929 การค้นพบ
“แล้วนายรู้ไหม ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
“ผมไม่รู้ครับผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาเป็นหรือตายยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อยู่ของเขาเลยผมได้ยินมาว่าตอนที่เขาหนีออกไปจากหุบเขา เขาได้ต่อสู้กับคนในหุบเขาและถูกพิษจนได้รับบาดเจ็บหนัก”
เสวี่ยซินหยวนเงียบไปนาน
“ตอนนี้ ในหุบเขามีคนที่ไม่พอใจเมี่ยวซีเหออยู่บ้างไหม?”
“ครับแน่นอนว่ามีอยู่แล้วเมี่ยวซีเหอทําตัวเหมือนเป็นคนยุติธรรม แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่ชอบวางอํานาจย่อมต้องมีคนไม่พอใจอยู่แล้วส่วนที่ว่าพวกเขาจะเป็นใครนั้นผมก็ไม่แน่ใจ
เพราะผมออกมาจากหุบเขานานมากแล้ว”
เลย
หลังจากได้พูดคุยกันแล้วก็ไม่มีเบาะแสใหม่เลย เขาจึงกลับไปที่บ้านโดยที่แทบไม่ได้อะไร
เสวี่ยซินหยวนรู้สึกผิดหวังแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเขายังหาทางออกสําหรับเรื่องนี้ไม่ได้
ในเขตเหอ
เมี่ยวฉางหงไปที่ห้องเก็บศพและตรวจสอบดูร่างของผู้เสียชีวิต เขาต้องการค้นหาให้ได้ว่ามัน
เกิดขึ้นได้ยังไงและพวกเขาถูกพิษตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเขาก็ทําสําเร็จ
“มีการวางยาพิษประมาณ 6-7 วันก่อนที่เหยื่อจะเสียชีวิต” เขาพูด “เป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูก
วางยาพิษไว้ในอาหาร”
“6-7 วันก่อนที่พวกเขาจะตาย?”หยางกวนเฟิงดวงตาเป็นประกาย นี่เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างมาก
“ใช่ เราสามารถค้นหาดูจากที่อยู่ของพวกเขาได๋”หลู่ซิ่วเฟิงพูด
เหยื่อทั้งสามอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันและทํางานอยู่ที่เดียวกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะท่าการตรวจสอบในที่สุดพวกเขาก็ได้เบาะแสที่สําคัญมา
มีคนสวมเสื้อฮู้ดปรากฏตัวอยู่ตามที่พักอาศัยและที่ทํางานในเวลาที่แตกต่างกันไปไม่ว่าพวก
เขาจะดูจากกล้องวงจรปิดตัวไหนก็ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของคนคนนั้นได้เลย
“ผู้ชายคนนี้น่าสงสัยมาก”หยางกวนเฟิงและหลู่ซิ่วเฟิงแทบจะพูดขึ้นมาพร้อมกัน
มันเป็นเรื่องผิดปกติที่คนคนหนึ่งตั้งใจปกปิดใบหน้าของตนเอง ทั้งที่อยู่ในสถานที่ที่อากาศไม่หนาวเย็นแต่อาชญากรส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมกันคล้ายกันนี้
“เราไปดูแถวนั้นกัน ไปดูว่ามีร้านค้าหรือที่ไหนที่ถ่ายติดหน้าของเขาบ้าง”
“ได้”
พวกเขาออกเดินทางทันทีและไปขอดูบันทึกจากจุดที่เกิดเหตุก่อนที่คนทั้งสามจะเสียชีวิตลงและเป็นอีกครั้งที่พวกเขาได้เห็นหน้าของชายคนนั้นจากบันทึกกล้องวงจรปิดของร้านค้าร้านหนึ่งแต่ก็ยังไม่ใช่ภาพที่ชัดเจนในบันทึกเห็นแค่ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาเท่านั้นและเป็นภาพเบลอ
“ผู้ชายคนนี้เป็นมือเก๋า!” หยางกวนเฟิงพูด
