916 การแสดง
เจี๋ยจื้อจายเดินเข้ามาในคลินิกด้วยท่าทางร่าเริงเขามีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้า
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” หวังเย้าถาม
“วันนี้ ผมล่าสัตว์จากในป่ามาได้ครับ”เจี๋ยจื้อจายพูด“มันเป็นกระต่ายตัวอ้วนผมเลยอยากมาเชิญเชียนเชิงไปกินข้าวด้วยกันเย็นนี้น่ะครับ”
เช้านี้ เขาเห็นกระต่ายอยู่บนภูเขาเขาจึงเกิดความสนใจขึ้นมาและไล่ตามกระต่ายไปรอบเขาแล้วในที่สุดเขาก็จับมันได้ด้วยการขว้างก้อนหินใส่เพราะเป็นช่วงหน้าหนาวกระต่ายจึงค่อนข้างมีเนื้อมาก
“กระต่ายป่า? ไม่ดีกว่า พวกคุณกินกันเถองเถอะ”หวังเย้าตอบกลับด้วยรอยยิ้มเขาเพิ่งกินกระต่ายไปเมื่อวานนี้เองทาง
“ที่บ้านของผมมีเหล่าเหลืออยู่เยอะมากไปเอามาดื่มได้เลยนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ” เจี๋ยจื้อจายรีบพูด“ที่บ้านของผมก็มีเหมือนกัน” เขาอยู่พูดคุยได้สักพักก็กลับไป
เมื่อเริ่มเย็นลง ก็มีแขกคนหนึ่งเดินทางมาถึงเขาก็คือซุนหยุนเชิง ที่เพิ่งกลับมาจากการเดิน
“เชียนเชิง”
“โอ๋ มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ”หวังเย้ายิ้มแล้วรินชาร้อนให้ซุนหยุนเชิง
“เพิ่งกลับมาจากการเดินทางเหรอ?”
“ใช่ครับ มันใกล้สิ้นปีแล้วผมเลยไปพบลูกค้าเก่าๆของบริษัท”ซุนหยุนเชิงพูดด้วยรอยยิ้ม“ผมเลยต้องเดินทางไปหลายทีและพูดคุยเกี่ยวกับงานที่จะทําร่วมกันในปีหน้าน่ะครับทําให้ต้องเดิน
ทางไปทั่วประเทศเลย”
“ดูเหมือนคุณจะน้ำหนักลดลงไปเยอะนะดูแลใส่ใจสุขภาพของตัวเองด้วยล่ะ”หวังเย้าพูด“ได้ครับแล้วช่วงนี้เชียนเชิงเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ดีมาก”
หลังจากอยู่ที่คลินิกได้สักพักซุนหยุนเชิงก็นั่งรถออกไปจากหมู่บ้านเขาเพียงแค่แวะมาชั่วครู่เท่านั้นเขาจ่าต้องรีบกลับไปที่เมืองเต๋าเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เขาเดินทางไปติดต่อธุรกิจกับ พ่อของเขาในช่วงนี้มีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าของบริษัท
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลงหมู่บ้านเปิดไฟเพื่อแสงสว่างแต่ก็เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของทั้งหมู่บ้านเท่านั้นเมื่อถึงเวลาเปิดไฟในตอนกลางคืนก็จะสามารถเห็นได้ว่าหมู่บ้านว่างไปถึงครึ่งหนึ่ง
หมู่บ้านบนเขาเงียบสงัดอยู่ภายใต้ความมืด
“ยาของบริษัทขายหมดแล้วครับ”ในระหว่างมื้ออาหารหวังเฟิงฮวาได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องของบริษัทยาหวังเย้าเคยบอกกับพ่อแม่ของเขาไว้ว่าเขามีหุ้นอยู่ในบริษัทและได้ลงทุนไปเป็นจํานวนมาก ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงแอบเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของบริษัท เพราะเงินที่ลงทุนไปเป็นเงินที่ได้จากการทํางานหนักของลูกชาย
“โชคดีที่ขายได้หมด”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม“ตอนนี้เราผลิตยาชุดที่สองออกมาแล้วครับ”“ดีแล้วที่ขายได๋”จางซิวหยิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ยาไม่เหมือนกับของอย่างอื่นลูกต้องใส่ใจเรื่องคุณภาพของมันให้มาก”หวังเฟิงฮวาพูด“ครับผมเข้าใจแล้ว”หวังเย้าตอบ
