บทที่ 26 คริสตัลเมไจ (4)
คริสตัลเมไจนั้นถูกค้นพบในอดีตเมื่อตอนที่เซย์ม่อนกำลังทำการทดลองเกี่ยวกับปีศาจอยู่ ในช่วงเวลานั้นเขาได้ถูกความแค้นเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์
หลังจากเอาชนะปีศาจที่ถูกอัญเชิญด้วยเลือดของเขาเองได้แล้ว เซย์ม่อนก็ยังคงเติบโตในแบบที่ไม่มีใครสามารถตามเขาทันได้
สำหรับพ่อมดแล้ว สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ได้สัมผัสกับเมไจ พวกมันก็จะเริ่มสูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเองไป
มีครั้งหนึ่งที่เซย์ม่อนได้เห็นพ่อมดคนหนึ่งวิ่งไล่ล่าผู้คนอย่างป่าเถื่อนและทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากการที่เขาได้ไปสัมผัสเข้ากับเมไจ
แต่เพื่อที่จะจดจำเรื่องราวของคาธารีน่าต่อไป เซย์ม่อนจึงยังไม่ต้องการที่จะสละความเป็นมนุษย์ของเขา เขานั้นได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์เกี่ยวกับเมไจอย่างใกล้ชิด
ในตอนนั้นเองที่เขาได้พบกับความจริงที่น่าประหลาดใจ นั่นก็คือการที่เมไจและมานานั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนักในแง่ของธรรมชาติ
ด้วยความสงสัย เซย์ม่อนหยุดงานวิจัยทั้งหมดที่เขาทำและเริ่มทำการศึกษาเกี่ยวกับเอกสารวิจัยโบราณ
“ในตอนแรกที่เวทมนตร์ถูกกล่าวถึง มันไม่ได้มีการอ้างอิงถึงสิ่งที่เรียกว่ามานาหรือเมไจแต่อย่างใดมันมีเพียงสิ่งที่เรียกว่า“อากาศธาตุ”
อากาศธาตุเป็นสสารที่ถูกกล่าวถึงเพียงแค่ในเทพนิยายเท่านั้น
ตามตำนานโบราณกล่าวว่า ในตอนที่เทพเจ้าถือกำเนิดขึ้นมา โลกทั้งใบก็เต็มไปด้วยอากาศธาตุแล้ว
นั่นคือสิ่งที่บรรยายถึงอากาศธาตุในตำนานเทพนิยายโบราณ
อากาศธาตุนั้นนับได้ว่าเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมันยังมีลักษณะของมานาและออร่าที่สามารถจะเปลี่ยนรูปร่างให้ออกมาในแบบกายภาพได้ นอกจากนี้ยังมีลักษณะหนึ่งก็คือที่ความมืดและความโกลาหลซึ่งถูกเรียกว่าเมไจ
“พูดง่ายๆก็คือ อากาศธาตุนั้นเป็นรากฐานของพลังทั้งหมด”
มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากที่ได้ทราบว่า ในสมัยโบราณโลกของพ่อมดแม่มดนั้นไม่ได้แบ่งออกโดยใช้เกณฑ์ความดีหรือความชั่ว
พวกเขาแบ่งสิ่งต่างๆออกเป็นความมืดและความสว่างหรือ หยินและหยาง และเน้นย้ำถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความสมดุล”
แต่เมื่อเวทมนตร์เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทฤษฎีฝ่ายดีและฝ่ายชั่วก็เริ่มก่อตัวขึ้น
ในเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ มีเพียงเวทมนตร์(สีขาว)ซึ่งเป็นเวทมนตร์ที่ถูกใช้มากที่สุดเท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับถึงสถานะและระดับของฝู้ใช้ แต่ในส่วนของเวทมนตร์(สีดำ)และเวทมนตร์แห่งจิตวิญญาณเท่านั้นที่ถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต
สิ่งที่ถูกกดขี่มากที่สุดในบรรดาเวทมนตร์ทั้งหมดก็คือเวทมนตร์แห่งความมืด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันถูกจัดให้เป็นอัครสาวกของเวทมนต์แขนงต่างๆเหมือนกันและถือว่าเป็นศิลปะแห่งความเศร้าโศกด้วยซ้ำไป
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพ่อมดทุกคนก็เริ่มให้ความสำคัญกับแนวคิดเรื่องของมานามากกว่าเรื่องของอากาศธาตุ
ทำไมทฤษฎีเวทมนตร์ถึงเปลี่ยนแปลงไปกัน?