“ใช่ เขารู้ว่าต้องปกปิดตัวเองยังไง”หลู่ซิ่วเฟิงจุดบุหรี่
“มีความเป็นไปได้หลายอย่างมากหนึ่งคือเขามีการป้องกันตัวที่ดีและเข้าใจวิธีการสืบสวนของเจ้าหน้าที่และรู้ว่าต้องระวังในจุดไหน ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือเขาอาจได้รับการฝึกฝนแบบ พิเศษมาและคุ้นเคยกับการหลบซ่อนตัวแน่นอนว่ามีคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่ แต่ก็หาได้ยาก” ถึงพวกเขาจะเห็นหน้าของคนคนนี้ไม่ชัดแต่พวกเขาก็มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถอนุมานหน้าตาได้จากใบหน้าครึ่งหนึ่งที่พล่ามัวนี้ได้และวิธีการนี้ก็มีความน่าเชื่อถือสูงมาก
ในเวลานี้ ในที่สุดพวกเขาก็มีความคืบหน้าบ้างแล้ว“สองคนนั้นมีฝีมือดีมาก”หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“ผมคิดอยู่ตลอดว่า พวกเขากําลังซ่อนบางอย่างจากพวกเราอยู่” หยางกวนเฟิงจุดบุหรี่“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วจุดประสงค์ที่พวกเขามาที่นี่ก็ไม่ได้บริสุทธิ์เท่าไหร่คําตอบที่พวกเขาบอกกับพวกเรา อาจจะเป็นข้อสรุปหลังจากที่พวกเขาได้รายงานกับหัวหน้าของพวกเขามาแล้วก็ได้”
ในโรงแรมที่เขตเหอ
“พวกเรายังจําเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อรึเปล่า?” เมี่ยวฉางหงถาม “เราทําเรื่องที่เราทําได้แล้วถึงเราอยู่ต่อก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก”
เรื่องที่พวกเขาควรพูด พวกเขาก็ได้พูดไปแล้วเรื่องที่พวกเขาไม่ควรพูดแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางบอกให้คนนอกได้รู้นอกจากนี้ พวกเขาก็ได้ทําทุกอย่างที่ควรทําไปหมดแล้ว
“รออีกสักหน่อย” เมี่ยวชิงเฟิงพูดเขาได้รายงานเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผู้นําแล้วตอนนี้เขากําลังรอคําสั่งขั้นต่อไปจากผู้นําอยู่
“ได้”
หยางกวนเฟิงได้รับข้อความใหม่
“มาดูนี่สิ มีข่าวส่งมาจากหุบเขาพันโอสถอีกแล้ว”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
ข้อความที่ส่งมาเป็นภาพของผู้เสียชีวิต
“มีคนตายอีกแล้วเหรอ?”
ภาพของผู้ตายดูน่าสยดสยองใบหน้าเขียวคล้ําและมีบาดแผลอยู่เต็มไปหมด
“หม นั่นเป็นภาพคนตายจริงๆเหรอ?”หลู่ซิ่วเฟิงมองดูอย่างละเอียด
“ขอเถอะ อย่ามาล้อเล่นในเวลาแบบนี้” หยางกวนเฟิงพูด
“จากภาพที่เห็น มันชัดเจนว่า เขาเสียชีวิตมามากกว่าหนึ่งวันแล้ว”
“ไม่จําเป็นหรอก อย่าลืมสิว่าพวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องการใช้พิษ” หยางกวนเฟิงพูด“สภาพการเสียชีวิตของคนที่ถูกพิษกับคนที่เสียชีวิตด้วยสาเหตุทั่วไปมีความแตกต่างกันอยู่”
“อืม คดีเดียวก็แก้ยากอยู่แล้ว ยังจะมีคดีอื่นเพิ่มเข้ามาอีก” หลู่ซิ่วเฟิงพูด “ท่าไมถึงได้มีแต่ เรื่องแบบนี้?ไม่แปลกเลยที่หมอดูบอกว่าปีนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่!”