หลายปีมานี้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับอาหารและยาผุดขึ้นมาไม่รู้จักจบจักสิ้นทั้งในอาหาร,นมผง,หรือแม้แต่วัคซีนคนบางจำพวกก็สามารถทําทุกอย่างได้เพื่อเงินพวกเขาไม่สนใจเรื่องสุขภาพของคนในประเทศมันดูเหมือนกับว่าขอแค่มันทําเงินได้พวกเขาก็พอใจแล้ว ไม่ว่ามันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่หรือคนที่กินเข้าไปจะเป็นหรือตายมันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขาตอนนี้ประเทศเริ่มใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อพ่อแม่ของพวกเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาหวังเย้าก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้นั่นก็คือปัญหาเรื่อง
การหาของเลียนแบบ
เขามั่นใจในประสิทธิภาพของตัวยาเมื่อเวลาผ่านไปหลังจากที่ผ่านช่วงทดลองในตลาดเขามั่นใจว่าการขายจะเพิ่มมากขึ้นในเวลานั้น มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีใครคิดลอกเลียนแบบ เพราะทุกคนรู้ดีว่า ยาตัวนี้สามารถสร้างกําไรให้กับผู้ผลิตได้
เรื่องนี้ต้องเอาไปปรึกษากับเจิ้งเหว่ยจวิน!เพราะเขาไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านนี้เลยที่บ้านในตัวเมืองเหลียนชาน
“ตาเฒ่า ได้เวลากินยาแล้ว”
“อืม” ชายวัยหกสิบเดินออกมาจากห้องสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก
“ยังรู้สึกไม่สบายอยู่อีกเหรอ?”
“ก็เหมือนเดิมนั่นล่ะ”
“ฉันอุ่นยาเอาไว้ให้แล้ว มันอยู่บนโต๊ะ”
“รู้แล้ว”
ชายชราเดินไปที่โต๊ะในห้องนั่งเล่นและกินยาตามปริมาณที่แนะนําไว้ตัวยามีรสขมเล็กน้อย
“หืม แว่นตาของฉันอยู่ไหน?”
“อยู่ในลิ้นชัก ฉันเอาใส่ไว้ในนั้นแล้วลืมน่ะ”ฝ่ายภรรยากําลังล้างจานอยู่ในห้องครัว“อ้อ”ชายชราเปิดลิ้นชักและหยิบแว่นสายตายาวมาใส่หลังจากใส่แล้วเขาก็เริ่มอ่านคำแนะนําที่ติดกับขวดยา
ภรรยาของเขาเดินออกมาจากห้องครัวและถามว่า “ดูอะไรอยู่เหรอ?”
“ฉันกําลังดูรายละเอียดของยาตัวนี้อยู่น่ะสิ มันถูกผลิตขึ้นที่เขตของเราเลยนะ”
“จริงเหรอ? มีบริษัทยาอยู่ในเขตของเราด้วยเหรอ?”หญิงชราแปลกใจเล็กน้อยในความคิดของเธอการผลิตยาจําเป็นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงพวกเขาอาศัยอยู่ในเขตเล็กๆพวกเขากลับสามารถทําการผลิตด้วยเครื่องจักรและอย่างอื่นได้โดยไม่มีปัญหาแต่พวกเขาเริ่มเอาเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาที่เขตเล็กๆแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ใช่ มันเพิ่งเปิดปีนี้เอง”เขาพูด“พูดอีกอย่างก็คือมันเพิ่งจะเปิดเดือนนี้เมื่อไม่กี่วันก่อนมีการถ่ายทอดข่าวทั้งในเขตและในเมืองมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนที่ไปร่วมงานเปิดพิธีนี่ถือเป็นบริษัทยาแห่งแรกของเขตเรา”
“แล้วมันเชื่อถือได้เหรอ? ยาจะมีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“มันจะมีปัญหาอะไรได้? ดูสิมี ตังกุย, โสม, หลินจืออยู่ในนี้ มันทําให้เราตายได้ด้วยเหรอ?”