ลุคซึ่งไม่พบคำตอบสำหรับคำถามนี้ ได้เริ่มสังเกตเห็นว่าในช่วงเวลาของการก่อตั้งทฤษฎีดีและชั่วนั้นอยู่ใกล้เคียงกับช่วงเวลาก่อตั้งของนิกายเอลคาสเซล ที่นำโดยนักบุญรามิเอล
“ศาสนาและเทววิทยาที่เริ่มเฟื่องฟูในยุคแรกนั้นได้ทำให้ทฤษฎีเกี่ยวกับเวทมนตร์ได้รับผลกระทบตามไปด้วย”
ด้วยเหตุนี้ภาพของเวทมนตร์แห่งความมืดซึ่งเกี่ยวข้องกับความมืดและความโกลาหลจึงถูกขับออกไป
นอกจากนี้เวทมนตร์ที่เป็นพื้นฐานของเวทมนตร์แห่งความมืดก็ยังเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับปีศาจ
พวกปีศาจนั้นชื่นชอบการทำลายล้างและการเข่นฆ่า พวกมันเกลียดชังในพระวจนะของพระเจ้า
‘แต่ปีศาจทำเช่นนั้นด้วยเหตุผล’
เป็นความจริงที่ทราบกันในภายหลังว่าการมีอยู่ของเมใจและปีศาจนั้น อาศัยอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า “นรก”
มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยควันกำมะถันที่ลอยเหมือนเมฆบนท้องฟ้าและแม่น้ำมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยสารปรอท
โลกที่รกร้างแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยสารพิษทุกชนิดที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แม้แต่ปีศาจไม่สามารถทำอะไรได้มาก พวกมันทำได้แค่เพียงล่าผู้ที่อ่อนแอกว่าตนเองเพื่อนำมาเป็นอาหาร
การจับคนที่อ่อนแอกว่ามาเป็นอาหารนั้นเป็นความคิดง่ายๆของคนที่อยู่ที่นั่น ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะไม่สามารถเข้ากันได้กับมนุษย์
และหลังจากเรียนรู้ความจริงเบื้องหลังประวัติศาสตร์และนิเวศวิทยาของแต่ละเผ่าพันธุ์เรียบร้อยแล้ว ลุคก็พบว่าเมไจก็คือแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังของปีศาจทั้งหมด
เมไจนั้นคอยพัฒนาร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาเพื่อปรับให้พวกเขาสามารถที่จะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมนั้นๆได้
“ตามตำนานกล่าวว่าโลกนั้นเกิดจากความโกลาหล ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆงั้นมันก็จะหมายความว่าเราจะสามารถสร้างเผ่าพันธ์ใหม่หรือพัฒนาตัวเองได้ ถ้าหากเรามีพลังของเวทมนตร์แห่งความโกลาหลมากพอ”
ตราบใดที่ข้อสงสัยของเขายังไม่ได้รับคำตอบ เซย์ม่อนก็คิดที่จะเรียกปีศาจออกมาเพื่อทำการค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมไจต่อไป
เมไจที่ถูกสกัดรวบรวมและกรองออกมาถูกเรียกว่า “คริสตัลเมไจ”
“ข้าไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรจากมันได้เลย แม้ว่าการสร้างมันนั้นจะเป็นอะไรที่ยากมากก็ตาม”
คริสตัลเมไจในตอนนี้นั้นยังไม่มีพลังมากพอที่จะสร้างชีวิตใหม่และแม้ว่ามันจะสามารถใช้เพื่อพัฒนาร่างกายได้ แต่ผลลัธ์ของมันก็เป็นอะไรที่ต่ำเตี้ยอย่างมาก มันสามารถพัฒนาได้แค่เรื่องของความเร็วและความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่เขาค้นพบเรื่องนี้ เขาก็เป็นถึงพ่อมดขั้นที่ 8 แล้ว ดังนั้นคริสตัลเมไจจึงไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขามากนัก
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องของคริสตัลเมไจก็ถูกลืมเลือนลงไปในที่สุด
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เซย์ม่อนได้ตื่นขึ้นมาในร่างของลุค เขาก็เลือกที่จะมาที่นี่ในทันทีเพราะเขาต้องการที่จะได้รับพลังที่แข็งแกร่ง
“คำสาปของลูกหลานของรากันต์นั้นเป็นอะไรที่ร้ายแรงมาก แต่เจ้าสิ่งนี้ก็น่าจะเปลี่ยนร่างที่บอบบางแบบนี้ได้นิดหน่อย”
ในไม่ช้าลุคก็เปิดขวดและเริ่มทำการดูดซับคริสตัลเมไจเข้าไป
“กึก!”
