บทที่ 24 คริสตัลเมไจ (2)
สามวันต่อมาลุคและพรรคพวกของเขาก็ได้เดินทางกลับไปยังดินแดนของตน
เมื่อลุคมาถึงคฤหาสน์ของเขา เหล่าคนรับใช้ของตระกูลรากันต์ก็แห่กรูกันเข้ามาล้อมรอบเขา
“นายน้อย! นี่ท่านไปทำอะไรมากัน!”
“ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน ท่านก็ไม่ควรจะเอารูปปั้นของบรรพบุรุษไปขาย! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสัญลักษณ์ประจำตระกูลของท่าน!”
“ท่านต้องเอามันกลับมานะ!”
ลุคยิ้มให้คนรับใช้ทุกคนของเขา
“ข้าได้ขายมันให้กับช่างตีเหล็กไปแล้ว ตอนนี้มันก็น่าจะละลายไปเรียบร้อยแล้ว”
“พระเจ้า!”
เมื่อคนรับใช้ได้ยินสิ่งที่ลุคพูด พวกเขาก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก
ฮานส์หลับตาลงขณะพยายามข่มอารมณ์ของเขาและเริ่มพูดคุยกับลุค
“งั้นจากที่ขายไป ท่านได้เงินถึง 30,000 เปโซหรือไม่”
“ไม่ ข้าได้รับเพียง 2,300 เปโซเท่านั้น”
“หุหุ! นั่นคงจะเป็นเรื่องจริง”
ผู้ชายที่หัวเราะด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่พอใจก็คือเทรินผู้จัดการของบริษัทอาลอน
ในขณะที่เทรินกำลังเดินไปรอบๆ ลุคตัดสินใจจบเรื่องนี้ซะ
“เรายังมีเวลาอีกสองวันใช่ไหม”
“แน่นอน ข้าเพียงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบข้าวของเฉยๆ เพราะข้าอยากรู้จริงๆว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นหลังจากที่ข้าไม่ได้รับเงิน 30,000 เปโซ”
“จริงหรอ? เจ้าอยากรู้มากใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ข้าต้องอยากรู้อยากเห็นกับเรื่องธุรกิจในครั้งนี้อย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทริน ลุคก็ก้าวเข้ามาหาเขา และลุคก็ได้ยัดอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือของเขาเข้าไปในปากของเทริน
“งั้นก็รับนี่ไปเลย 30,000 เปโซ!”
“กึก!”
เทรินร้องเสียงหลงขณะกำลังกลิ้งลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับพยายามคายสิ่งๆนั้นออกมาจากปากของเขา
เมื่อเห็นสิ่งของที่ออกมาจากปากของเขา เทรินก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
“นี่!”
“นี่คือเช็คที่ออกให้เจ้ายังไงละ”
ที่เวทีสนามประลองกิกันท์เมื่อมีการได้รับเงินปันผลจำนวนมาก พวกเขาก็มักจะใช้ธนบัตรหรือเช็คขึ้นเงินที่ออกโดยธนาคารและบริษัทการค้าที่มีเครดิตสูงแทนที่จะมอบเหรียญทองให้
และด้วยเหตุนั้นมันจึงทำให้ลุคสามารถดึงเงินจำนวนมากออกมาได้อย่างสบายๆและไม่ต้องขนให้เปลืองแรง
“นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย! ยังไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำแต่ไอ้เด็กนี่กลับหาเงินก้อนโตขนาดนี้มาได้…?”
เทรินมองไปที่เช็คของเขา เขามีความรู้สึกว่ามันอาจจะถูกปลอมแปลง แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบและตราประทับบนกระดาษและผิวสัมผัสของกระดาษก็รู้สึกเหมือนกับที่บริษัทมีเป็นอย่างมาก
“ท่านหามันมาได้อย่างไร?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้และข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจกับเจ้าอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็ไสหัวออกไปจากที่ดินของข้าได้แล้ว”
ลุคโยนเหรียญที่เหลือใส่เทริน
อย่างไรก็ตามเทรินก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรโต้กลับไปได้
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น!
เทรินรู้สึกเหมือนว่าเขาได้พลาดอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ไป และขณะนั้นเองลุคก็เริ่มชักดาบออกมา
“ไป!”
“หึ ได้เลย!”
