918 พิษ
“ขอถามหน่อยได้ไหมครับ ธนูนี่สามารถใช้ฆ่าคนได้ไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มถามเดี่ยวชิงเฟิงอึ้งไป
“ธนูนี่เหรอครับ? ได้สิครับ”
“ฮาฮา ผมแค่ถามไปอย่างนั้นเอง อย่าคิดมากเลยนะครับ” หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มแล้วตบบ่าของเมี่ยวชิงเฟิงอีกฝ่ายทําเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้นเขาไม่เก็บเอามาคิดมากอยู่แล้วพวกเขาไม่มีทางใช้ของ แบบนั้นในการฆ่าคนเพราะมันหยาบเกินไปแต่แน่นอนว่าเขาเก็บข้อมูลพวกนี้เอาไว้ในใจและไม่สามารถบอกพวกเขาได้
พวกเขาไล่ตามเหยื่อและเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ
“กลิ่นอะไรน่ะ?” อยู่ๆหยางกวนเฟิงก็หยุดการไล่ตาม “กลิ่นเหรอ?”
หลู่ซิ่วเฟิงกับเมี่ยวชิงเฟิงหยุดเดินเพื่อดมกลิ่นตาม
มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย นี่มัน…มันคือกลิ่นศพ!
ทั้งสามค้นหาทิศทางจากกลิ่นที่ลอยมาในพงหญ้าใต้ต้นไม้ที่อยู่ลึกในป่าพวกเขาพบศพหนึ่งอยู่ในบริเวณนั้นถึงศพจะเริ่มส่งกลิ่นแล้วพวกเขาก็ยังเห็นได้ว่ามีบาดแผลอยู่บนร่างสองจุดจุดหนึ่งอยู่ที่หน้าท้องและอีกจุดอยู่ที่บริเวณลําคอ
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทั้งสามเดินเข้าไปใกล้
“เวลาการเสียชีวิตเป็นเมื่อเจ็ดวันก่อน”หลู่ซิ่วเฟิงพูดขึ้นหลังจากตรวจสอบศพดูแล้ว“มีบาดแผลร้ายแรงที่บริเวณลําคอคอของเขาถูกเฉือนในครั้งเดียวด้วยความรวดเร็วและแม่นยํา“ใช่คนในหุบเขารึเปล่าครับ?”
เดี่ยวชิงเฟิงมองดูอย่างละเอียดและพูดว่า “ไม่ใช่ครับ”
“ถ้าผมจ๋าไม่ผิด แถวนี้ไม่มีหมู่บ้านอื่นอีกแล้วใช่ไหมครับ?” “ใช่ครับมีแค่หุบเขาของเราที่เดียวเท่านั้น”
“ทีนี้ ก็แสดงว่าเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นใกล้กับหุบเขาของพวกคุณอีกคดีหนึ่งแล้วเห็นได้ชัดว่าคนคนนี้ไม่ได้ฆ่าตัวตาย”หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“เรายินดีให้ความร่วมมือในการสืบสวนอย่างเต็มที่ครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
อยู่ๆก็มีศพปรากฏขึ้นมาจนทําให้แผนการเดิมของพวกเขาต้องถูกยกเลิก รวมไปถึงแผนการของหลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงด้วย
“ต้องขอโทษด้วยนะครับเราคงต้องขอปรึกษากันสักครู่”
พวกเขาแยกไปปรึกษากันอีกด้านหนึ่งทั้งสองคิดว่ามันเป็นโอกาสดีมากกว่าร้ายในเมื่ออยู่ๆก็มีศพโผล่ออกมาแบบนี้พวกเขาก็สามารถใช้ข้ออ้างนี้ในการเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้นได้โดยเฉพาะ
การเข้าไปให้ถึงตําแหน่งที่ได้รับจากข้อความลับนั้น
“ค้นหาให้ทั่วก่อน เผื่อว่าอาจจะเจอเบาะแสอื่นอีก”หลู่ซิ่วเฟิงพูดกับเมี่ยวชิงเฟิง“เราจําเป็นต้องได้รับความร่วมมือของคุณด้วย เพราะเราไม่คุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้เลย”“ได้เลยครับ”เดี่ยวชิงเฟิงตกลงโดยไม่ลังเลพวกเขาเริ่มต้นการค้นหาภายในป่าและไม่นานก็พบกริชที่มีเลือดแห้งกรังติดอยู่
หลู่ซิ่วเฟิงก้มลงมองกริชเล่มนั้น ก่อนที่เขาจะส่งเสียงบอกคนอื่นๆ “นี่คืออาวุธของฆาตกร!”