“เหอะ คุณยังเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่อีกเหรอ?” หยางกวนเฟิงถาม “เราทําอะไรกับคดีนี้ไม่ได้อยู่แล้วถึงเราจะรู้ว่ามีคนตายแต่ถ้าเราไปที่นั่นก็คงไม่ได้อะไรมาก เรื่องที่เราพอจะทําได้ในตอนนี้ก็คือใส่ใจกับคดีที่อยู่ตรงหน้านี้”
หุบเขาพันโอสถซุกซ่อนความลับเอาไว้มากมายแต่มันถูกซ่อนเอาไว้ลึกเกินไป หยางกวนเฟิงไปที่นั่นมาสองครั้งและถูกพิษทั้งสองครั้ง คดียังไม่ทันได้แก่เขาก็เกือบจะต้องสังเวยชีวิตของตัวเองไปก่อนแล้ว ถ้าเขาไปที่นั่น ก็อาจจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขาอีกครั้งก็เป็นได้
“ผมมีลางสังหรณ์ว่า เราอาจจะต้องได้ไปที่หุบเขาพันโอสถอีกครั้งไม่ช้าก็เร็ว” หลู่ซิ่วเฟิงพูด“ทําไม?คุณคิดถึงเหล่ากับอาหารของที่นั่นเหรอ?”
“บอกตามตรงผมคิดถึงจริงๆนั่นล่ะแต่ผมก็ไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกครั้งหรอกคุณไปที่นั่นสองครั้งและโดนพิษมาทั้งสองครั้งครั้งนี้ที่ผมไปไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นกับตัวเองผมก็รู้สึกว่าโชคดีมากแต่ถ้าผมกลับไปที่นั่นอีกมันอาจเกิดเรื่องขึ้นก็ได้!”
ในหุบเขาพันโอสถที่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์
“อาจารย์”
“เป็นยังไงบ้าง?”
“มันไม่ได้ผลครับ”
เมี่ยวซีเหอยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม
“แล้วคนล่ะ?”
“ตายแล้วครับ”
“เข้าใจแล้ว” เมี่ยวซีเหอพูด “หยุดทําทุกอย่างไปสักพักและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยทําความสะอาดทุกจุดระวังด้วยต้องไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้โดยเด็ดขาด”
“ครับ”
ชายวัยกลางคนถอยออกไปหลังจากที่ได้รับคําสั่งมาแล้วเหลือเพียงหนึ่งคนอยู่ภายในห้องเมี่ยวซีเหอยังคงนั่งนิ่งอยู่
มันยังเป็นไปไม่ได้ ยังขาดอะไรไป?
ภายในอีกเมืองหนึ่งที่ยูนนานใต้ ชายสองคนกําลังนั่งตรงข้ามกับอยู่ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งใบหน้าของพวกเขาดูเหนื่อยล้า คล้ายกับคนที่ต้องใช้แรงงานอย่างหนัก
“ตอนนี้เชื่อรึยัง?”ชายในหมวกเบสบอลพูดด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง และใบหน้าของเขาเป็นสี
เทาแปลกประหลาด
“ฉันเชื่อ แต่ฉันไม่คิดว่าจะมีของแบบนี้อยู่บนโลกจริงๆ”ชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามพูดสีหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย
“พวกเขารู้รึเปล่าว่าเป็นพวกเรา?”
“พวกเขาอาจจะรู้แล้วก็ได้ แต่ก็ไม่สําคัญ ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้นที่คอยจับตาดูที่นั่นอยู่ครั้งก่อนที่ฉันไปที่นั่นฉันได้ยินเสียงปืนด้วย”
“เพราะกล้วยไม้สีเลือดสินะ”ชายร่างสูงใหญ่ถอนหายใจ
“ของสิ่งนี้ช่วยทําให้คนเป็นอมตะได้จริงเหรอ?”
“นายไม่ได้อ่านสมุดบันทึกสองเล่มนั้นของปู่นายเหรอ?” ชายสวมหมวกเบสบอลยกชาขึ้นจิบ
“อ่าน แต่ก็ไม่ได้อ่านทั้งหมด”
“เฮ้อ น่าเสียดาย สิ่งล้ําค่าที่สุดของอดีตผู้นําก็คือข้อมูลที่อยู่ในสมุดบันทึกพวกนั้นแต่ครอบครัวของพวกนายกลับไม่เห็นค่าของมันเลย ตอนนี้ มันตกอยู่ในมือของเมี่ยวซีเหอแล้วฉันเคยอ่านสมุดบันทึกสองเล่มนั้นแล้วแต่ฉันก็ไม่ได้อ่านมันทั้งหมดเหมือนกันในสมุดบันทึกข้อมูลของสมุนไพรวิเศษหกชนิดที่อยู่ในยูนนานใต้ แล้วกล้วยไม้สีเลือดก็คือหนึ่งในนั้นมันสามารถทําให้คนอายุยืนขึ้นและปลอดภัยจากโรคร้ายทั้งหลายถ้าไม่ใช่เพราะเมี่ยวซีเหอตอนนี้ เขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้
“การตายของเขาไม่ได้เกี่ยวกับเมี่ยวซีเหอเลย”
“ฉันจะโกหกเรื่องนี้กับนายทําไม?อดีตผู้นําต้องถูกเมี้ยวซีเหอฆ่าแน่”
ชายร่างสูงใหญ่เงียบไป
ผ่านไปนานกว่าที่เขาจะเอ่ยถามออกมา“แล้วเราจะทํายังไงต่อ?”
“เข้าไปดูในหุบเขากันเมี่ยวซีเหอคงจะกําลังใช้กล้วยไม้สีเลือดทําการทดลองฉันเคยไปที่นั่นมาหลายครั้งและได้เบาะแสมาบางส่วน แต่พวกเขาดันรู้ตัวฉันก็เลยสืบต่อไม่ได้
“ได้”
ยามค่ามาเยือน
ภายในป่าลึกในยูนนานใต้
คู่คู่คู่! เสียงร้องของสัตว์ภายในป่า
วช…วูช…วูช…สองเงาร่างวาบผ่านป่าไป
“นายได้กลิ่นอะไรไหม?”
“มันเป็นกลิ่นเน่าจากศพ”
“ใช่ คงอีกไม่ไกลแล้วล่ะ”
วูช…วูช…มีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในพงหญ้า
“นี่มันตะขาบหัวแดงมันถูกเพาะเลี้ยงในหุบเขาของเรา”“ตอนนี้ มันกลายเป็นยามเฝ้าบ้านไปแล้ว”พวกเขามาถึงจุดที่หยางกวนเฟิงกับหลู่ซิ่วเฟิงเคยมา
“ทีนี่ล่ะ”
พวกเขาฝ่าเข้าไปในป่าปรากฏเป็นภูเขาอยู่ตรงหน้า
“มีถ้ําและคนอยู่ที่นั่น”
“นายรออยู่ที่นี่ ฉันจะเข้าไปดู“ได้”
ชายที่เตี้ยกว่าเล็กน้อยปิดบังใบหน้าในขณะที่เข้าไปใกล้ภูเขาอย่างเงียบเชียบ
ภายในภูเขามีถ้ําและคนอยู่จํานวนหนึ่ง
“มันกําลังจะสําเร็จแล้ว ทําไมถึงไม่ทําต่อล่ะ?” มีเสียงคนคุยกัน
“มีข่าวลือหลายอย่างเกิดขึ้นที่ข้างนอกเจ้าหน้าที่สืบสวนสองคนที่มาครั้งก่อนมาพบที่นี่เข้าหนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บกลับไปด้วยมันอันตรายเกินไปถ้าพวกเขากลับมาอีกก็จะต้องมาที่นี่อีก
แน่ๆ แล้วพวกเราจะทํายังไง?ทําร้ายอีกคนเหรอ?”