เมื่อเทรินเห็นท่าทีที่ดูโกรธเกรี้ยวของลุค เขาก็รีบกลิ้งออกไป มันไม่ใช่เพียงเทรินเท่านั้นที่ประหลาดใจ คนรับใช้ในตระกูลทุกคนต่างก็ตกใจเช่นกัน
พวกเขาทั้งหมดล้วนคิดว่าการชำระหนี้ทั้งหมดนั้นเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่แล้วปาฎิหาริย์ก็ได้เกิดขึ้น
“นายน้อยของข้า นี่ท่านได้เงินจำนวนนี้มาด้วยวิธีใดกัน?”
ลุคตอบคำถามของดิกสันด้วยท่าทีสบายใจ
“มันคือการพนัน”
“จาก 2,300 เปโซ?”
“ใช่”
“ท่านใช้วิธีอะไรกัน ถึงได้เพิ่มมูลค่าของมันจนมากกว่า 10 เท่าในเวลาไม่ถึง 10 วันได้?”
ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ลุคจึงทิ้งไว้เพึยง “ความลับ” โดยไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว ความสนใจทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่ฟิลิปซึ่งถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
เงินที่ได้มาจากการเดิมพันในเวทีประลองกิกันท์นั้นเป็นข้อเท็จจริงที่เขาไม่สามารถบอกได้
พวกผู้อาวุโสที่เต็มไปด้วยความยุติธรรมและความกล้าหาญจะไม่มีทางยอมรับมันอย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าวิธีการหาเงินแบบนี้มันจะทำให้ริดรอนชื่อเสียงและเกียรติยศของตระกูล แน่นอนว่าฟิลิปจะต้องถูกลงโทษในฐานะที่ไม่ชี้นำเจ้านายของเขาให้ไปในทางที่ดี
“ข้าควรจะพูดยังไงดีเพื่อให้เรื่องนี้มันจบลง?”
ขณะที่ฟิลิปกำลังคิดอย่างหนัก นายพลอัศวินโรเจอร์ก็เริ่มขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นว่า
“เจ้ากำลังทำอะไร? แจ้งให้เราทราบว่าเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ที่! นายน้อยมี…”
มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่เนื่องจากความคิดที่สอดคล้องกันของฟิลิป เขาจึงสามารถบิดเบือนข้อเท็จจริงได้อย่างสวยงาม
“…ดังนั้นเจ้าจะบอกว่านายน้อยได้ไปที่บ่อนเพื่อหาเงินมาชดใช้หนี้อย่างนั้นหรอ?”
เมื่อฮันส์ถามด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ ฟิลิปก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ
“ถูกแล้ว มันไม่มีทางอื่นแล้วที่จะสามารถเพิ่มเงินจาก 2,300 เปโซให้กลายเป็น 30,000 เปโซได้ในช่วงเวลาสั้นๆ”
“อะไรนะผู้ชายคนนี้! แม้ว่านั่นจะเป็นความจริงก็ตาม! แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดนายน้อยนำเงินในตระกูลไปเล่นการพนันจนหมด? หากเจ้าเป็นอัศวินที่ได้รับมอบหมายให้คอยดูแลนายน้อย เจ้าก็ควรเกลี้ยกล่อมให้เขาให้ต่อต้านไม่ใช่เข้าร่วม!”
ยามที่รักษาการณ์คนหนึ่งตะโกนขึ้น
“ตอนแรกข้าก็พยายามจะพูดให้เขาฟังแล้ว แต่นายน้อยนั้นเล่นการพนันเก่งมาก เขาเปรียบได้เหมือนกับเทพเจ้าแห่งการพนัน”
“เทพเจ้าแห่งการพนัน?”
“ใช่ เขานั้นได้รับชัยชนะจากกลอุบายหลอกลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เขาสามารถทำสเตรทฟลัชได้โดยที่ไม่ต้องมองไพ่ด้วยซ้ำ…หึ! ถ้าพวกเจ้าได้ดูสิ่งที่นายน้อยทำลงไป พวกเจ้าก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับข้า!”