“หาต่อ”
พวกเขาค้นหาต่อไป
อยู่ๆเดี่ยวชิงเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า “รอก่อนครับ”
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
เขามองป่าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาและพูดว่า “พยายามอย่าไปทางนั้นดีกว่านะครับ”
“ทำไมเหรอครับ?”
“ทางนั้นมีสัตว์มีพิษอยู่น่ะสิครับ” เมี่ยวชิงเฟิงตอบ “แล้วยังเป็นชนิดที่มีพิษร้ายด้วย”“แม้แต่คนในหุบเขาเองก็ยังแทบไม่เข้าไปทางนั้น เคยมีคนที่เผลอเดินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้รับบาดเจ็บหนักกลับมา”
“จริงเหรอครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงมองหน้ากัน
จากข้อมูลที่พวกเขาได้รับมา จุดที่พวกเขาทําการทดลองกันตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับป่าที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาแต่เมี่ยวชิงเฟิงกลับหยุดพวกเขาเอาไว้ไม่ว่าเขาจะพูดความจริงที่ว่ามีสัตว์มีพิษร้ายอาศัยอยู่ หรือเขากลัวว่าพวกเขาเข้าไปแล้วจะเจออะไรเข้าก็เห็นได้ชัดว่าความเป็นไปได้ของอย่างหลังมีมากกว่า
“แม้แต่คุณก็เข้าไปไม่ได้เหรอครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม
“ไม่ได้ครับ” เยี่ยวชิงเฟิงส่ายหน้า
“เอาแบบนี้เป็นไงครับ เราจะลองเข้าไปดูก่อน” หยางกวนเฟิงพูดขึ้นมาหลังจากใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง“แล้วถ้าเราพบสิ่งผิดปกติเราจะรีบกลับออกมาทันที”
“มันอันตรายมากไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงสงสัย
“มันอันตรายมากครับ” เดี่ยวชิงเฟิงพูด
“เรากลับไปที่หุบเขากันก่อน แล้วผมจะรายงานให้ผู้นํารู้และให้เขาส่งคนจากหุบเขามากับพวกคุณด้วยพวกเขาสามารถเตรียมยาที่จ่าเป็นทั้งหมดเพื่อจัดการกับสัตว์พิษพวกนั้นได้แบบนั้นจะปลอดภัยกว่านะครับ”
“เข้าไปดูข้างในกัน?” หยางกวนเฟิงเดินต่อ และตามไปด้วยหลู่ซิ่วเฟิง
“ผู้กองหยาง!”
แล้ว!”
