บทที่ 4 ผู้สืบสายเลือดของไวท์เคานต์รากันต์ (3)
ในวันรุ่งขึ้น เซย์ม่อนไม่สิ ลุคก็ยังไม่สามารถขจัดความขุ่นมัวที่อยู่ในจิตใจของเขาได้
เขามาเดินเล่นในสวนเพื่อบรรเทาความโกรธให้เย็นลง ในขณะนั้นเองเขาก็ได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางเขา
หนึ่งในนั้นคือคนรับใช้ของตระกูลรากันต์และหัวหน้าพ่อบ้านฮานส์ ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มร่างอ้วนที่มีท่าทางหยิ่งผยองและผู้คุ้มกันของเขา
มันดูเหมือนไม่สิ่งใดที่จะสามารถทำให้เขาหวาดกลัวได้ และท่าทางการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ดูเป็นอะไรที่ขัดหูขัดตา
“ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้ นายน้อยยังคงป่วยอยู่นะ”
“อย่าคิดจะมาหยุดข้าให้ง่าย ข้าจะไม่เชื่อจนกว่าจะได้เห็นเขาด้วยตาของตัวเอง.. โอ้นั่นไงๆ”
เมื่อชายหนุ่มเห็นเซย์ม่อนเข้า เขาก็ดูดีใจอย่างมาก มันเหมือนกับหมาป่าที่ได้พบกับเหยื่ออันโอชะของมัน
เด็กหนุ่มผลักคนรับใช้ของตระกูลรากันต์ออกและรีบเดินตรงเข้ามาหาลุค
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับนายน้อย?”
“อะไรของมันวะ?”
เมื่อเห็นสายตาของเซย์ม่อนที่มองมาอย่างรำคาญ ชายหนุ่มก็เริ่มมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะเริ่มกล่าวแนะนำตัวเอง
“ท่านไม่คิดว่าจะเจอข้าใช่ไหมละ? ข้าเองเทริน ผู้จัดการของบริษัทอาลอน”
“บริษัท? นี่ข้าต้องให้ความสนใจเจ้าด้วยเหรอ?”
ลุคมองไปยังฮานส์ด้วยสายตาที่ไม่แยแส มันเหมือนกับจะบอกเขาเป็นนัยๆว่า ให้เอามันไปดูแลแทนเขาที
แต่เทรินยังคงดื้อดึง
“หึๆ ท่านต้องสนใจมันอย่างแน่นอน เพราะท่านได้ทำการกู้เงินไป 30,000 เปโซ เพื่อทำการพัฒนาเหมืองในปีที่แล้วยังไงล่ะ และกำหนดชำระหนี้ก็เหลือเพียงแค่อีก 1 เดือนเท่านั้น” เทรินกล่าวขณะที่กำลังดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาให้พวกเขาดู
มันคือโฉนดเงินกู้
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของลุคยังคงนิ่งสงบและไม่แยแสต่อสิ่งใดเหมือนเคย เงิน 30,000 เปโซอาจจะเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่มากมายเลยเมื่อเทียบกับสถานะครอบครัวของเขา
“ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งว่าคฤหาสน์แห่งนี้ถูกวางไว้เพื่อเป็นหลักประกันแน่นอนว่าหากท่านคิดว่ามันเป็นอะไรที่ยากที่จะจ่ายหนี้ให้ทันกำหนด ท่านก็สามารถที่จะมอบคฤหาสน์หลังนี้ให้กับข้าได้เลย”
“ข้าไม่รู้และไม่สนด้วย ไปถามพวกคนรับใช้เอาสิ”
แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่น่ารำคาญ แต่การตัดสินใจของเขาก็เป็นอะไรที่ถูกต้อง พ่อแม่ของลุคนั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเด็กแล้ว มันทำให้เขาต้องรับผิดชอบอสังหาริมทรัพย์มากมายตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก
“ในเมื่อนายน้อยพูดออกมาแบบนี้ เจ้าคิดว่ายังไงละ เจ้าสามารถที่จะจ่ายได้ทันภายใน 20 วันไหม?”
เหงื่อเย็นเริ่มไหลออกมาจากศีรษะที่ล้านของ ดิคสัน ซึ่งเป็นคนจัดการเรื่องที่ดินของตระกูล
เทรินเริ่มจ้องเขาตาเขม่งและพูดขึ้นเสียงดัง
“ถ้าอย่างนั้นแล้วข้าก็ขอรับหลักประกันนี่แทนเลยก็แล้วกัน แม้ว่ามันจะไม่ได้มีค่าเหมือนเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ข้าก็ยินดีที่จะรับมันเอาไว้”
“ชิ ถ้าเจ้าต้องการมันมากก็เอาไปเลย”
“ไม่ เรื่องแบบนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้น!”
ชายวัยกลางคนรู้สึกประทับใจในชายที่สวมเครื่องแบบอัศวินเป็นอย่างมากที่เขากล้าคัดค้านขึ้นมาแบบนั้น
“ยังไงที่ดินแห่งนี้ก็กำลังจะถูกกองกำลังติดอาวุธและกิกันท์เข้ายึดภายใน 3 ปี อย่างนั้นแล้วใครมันจะไปอยากซื้อที่ดินผืนนี้กัน? ท่านจะยอมก้มหัวให้กับราชวงศ์ข้างเคียงอย่างนั้นเหรอ?”