ฟิลิปป่าวประกาศผลงานในการพนันของลุคออกไปให้เหล่านักพนันรุ่นเก่าได้ฟัง เขากล่าวด้วยท่าทีและอารมณ์ที่พุ่งพล่านเหมือนกับตอนที่นักพูดผู้ยิ่งใหญ่ได้กล่าวสุนทรพจน์
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเหล่าคนรับใช้นั้นก็ยังค่อนข้างน่ากลัว
พวกเขาไม่แน่ใจว่านายน้อยของพวกเขาไปเรียนรู้การพนันมาจากไหนและพวกเขาก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่านำมาโอ้อวดแต่อย่างใด
“นี่พวกเจ้าได้เงินทั้ง 30,000 เปโซ มาจากบ่อนอย่างนั้นหรอ”
“ไม่ เราไปที่สนามประลองกิกันท์หลังจากได้รับเงินมา 10,000 เปโซ…”
ฟิลิปเริ่มอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่เวทีสนามประลองกิกันท์
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้บอกเกี่ยวกับความลับที่ลุคได้ทำการชุบชีวิตศิลาเวทมนตร์ที่ใกล้จะตาย แต่เขามุ่งเน้นไปที่วิธีที่เขาใช้กิกันท์ในการต่อสู้แทน
นั่นคือตอนที่ใบหน้าของเหล่าคนรับใช้ที่มั่นคงราวกับหินผาเริ่มดูคล้อยตามเขา
“หือ มันเกิดขึ้นจริงๆเหรอ!”
“ช่วยเหลือเจ้าหญิง…?”
พวกเขาช่วยเจ้าหญิงที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเขาคู่ควรแล้วที่จะเป็นลูกหลานอันทรงเกียรติของอัศวินผู้ยิ่งใหญ่รากันต์
“เช็คเหล่านั้นไม่ใช่เงินปันผลที่เราได้มาจากการพนัน แต่เป็นเช็คที่เจ้าหญิงทรงมอบให้กับพวกเราเป็นการขอบคุณต่างหาก”
มารอนนั้นคือว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าตกใจอยางมาก แต่มันเป็นอะไรที่น่าเชื่อเช่นเดียวกัน แม้แต่ฮานส์ที่ดื้อรั้นที่สุดก็ยังผงกหัวและถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องโกหก?”
“ใช่! ข้าแน่ใจ ข้าขอสาบานกับ มาร์ เทพเจ้าแห่งสงคราม เลยว่าทั้งหมดนี่คือความจริง!”
เนื่องจากฟิลิปไม่ได้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งสงคราม เขาจึงไม่กลัวที่จะต้องสาบาน
แต่ยังไงก็ตาม พวกเขาไม่รู้ว่าฟิลิปนั้นยังเลือกที่จะไม่พูดถึงเงินที่นายน้อยของเขาเก็บเอาไว้ ซึ่งเป็นเงินกว่า 210,000 เปโซไม่ใช่ เพียง 30,000 เปโซ
“งั้นในเมื่อเราชำระหนี้กันเรียบร้อยแล้ว ข้าว่าเราก็ไปคุยกันต่อที่ห้องโถงดีกวาไหม?”
“นั่นสินะ.”
เมื่อได้ยินคำถามของไดซอน ทุกคนก็ต่างพยักหน้า
หลังจากพวกเขาประชุมกันเสร็จ ข่าวเรื่องการกลับมาของนายน้อยก็เริ่มถูกแพร่ออกไป
“ฟู่ว..ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสินะ”
ฟิลิปถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่าสภาพในคฤหาสน์ไม่ไดเปลี่ยนไปมากนัก
แต่โรเจอร์ยังคงมองมาที่เขา
“เจ้าทำได้ดีมาก”
“ไม่ใช่เลย ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”
หลังจากนั้นเขาก็กินอาหารอร่อย ๆ
…..
“จริงสินะ อย่างไรก็ตามเจ้าก็อย่าลืมส่งรายงานด้วยละ”
“รายงาน?”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนติดตามที่ทำการสนับสนุนนายน้อยอยู่ตลอดการเดินทางอย่างนั้นหรอ?”
“แต่นั่นมันสำหรับอัศวินของที่นี่ไม่ใช่หรอ…!”
“ข้ารู้ ข้ารู้..”
โรเจอร์ตบไหล่ของฟิลิปเหมือนกับว่าเขาเข้าใจว่าฟิลิปรู้สึกอย่างไร
“ถึงอย่างไรเจ้าก็เขียนไปเถอะ แต่เจ้ารู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเจ้าโกหกหรือบิดเบือนเรื่องนี้ไปแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม”
ฟิลิปเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเมื่อถูกคุกคามโดยโรเจอร์
ในตอนแรกเขาคิดว่าเขานั้นโชคดีที่สามารถบิดเบือนเรื่องราวทั้งหมดให้ผ่านพ้นไปได้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะจบลงด้วยความทุกข์ยากลำบากซะแล้วสิ..