ชายชราหันไปมองภรรยาของเขา
“มันเป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่ฉันก็เลยกังวลน่ะสิ”ภรรยาของเขาพูด
“มันไม่มีปัญหาหรอกแล้วเสี่ยวพันก็เป็นคนแนะนําเองด้วยฉันเชื่อใจเขา”
“ก็ได้ งั้นก็สองดู แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายเมื่อไหร่ต้องรีบหยุดกินทันที เข้าใจไหม?”
“ฉันเข้าใจแล้ว”
ชายชราอ่านคําแนะนําบนขวดยาที่เรียกว่าซุปเสี่ยวเผยหยวนถึงสองครั้ง
“ดูชื่อสมุนไพรพวกนี้สิ มันน่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ”
หลังจากดูทีวีไปได้สักพัก ชายชราก็แช่เท้าในน้ำอุ่นเช็ดเท้าจนแห้งจากนั้นก็เข้านอน
มักมีคนพูดกันว่าเมื่อคนเราแก่ตัวลงพวกเขาก็มักจะนอนได้น้อยลงไปด้วยระยะเวลาการนอนสวนทางกับอายุที่เพิ่มขึ้นแต่นั่นไม่ใช่สําหรับชายชราชายนอนเยอะมากเพราะสุขภาพที่แย่ลงเขาหลับลึกหลังจากที่ล้มตัวลงนอนไปได้ไม่นานและมักจะตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำในช่วงอายุของเขามักจะมีปัญหานั่นนี่อยู่เสมอ
เช้าวันต่อมาชายชราตื่นแต่เช้าภรรยาของเขาก็ตื่นเช่นเดียวกัน
“คุณรู้สึกยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”เธอไม่คิดว่า ยาที่เขากินไปเมื่อคืนจะได้
ผลดี แค่ไม่มีอะไรผิดปกติก็นับว่าดีมากแล้ว
“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี ชายชราพูด
“ดี ฉันคิดถึงเรื่องเมื่อคืน อย่ากินยาขวดนั้นอีกเลยนะ”
“ไม่เป็นไร ลองดูอีกสักครั้งเราต้องสนับสนุนบริษัทท้องถิ่นสิจริงไหม?”
ภรรยาของเขากรอกตาใส่“สนับสนุนเราต้องดูแลสุขภาพของเราด้วยสิจริงไหม?”
หลังมื้อเช้า ชายชรานั่งรอสักพักก่อนจะกินยาตามปริมาณที่กําหนดไว้หลังจากนั้นเขาก็ออกไปเดินเล่น
ในหมู่บ้าน หวังเข้าไม่ได้ลงจากเขาในตอนเช้าเพราะเขาพบว่า แปลงสมุนไพรมีความผิดปกติพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรธรรมดาไม่ใช่สมุนไพรวิเศษในแปลงสมุนไพรมีสมุนไพรบางต้นที่มานในชั่วข้ามคืนมีทั้งดอกสีแดง,ชมพู,และม่วงพวกมันล้วนแล้วแต่งดงาม
พลังวิญญาณเข้มข้นขึ้นทั้งที่ผ่านไปแค่คืนเดียวเท่านั้น
แปลก!เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน?หวังเย้าสังเกตดูสมุนไพรเหล่านั้นอย่างละเอียดสมุนไพรเหล่านี้ปกติดีมันเหมือนกับว่าอยู่ๆพลังวิญญาณก็เพิ่มขึ้นและทําให้สมุนไพรเบ่งบานในชั่วข้ามคืน“ซานเซียนเมื่อคืนนายสังเกตเห็นความผิดปกติอะไรไหม?”