ในปัจจุบันแม้จะผ่านไปกว่า 500 ปีหลังจากการตายของเซย์ม่อน แต่ความสำคัญของชื่อเสียงและเกียรติยศก็ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ และเมื่อพูดถึงการรักษาความปลอดภัย พลังของกิกันท์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงของประดับที่จะซื้อมาขายไปได้ง่ายๆ
“อ่าโอเคๆ ข้าจะไม่ขายกิกันท์หรอกเพราะงั้นสบายใจได้”
ในเวลานั้นเอง คนรับใช้อีกคนก็เสนอวิธีแก้ปัญหาและข้อเสนอ
“แล้วการเก็บภาษีละ…”
“นี่เจ้าไม่รู้รึไงว่าทุกวันนี้ผู้คนใช้ชีวิตกันยังไง ถ้าพวกเขาเลือกที่จะย้ายออกไปแทนที่จะจ่ายละ เจ้าจะมีแผนรับมือยังไงละ?”
ที่ดินของไวท์เคานต์รากันต์นั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากตัวจักรวรรดิ แม้ว่าจะมีพื้นดินที่กว้างใหญ่แต่ที่ดินส่วนมากก็เป็นที่รกร้างเนื่องจากเมืองนี้มีประชากรเป็นจำนวนน้อย มันจึงทำให้รายได้จากการเก็บภาษีน้อยตามไปด้วย
“ถ้ายังงั้นแล้วเราก็ควรที่จะขายกิกันท์ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่!”
ลุคกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งขณะที่มองดูเหล่าคนรับใช้พูดคุยกันหาทางแก้ปัญหากัน
“หึ บางทีฉันควรเข้าไปดูตัวบ้านซักหน่อย”
ลุคกำลังเดินเข้าไปยังบ้านของรากันต์ ชายผู้ปลิดชีพของเขา
ในตอนนั้นเอง เทรินก็เริ่มเบื่อที่จะนั่งฟังพวกคนรับใช้ที่พยายามจะหาทางแก้ไขกัน
“นี่ทุกคน ถ้าสิ่งนั้นและสิ่งนู้นมันไม่เวิร์ค แล้วทำไมพวกคุณถึงไม่ลองสิ่งนี้ดูละ”
“อะไร?”
“ข้าจะยอมรับข้อเสนอทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์หรือกิกันท์ แต่ข้าต้องการให้ครอบครัวของนักรบผู้ยิ่งใหญ่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเงินของบริษัทเราสักหน่อย”
แม้ว่าชื่อเสียงของอัศวินของรากันต์จะไม่ได้ส่งผลอะไรมากนักต่อผู้คน แต่มันก็ยังคงสร้างผลกระทบอย่างมากต่ออัศวินและผู้ที่อยากจะเป็นอัศวิน
อัศวินส่วนใหญ่นั้นมีความฝันแบบเดียวกันเมื่อได้ยินตำนานของรากันต์ ชายผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเอาชนะราชาปีศาจและกองทัพแห่งความมืดของมัน
“เอาแบบนี้แล้วกัน ทำไมพวกท่านถึงไม่ส่งสิ่งนั้นมาให้ข้าแทนล่ะ?”
“สิ่งนั้น?”
สายตาของทุกคนพุ่งตรงไปยังทิศทางที่นิ้วของเทรินชี้ไป
มันคือปราสาทหอคอยขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากที่นี่ ปราสาทแห่งนี้เดิมทีคือบ้านของเซย์ม่อนที่ถูกรากันต์ยึดไปและตั้งชื่อใหม่ให้กับมันว่า “ปราสาทของราชาปีศาจ”
“ก็ดีเหมือนกัน ถ้ามันเป็นปราสาทนั่น..”
“อืม ช่วงนี้ผู้คนที่มาเข้าชมก็มีจำนวนน้อยลงซะด้วยสิ”
“ดี มันดีกว่าการยกกิกันท์หรือคฤหาสน์ให้เป็นร้อยเท่าเลย”
นอกเหนือจากฮานส์และอีกสองสามคนแล้ว ทุกคนล้วนเห็นด้วยกับการมอบปราสาทนั่นให้กับเทริน
นอกจากนี้เทรินยังคงกล่าวต่อ
“หากท่านมอบปราสาทและที่ดินใกล้เคียงให้กับบริษัทของเรา เราจะช่วยเหลือคุณในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเข้าชมปราสาทราชาปีศาจ ซึ่งนั่นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและทำให้พวกคุณได้ประโยชน์จากเหล่านักท่องเที่ยวไปด้วยยังไงล่ะ”
และในขณะนั้นเอง
“หึ ไอ้เวรนี่!”
เสียงตะโกนดังออกมาจากบุคคลที่พวกเขาคาดไม่ถึง ลุค! ใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เขาเดินตรงเข้าไปหาเทริน คว้าคอเสื้อของเขาและซัดหน้าของมัน
การกระทำนี้ออกมาจากจิตวิญญาณของเซย์ม่อน ชายผู้เลือกเดินในเส้นทางแห่งความมืดด้วยเหตุผลเพียงเหตุผลเดียวนั่นคือ
“การแก้แค้น!”
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 4 ผู้สืบสายเลือดของไวท์เคานต์รากันต์ (3)
Posted by ? Views, Released on October 22, 2021
, Emperor of Steel
กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน
เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ
เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด
เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ
สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด
“ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!”
ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ
Recommended Series
Comment
Facebook Comment