938 เหนื่อย
“นี่ ทําไมคุณถึงดูเหนื่อยแบบนี้ล่ะ?”หลู่ซิ่วเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกแค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น”เขาเหนื่อยจริงๆ เหนื่อยทั้งกายและใจเขากลับไปที่พักและล้มตัวลงนอนกับเตียง แล้วจ้องมองเพดานเงียบๆ
เขานึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาคดีที่เขารับผิดชอบในครั้งนี้ต่างไปจากคดีก่อนๆที่เขาเคยทํามาไม่มีคดีไหนที่หาเบาะแสไม่ได้แต่ละคดีล้วนมีสิ่งที่สามารถเชื่อมโยงได้หากแย่หน่อยคดีนั้นก็จะมีการตั้งคําถามมากกว่าค่าตอบที่ได้รับมาเขารู้สึกว่าตัวเองกําลังเดินอยู่ในป่าลึกที่สามารถกลืนกินเขาได้ทั้งตัว หากเขาไม่ระวังมากพอปังปังปังเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้
หลู่ซิ่วเฟิงผลักประตูให้เปิดออกและเดินเข้ามาด้านใน
“คุณยังคิดถึงเรื่องคดีอยู่อีกเหรอ?”
“ใช่” หยางกวนเฟิงพูด “ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว”
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกคิดแล้วนอนซะ”
“เฮ้อ คุณก็พูดง่ายสิ เบื้องบนคอยจับตาดูการทํางานของเราอยู่ทุกฝีก้าวไม่รู้ว่าเราต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน?”บุหรี่
“คดีก็คืบหน้าไปแล้วนี่ อย่างน้อยๆเราก็รู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้วจริงไหม?”หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มแล้วจุด
“มันจะเหมือนกับตอนที่ผมเจอตัวเมี่ยวชิงชานในหุบเขารึเปล่าที่พอจะจับตัวเขาก็หนีไปและตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน?”
“อืม ถ้าคุณอยากจะมองแบบนั้นมันก็ไม่แปลก” หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“งานคือส่วนหนึ่งของชีวิต”เขาพูดด้วยรอยยิ้ม“แต่คุณจะเอางานมาอยู่เหนือความสุขในชีวิตของคุณไม่ได้หรอกนะ”
“คุณไม่เคยคิดอะไรมากเลยสินะเฮ้อ”
“ถ้าผมคิดมากแล้วมันได้อะไรล่ะ?ถึงคิดมากไปก็แก้ไขปัญหาไม่ได้อยู่ดี”
“เอาล่ะผมเหนื่อยแล้วขอนอนก่อนนะ”
“ได้ ผมไม่กวนคุณแล้ว คุณนอนเถอะ”หลู่ซิ่วเฟิงตบไหล่หยางกวนเฟิงและเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูตามหลัง
“นอนหลับฝันดีนะ”
หลู่ซิ่วเฟิงจุดบุหรี่อีกมวนหนึ่งหลังเดินออกมาจากห้องแล้ว
“นี่มันคดีบ้าบออะไรกัน?”
เขาก็รู้สึกหงุดหงิดและสิ้นหวังอยู่ภายในใจเช่นเดียวกันเขามีทัศนคติที่ดีและคิดว่างานที่เขาท่าอยู่เป็นเรื่องสนุกเขาชื่นชอบท้าทายคดีที่คนอื่นมองว่ายากแต่คดีนี้มันยากจนเกินไปความยากเปลี่ยนจากความรู้สึกท้าทายให้กลายเป็นความรู้สึกทรมานแทน เขาทํางานมามากกว่าสิบปีเขาไขคดีมาแล้วนับร้อย บางคดีนั้นยากมากกว่าจะแก้ได้คดีเหล่านั้นเป็นความท้าทายสําหรับเขาและเขาสนุกไปกับมันแต่คดีที่เขารับมาในตอนนี้กลับไม่ใช่แบบนั้นเลย
มันมีแต่ความลึกลับซุกซ่อนอยู่ทุกหนแห่งเมื่อแก่ได้หนึ่งหลุมพรางก็มีอีกหลุมพรางโผล่ออกมาและหุบเขาพันโอสถก็คือหลุมพรางที่ใหญ่ที่สุดฟุ้ว!