ในตอนแรกลุครู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ มันเหมือนกับการกลืนเมือกที่มีชีวิต มันได้ทำให้แขนและขาของเขาสั่น
เมไจที่เขาดูดซับเริ่มค่อยๆแพร่กระจายผ่านเส้นเลือดและเส้นประสาทของเขา
“อั้ก!”
ความเจ็บปวดกำลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวของเขา ลุคล้มลงไปกับพื้นและเริ่มกลิ้งไปมาอย่างทุรนทุราย
โดยปกติแล้ว เมื่อมนุษย์รับเอาเมไจแบบดิบๆเข้าสู่ร่างกาย พวกเขาก็อาจจะตายได้ในทันที หรือกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไป
อย่างไรก็ตามคริสตัลเมไจนั้นให้ผลที่แตกต่างกันออกไป
เหตุผลนั้นมาจากการที่ความคิดของปีศาจและสารพิษที่อยู่ภายในพวกมันถูกได้กำจัดและกรองออกไปแล้วในรูปแบบของอากาศธาตุ
อย่างไรก็ตามร่างกายที่อ่อนแอของลุคก็ดูเหมือนจะไม่สามารถต้านทานเมไจที่ถูกกรองแล้วได้อยู่ดี
เพราะความจริงแล้ว การดูดซับอะไรแบบนี้นั้นนับว่ายากกว่าการดูดซับเมไจแบบดิบๆมาก เพราะสถานะของเมใจในตอนนี้นั้นมันใกล้เคียงกับอากาศธาตุในยุคแรกเริ่มอย่างมาก
และมันก็ไม่เคยมีบันทึกบทไหนที่บอกว่ามนุษย์นั้นสามารถดูดซับหรือจัดการกับอากาศธาตุได้
“อึก! ความเจ็บปวดนี้มันอะไรกัน!”
ความเจ็บปวดในครั้งนี้นั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าในครั้งที่เขาโดนแทงด้วยดาบโอริคัลคุมของรากันต์เสียอีก
อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดในครั้งนี้มันไม่ได้อยู่ในร่างกายของเขา แต่มันอยู่ข้างในจิตวิญญาณของเขาต่างหาก ลุคทำได้แค่เพียงนอนดิ้นรนรับสภาพอยู่กับพื้นเท่านั้น เพราะความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย
แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง ควันสีดำก็ลอยขึ้นออกจากร่างกายของเขา ไม่เพียงแค่นั้นดวงตาของลุคก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีแดงและดำเหมือนกับปีศาจ
“ฆ่า! ทำลายพวกมัน! ทำลายทุกสิ่ง !!”
ลุคได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงกรีดร้องอยู่ภายในหัวของเขา
ในขณะเดียวกันเล็บที่แหลมคมเหมือนอย่างสัตว์ร้ายก็โผล่ออกมาจากปลายนิ้วของเขาและเขาก็เริ่มมีเขี้ยวที่แหลมคมงอกขึ้นอีกด้วย
เขาเริ่มจะถูกครอบงำด้วยความคิดร้ายแรงและธรรมชาติที่เป็นพิษ
ไม่นานหลังจากนั้นลุคที่กำลังคำรามเหมือนสัตว์ร้ายก็ค่อยๆลุกขึ้น
บึ้ม!
เมไจแห่งความมืดที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาเริ่มหมุนวนอย่างรุนแรงราวกับว่ามันจะระเบิดห้องทดลองใต้ดินไปได้ทุกเมื่อ…
(ช่วงสาระน่ารู้แต่คุณไม่รู้ก็ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร)
เมไจและมานานั้นเป็นสับเซ็ตของอากากาศธาตุ
เปรียบมานาคือพลังงานที่ก่อให้เกิดเวทไฟ เวทแสง
เมไจก็จะเป็นเวทมืด เป็นต้น
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 26 คริสตัลเมไจ (4)
Posted by ? Views, Released on October 22, 2021
, Emperor of Steel
กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน
เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ
เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด
เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ
สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด
“ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!”
ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ
Recommended Series
Comment
Facebook Comment