หลังจากเดินไปได้ไม่นาน พวกเขาก็พบกับเสื้อเปื้อนเลือด ที่เลือดบนนั้นแห้งไปนานแล้ว “เจอหลู่ซิ่วเฟิงนั่งยองเพื่อดูเสื้อตัวนั้น เขาใช้มือในการวัดขนาดของเสื้อ
“มันไม่ใช่เสื้อของผู้ตายที่เราเจอเมื่อกี้ ขนาดของรูปร่างต่างกัน คนคนนี้เตี้ยกว่าและผอมกว่าอีกคนเขาได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน”
“เข้าใจแล้ว ตรงนี้มีรอยเลือดอยู่ด้วย” หยางกวนเฟิงพบรอยเลือดตามต้นหญ้าที่พื้นดิน“ระวังด้วย”
ทั้งสามเดินช้าลงไปไม่น้อย พวกเขาเดินตามรอยเลือดไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นสักพักรอยเลือดก็หยุดลงและไม่มีจุดอื่นอีก
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เขาคงจะทําแผลลวกๆที่นี่ก็ได้” หยางกวนเฟิงพูด “ทําให้เลือดไม่หยดลงจากแผลของเขาอีก” มีเศษผ้าที่ถูกฉีกและรอยเลือดอยู่ที่ใต้ต้นไม้มา
“น้องชายเดี่ยว นี่เป็นเสื้อของคนในหุบเขาใช่ไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงถามแล้วหยิบเศษผ้าชิ้นนั้นขึ้น
คนในหุบเขาพันโอสถสวมใส่เสื้อผ้าที่ต่างจากคนภายนอก เพราะพวกเขาไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมากนักพวกเขาใช้ชีวิตอย่างพอเพียงพวกเขากินธัญพืชที่ปลูกเองและเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงไว้เอง พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ทอขึ้นมาเองเสื้อผ้าแบบนี้ไม่สามารถซื้อได้จากด้านนอกและคนด้านนอกก็ไม่นิยมสวมเสื้อผ้าแบบนี้
“ใช่ครับมันเป็นผ้าของคนในหุบเขา”หลังจากรับเศษผ้ามาดูเดี่ยวชิงเฟิงก็ให้การยืนยัน“หรือเขาจะเป็นคนในหุบเขาของคุณ?”หลู่ซิ่วเฟิงถาม“เรื่องนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“เราค้นหากันต่อดีไหม?”
พวกเขาค้นหาตามต้นไม้ พวกเขาเดินไปเรื่อยๆจนพบกับภูเขาลูกหนึ่งที่เต็มไปด้วยก้อนหิน
“กลิ่นอะไรน่ะ?”
“มันเหมือนกลิ่นเหม็นเน่าของศพเลย” หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“โอ๊ย?” อยู่ๆหยางกวนเฟิงก็รู้สึกเจ็บที่ขาของเขา เมื่อมองดู เขาก็เห็นตะขาบยาวสี่นิ้วกัดที่ขาของเขามันมีล่าตัวสีดาสนิทราวกับเหล็ก
“ไม่นะ!” เมี้ยวชิงเฟิงอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น เขารีบหยิบมีดออกมาจากเอวของเขาและแงะตะขาบตัวนั้นออก
“ผู้กองหยางรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ผมชาตรงนี้ครับ” หยางกวนเฟิงพูด “แล้วก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย”
“นี่เป็นตะขาบที่มีพิษร้าย”เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยความกังวล
“กินนี่ครับ” เขาเอาเม็ดยาออกมาจากกระเป๋าและบอกให้หยางกวนเฟิงกินเข้าไปจากนั้นก็รีบ
แบกอีกฝ่ายขึ้นหลังและเริ่มวิ่งกลับไปทางหุบเขา
“เราต้องรีบกลับไปที่หุบเขาให้เร็วที่สุด” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปอาจแย่ได้”
“งั้นก็รีบเถอะ!” หลู่ซิ่วเฟิงพูด
ในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถทําตามแผนต่อไปได้อีก พวกเขาทําได้แค่รีบพาตัวหยางกวนเฟิงกลับไปรักษาที่หุบเขาได้เร็วที่สุด
เมี่ยวชิงเฟิงวิ่งไปด้วยความเร็วสูงเขาเคลื่อนไหวไปตามป่าลึกได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเสือดาวหลู่ซิ่วเฟิงตามหลังเขาไปเขาวิ่งคนเดียวและไม่ได้แบกคนไว้ที่หลังเหมือนอีกฝ่ายแต่เขากลับวิ่งตามอีกฝ่ายแทบไม่ทัน
เขาคิดฟุ้วคนคนนี้ถูกฝึกมาอย่างดีเลย!เขาสามารถมองเห็นบางอย่างได้จากการก้าวเท้าของอีกฝ่าย
“ผู้กองหยาง ผู้กองหยาง?”เดี่ยวชิงเฟิงร้องเรียกหยางกวนเฟิงในขณะที่วิ่งไปด้วย
หยางกวนเฟิงรู้สึกมึนหัวและหนาวจากนั้นเขาก็เริ่มตัวสั่น
“เขากําลังตัวสั่น” หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“ผมรู้ครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“นั่นเป็นอาการหนึ่งของคนที่ถูกพิษ” “คุณรีบพาเขากลับไปรักษาที่หุบเขาก่อนดีไหมครับ?”หลู่ซิ่วเฟิงพูดเขากังวลเกี่ยวกับอาการ
ของเพื่อนมาก “คุณไม่ต้องสนใจผมก็ได้
“ไม่ได้ครับ ผมจะทิ้งคุณไว้ที่นี่ไม่ได้”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“มันอันตรายเกินไปอาจจะมีงูพิษหรือตะขาบกัดคุณตายได้ไม่ต้องห่วงครับ ผมให้ยาแก้พิษกับเขาไปแล้ว มันจะช่วยกดพิษเอาไว้ไม่ให้แพร่เร็วเกินไปได้
พวกเขาเร่งความเร็วผ่านป่าไปหลังจากนั้นสักพักหลู่ซิ่วเฟิงก็เริ่มเหงื่อออกและหายใจหอบส่วนเมี่ยวชิงเฟิงที่แบกหยางกวนเฟิงเอาไว้บนหลังกลับยังสามารถวิ่งต่อไปได้ด้วยความเร็วสม่ำเสมอและหายใจเป็นปกติ
ในที่สุด พวกเขาก็กลับมาถึงหุบเขา เมื่อไปถึง เมี่ยวชิงเฟิงก็รีบแบกหยางกวนเฟิงตรงไปที่บ้านของเมี่ยวซีเฟอ
“ผู้นํา”
“เกิดอะไรขึ้น?” มีอีกคนเดินออกมาเขาเป็นชายหนุ่มที่มักอยู่กับผู้นํา
“ผู้กองหยางถูกพิษ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“รีบพาเข้ามา!” เสียงของเมี่ยวซีเหอดังมาจากด้านใน
พวกเขารีบพาตัวหยางกวนเฟิงเข้าไปด้านใน
“ผู้นํา”
“เกิดอะไรขึ้น?” เมี่ยวซีเหอถาม
“ผู้กองหยางถูกตะขาบกัดครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
เมี่ยวซีเหอตรวจดูบาดแผลเขาเห็นจุดที่ถูกกัดเริ่มบวมแดงและมีสีคล้ํา
“เป็นตะขาบหัวแดงเหรอ?” เขาถาม
“ใช่ครับ”
“ท่าไมเธอถึงได้ประมาทแบบนี้?” เมี่ยวซีเหอถาม
“มันเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ดูแลพวกเขาให้ดี”เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“เอายามาให้ฉัน” เมี่ยวซีเหอบอกกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาชายหนุ่มรีบหยิบโถสีเทาน้ําตาลในหนึ่งมาเมี่ยวซีเหอรับมาหลังจากเปิดออก ด้านในก็มีขี้ผึ้งสีดําฟ้าอยู่เขาใช้นิ้วควักออกมาเล็กน้อยและทาลงไปบนแผลของหยางกวนเฟิงจากนั้นเขาก็น่าขี้ผึ้งไปผสมกับน้ําอุ่นเล็กน้อยและป้อนให้หยางกวนเฟิง
“เรียบร้อย” เมี่ยวซีเหอพูด“ช่วยกันพาเขากลับไปพัก อีกสองวันเขาก็จะหายดี”
“ขอบคุณมากครับ ผู้นําเชี่ยว” หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“ไม่เป็นไรครับ” เมี่ยวซีเหอพูด “นี่เป็นเพราะคนของเราดูแลพวกคุณไม่ดีเอง”
“เอ่อ เขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม“ไม่ครับ” เมี่ยวซีเหอพูดด้วยรอยยิ้ม“ผมเคยแก้พิษชนิดนี้มาหลายครั้งแล้ว”