“ผู้กองหลู่”
“โอ้ เลขากั๋ว คุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย”หลู่ซิ่วเฟิงตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครมา เขาคิดว่าผู้ว่าการเขตอายุยังน้อยคนนี้ก็คงจะอยู่ไม่สุขเหมือนกัน
“ผมแค่แวะมาถามเรื่องความคืบหน้าของคดีน่ะครับ”กั่วเจิ้งเหอส่งบุหรี่ให้กับหลู่ซิ่วเฟิง
“ขอบคุณครับ”
“เอ่อ เรื่องคดียังอยู่ระหว่างการสืบสวนอยู่น่ะครับ”หลู่ซิ่วเฟิงพูด “เรายังไม่มีความคืบหน้าเท่าไหร่เลขากั๋วอย่าคิดมากเลยครับเรารู้ดีว่าคดีนี้ร้ายแรงแค่ไหนและจะใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อหาตัวคนร้ายมาใหได้ครับ”
“ครับ ขอบคุณสําหรับการทํางานหนักนะครับ”กั๋วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
“เราก็แค่ทําตามหน้าที่เท่านั้นครับ”หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“แล้วผู้กองหยางล่ะครับ?”
“อ่อ เขาไม่ค่อยสบาย ตอนนี้เขานอนพักอยู่ในห้องน่ะครับ”
“ร่างกายเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะได้”กั๊วเจิ้งเหอพูด“ไม่ว่าจะทําอะไร เราต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพของตัวเองด้วยนะครับ”
“คุณเลขาพูดถูกแล้วล่ะ”
“คืนนี้พวกคุณว่างไหมครับ?ผมอยากเลี้ยงข้าวเย็นพวกคุณน่ะครับ”
“คืนนี้ไม่มีปัญหาครับ” หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“ดีครับ ช่วยบอกผู้กองหยางด้วยนะครับคืนนี้ผมเลี้ยงเอง”
“ได้เลยครับถ้าเขาตื่นเมื่อไหร่ผมจะบอกเขาเอง”หลู่ซิ่วเฟิงพูด
พวกเขาพูดคุยกันเล็กน้อย ก่อนที่กั๋วเจิ้งเหอจะกลับไป
“เฮ้อ ผู้ว่าเขตอายุยังน้อยคนนี้มีอะไรมากกว่าที่ตาเห็นจริงๆ”หลู่ซิ่วเฟิงคาบบุหรี่เอาไว้ในปากก่อนจะเดินออกไปหมู่บ้านกลางเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์
“อาจารย์”
“วันนี้ไม่มีเวรเหรอครับ?”
“ไม่มี ฉันออกเวรแล้ว วันนี้มีคนไข้เยอะไหม?”
“อากาศหนาวขนาดนี้จะมีใครอยากออกมาข้างนอกกันล่ะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “เฮ้อวันนี้หนาวมากจริงๆตอนที่ฉันขับรถมา มันหนาวมากทั้งที่เป็นช่วงกลางวันแท้ๆ!”“ถ้าไม่อยากออกมาตอนอากาศหนาวๆก็ไม่เห็นต้องมาที่นี่ก็ได้นี่”หวังเย้าพูด“ผมคิดว่าคง ไม่มีคนไข้มาเยอะเท่าไหร่หรอก”
“ถึงอยู่บ้านฉันก็ไม่มีอะไรให้ทําอยู่ดี”พันจวินพูด “อ๋อจริงสิซุปเสี่ยวเผยหยวนนั่นที่คลินิกขายดีมากเลยล่ะมีคนเข้ามาถามหาตั้งเยอะ”
“มันเป็นยาไม่เลวเลย” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
มันเป็นสูตรยาของเขาและสมุนไพรที่ใช้ในการทํายาล้วนเป็นสมุนไพรป่าที่คัดมาอย่างดีเมื่อใช้ส่วนผสมที่ดีตัวยาก็จะออกมาดีตามไปด้วยแล้ว”
“มีร้านในเขตที่รับยาตัวนี้ไปขายอีกไหม?”
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ มีแค่ที่คลินิกของพี่เท่านั้น”
“ดี นั่นก็หมายความว่าเราเป็นเจ้าเดียวที่ขาย”พันจวินยิ้ม
“แต่จะต้องราคาสูงเกินไปไม่ได้นะครับ”
“เรื่องนั้นวางใจได้เลยอาจารย์”พันจวินพูด“ฉันกับพี่สาวดูแลจัดการเรื่องนั้นเป็นอย่างดีอยู่
พันจวินมาถึงในช่วงหลังมื้อเที่ยงตลอดทั้งบ่ายมีคนไข้เข้ามาที่คลินิกแค่คนเดียวเท่านั้นคนไข้เป็นชายชราที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านพออากาศเย็นลงก็ทําให้ชายชราเริ่มปวดขามันปวด
เกินกว่าที่เขาจะทนไหว เขาจึงมาหาหวังเย้า
ทันทีที่นั่งลงชายชราก็เริ่มบ่นทันที“พออากาศเย็นลงฉันก็ปวดขาจนแทบทนไม่ไหว!ถ้าไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางออกมาข้างนอกแบบนี้หรอก!”