โฮ่ง!โฮ่ง!ซานเซียนเห่าสองครั้ง
มันหลับสนิทและไม่พบความผิดปกติอะไรเลย
“อืม แปลกจริงๆ”
หวังเย้าและซานเซียนเดินไปรอบๆเนินเขาหนานชานแต่กลับพบว่า พลังงานโดยรอบก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มันเข้มข้นขึ้น
ทําไมถึงได้เป็นแบบนี้? ในตอนนี้เขายังคิดหาค่าตอบไม่ได้
ช่างเถอะฉันจะคอยสังเกตและคิดดูอีกทีแล้วกัน
เขาเดินจากเนินเขาหนานชานไปยังเนินเขาซีชานเขาเดินดูตามสถานที่แห่งความตายแต่ละจุดไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็สามารถทําให้คนรู้สึกไม่ดีได้มันแปลกเป็นความรู้สึกที่ไม่ปกติราวกับข้าวที่มีทรายปะปนอยู่ต้นหญ้าและดอกไม้ที่ปลูกรอบๆเหี่ยวแห้งเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น
จากที่ดู ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมาที่นี่นานแล้วมีต้นหญ้าแห้งอยู่หลายต้นและทางเท้าก็เต็มไปด้วยหญ้าแห้งไม่ควรมีใครขึ้นมาที่นี่ หวังเย้าคิดอะไรก็เกิดขึ้นได้
ในหุบเขาพันโอสถหลู่ซิ่วเฟิงที่คาบบุหรี่ไว้ในปากถาม“มันจะมีอะไรได้?”
“คุณไม่สังเกตเหรอ ว่าตอนที่เรากินข้าวกันเคี่ยวชิงเฟิงกินไปน้อยมาก”
“คุณกังวลว่าเขาจะวางยาพวกเรางั้นเหรอ?”
“ใช่ อย่าลืมสิ พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มาก”
“ทําไม? พวกเขาจะทําไปเพื่ออะไร?”หลู่ซิ่วเฟิงถาม
“บางทีอาจจะเพื่อจัดการกับพวกเราเราไม่พบหลักฐานอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะไม่พบมันในอนาคตพวกเขาเลยอาจต้องป้องกันเอาไว้ก่อน”
“ที่คุณกังวลก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลเราไม่สามารถหาหลักฐานได้ในเวลาสั้นๆแล้วเราก็ไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแล้วเราก็อยู่ที่นี่โดยไม่กินหรือดื่มได้จริงไหม?ถ้าพวกเรามาที่นี่พร้อมกับอาหาร
ที่พกมาเองและไม่กินอาหารที่พวกเขาทําให้เลยมันจะไม่ชัดเจนไปหน่อยเหรอว่าพวกเราสงสัยพวกเขาอยู่น่ะ?คุณว่าพวกเขาจะคิดยังไง?พวกเขายังจะคอยอํานวยความสะดวกให้พวกเราอยู่อีกเหรอ?”
“ผู้ต้องสงสัยเป็นคนในหุบเขาเขาหลุดรอดสายตาของผมไปได้ในตอนนั้นทั้งเมี่ยวซีเหอและเดี่ยวชิงเฟิงก็อยู่ที่นั่นและยังมีคนอื่นอยู่อีกด้วยผมรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะสามารถจับตัวเขาเอาไว้ได้แต่พวกเขาก็ปล่อยให้เขาหนีไปบางทีมันอาจจะเป็นแค่การแสดงเท่านั้น คนในหุบเขาสร้าง
เรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกพวกเราและทําให้เรารีบออกไปจากหุบเขาให้เร็วที่สุดยังไงล่ะ?