจากโลกภายนอกเข้าครอบงํา”เมื่อเขาพูดคําเหล่านี้ออกมาสีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดจริงจังอย่างมาก
“อืมผมพอจะเข้าใจความคิดของคุณ”หลู่ซิ่วเฟิงตบไหล่ของอีกฝ่ายเขาก็เคยไปตามสถานที่ต่างๆมาบ้างเหมือนกันอย่างเช่น แชงกรีล่าและเมืองโบราณเพิ่งหวงสถานที่เหล่านั้นกลายเป็นอะไรไปแล้ว?มีสิ่งที่เหลือจากอดีตอยู่กี่มากน้อย?บางอย่างไม่สามารถวัดค่าได้ด้วยเงินเมื่อสิ่งเหล่านั้นสูญหายไปแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้อีก
“ผู้นําาเมี่ยวก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเหรอ?”หลู่ซิ่วเฟิงถาม
“ใช่ครับ นั่นคือสิ่งที่ผู้นําคิดและท่า”เมี่ยวชิงเฟิงตอบ“เขาเป็นผู้บังคับใช้และปกป้องกฎที่มีมา
แต่เดิมเอาไว้อย่างเคร่งครัด”
“แม่ในบางครั้งจะดูไร้มนุษยธรรมไปบ้าง”
“จริงเหรอ?แล้วพวกคุณไม่เกลียดที่เขาทําตัวไร้มนุษยธรรมเหรอ?”“เราจะเกลียดเขาได้ยังไงครับ?”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“บอกตามตรงมีบางคนที่ออกไปจากหมู่บ้าน
เพราะผู้นํา เขาก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งในเรื่องพวกนี้เลย”
“อืม นั่นก็หมายความว่าเขาไม่กลัวปัญหาและไม่สงสัยในหลักการของตัวเองสินะ?”
“ใช่ครับ”
“มันเป็นเรื่องยากที่จะหาคนที่ยึดมั่นในหลักการของตัวเองในโลกนี้” หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“ใช่แล้วครับ!”
“เอาล่ะเช้านี้เราพอเท่านี้แล้วกันขอบใจมากนะ”
“ยินดีครับ”
“อย่าลืมมากินปลาตอนเที่ยงด้วยล่ะ”หลู่ซิ่วเฟิงพูด“ถ้าคุณเอาเหล้ามาด้วยได้สักขวดสอง
ขวดก็จะดีมาก”
“ได้เลยครับ”
ทั้งสองหิ้วตะกร้าใส่ปลาที่ตกได้ในตอนเช้าเมื่อกลับไปถึงที่ที่พัก หลู่ซิ่วเฟิงก็ยุ่งอยู่กับการทําความสะอาดปลาและเตรียมมื้อเที่ยง
“คุณกล้ามากนะที่เอาปลาที่ตกได้ที่นี่มาเลี้ยงคนที่นี่น่ะ” หยางกวนเฟิงพูด
“ผมจะทํายังไงได้ล่ะ?”หลู่ซิ่วเฟิงพูด“จะให้ผมเชิญพวกเขาไปกินข้าวข้างนอกก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?การจะไปร้านอาหารที่ใกล้ที่สุด อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าชั่วโมงจริงไหม?”
“ห้าชั่วโมงครึ่ง”
“นั่นล่ะ ผมเลยเอาปลาของพวกเขามาทําอาหารเลี้ยงพวกเขาแทน แล้ววิธีการทําอาหารของผมก็ต่างจากพวกเขาคุณมาดูสิ!”
หลู่ซิ่วเฟิงวุ่นวายอยู่กับหม้อและกระทะ
ตอนเที่ยง เดี่ยวชิงเฟิงก็มาที่บ้านพักของพวกเขาพร้อมกับเหล้าหนึ่งขวดบนโต๊ะมีอาหารอยู่หลายจานมีสองจานที่ทําจากปลาจานหนึ่งอบอีกจานหนึ่งต้มแต่ละจานล้วนส่งกลิ่นหอมน่า
ทาน ส่วนอีกสองจานที่เหลือเป็นผัดผัก