“ปวดมานานแค่ไหนแล้วครับ?”
“ฉันเริ่มรู้สึกปวดขาตอนที่อากาศเริ่มหนาวเมื่อสองวันก่อน”ชายชราพูด พอผ่านมาได้สองวัน
มันก็เริ่มปวดมากขึ้นที่ฉันมาหาหมอก็เพราะทนเจ็บไม่ไหวแล้ว”ดี
“ฉันลองเอาน้ําร้อนเข้าประคบแล้วแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย”
“ผมขอตรวจดูก่อนนะครับ”หวังเย้าพูด
เขาตรวจดูเข่าของชายชราและพบว่ามันค่อนข้างเย็นเห็นได้ชัดว่าการไหลเวียนของโลหิตไม่
“นั่งนิ่งๆนะครับ ผมจะนวดให้”
เมื่อชายชรานั่งนิ่งดีแล้วหวังเย้าก็เริ่มนวดขาให้กับเขาจากนั้นเขาก็ฝังเข็มให้กับชายชรามัน
ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก่อนที่ชายชราจะไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป
“โอ้ ไม่เจ็บแล้วล่ะ!”
“ข้างนอกมันหนาวมากขาข้างนี้ของคุณลุงเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนรึเปล่าครับ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
“คงจะได้รับบาดเจ็บมาตอนช่วงหน้าหนาวสินะครับ แล้วก็คงจะไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมด้วย” หวังเย้าพูด“พอเริ่มเข้าหน้าหนาวอาการปวดก็จะกําเริบขึ้นมา”
“เป็นอย่างที่หมอพูดนั่นล่ะ”ชายชราพูด“ตั้งแต่นั้นมาฉันก็กลัวอากาศหนาวมาตลอดขาของ
ฉันเย็นเฉียบและอาการปวดก็ไม่ยอมหายไปฉันเลยไม่กล้าเดินเยอะและเวลานอนก็หลับไม่สนิท
ด้วย ถึงฉันจะทําให้เตียงอุ่นจนร้อนแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย”
“ผมจะเอายาให้นะครับ” หวังเย้าพูด“หลังจากกินยาแล้วก็จะดีขึ้นเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ขอบใจมาก”ชายชราพูด
เขาเคยได้ยินชาวบ้านพูดเรื่องของหวังเข้ามาก่อนแต่เขาอายุมากแล้วและอยู่ด้านนอก
หมู่บ้านการไปคลินิกถือเป็นเรื่องยุ่งยากสําหรับเขาจนเมื่อเขาทนเจ็บไม่ไหวแล้วจริงๆเขาถึงได้ตัดสินใจมาหาหวังเย้าในที่สุด
“รอสักครู่นะครับ
หวังเย้าเอายาให้กับชายชราและบอกวิธีการใช้ชายชราจ่ายค่ารักษาและกลับออกไปพร้อมกับยาของเขา
ชายชราเดินโขยกเขยกมาที่คลินิกแต่ขากลับออกไปเขากลับเดินได้เป็นปกติ มันเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บที่ขาแล้วนั่นเอง
“เป็นคนแก่ที่อารมณ์ดีจริงๆ” พันจวินพูด
“อืม ก็ดีอยู่หรอกแต่ความจริงแล้วเขามีโรคแทรกซ้อนอยู่เยอะเลยล่ะ”หวังเย้าพูด
“หา ไม่ใช่แค่ที่ขาหรอกเหรอ?”
“ไม่ใช่” หวังเย้าพูด “เขามีแผลเก่าอยู่ที่แขนข้างหนึ่งด้วย แล้วหัวใจของเขาก็ไม่ค่อยแข็งแรงถ้าพี่ลองฟังเสียงเต้นของหัวใจตอนที่เขาอยู่ที่นี่พี่ก็จะรู้ว่าจังหวะการเต้นนั้นไม่ปกติปอดของเขา
ก็ได้รับความเสียหายจากการสูบบุหรี่เป็นเวลานานมาก”
“แค่มองอาจารย์ก็เห็นทั้งหมดนี้เลยเหรอ?”
“การมอง,การฟัง,การถาม,และการจับชีพจรคือสี่วิธีในการวินิจฉัยโรค”หวังเย่าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม