บทที่ 49 พบกันใหม่ (3)
วันนั้นลุคและพรรคพวกก็ไม่ได้ออกจากแบรนดอน
ลุคกลับเข้าไปในโรงแรม และเริ่มคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่คุยกับเจ้าหญิงเรย์น่า
“ท่านไม่สนใจตัวเอง เพราะท่านต้องการช่วยเหลือผู้คนของท่านมากกว่าอย่างนั้นหรอ”
ลุคจ้องมองไปที่รูปปั้นตรงจัตุรัสผ่านหน้าต่างของห้องพัก
นักบุญแบรนดอนที่มาหาเขาเมื่อ 500 ปีก่อน ก็เคยพูดคําเดียวกันกับเรย์น่า
ลุคดูค่อนข้างอารมณ์เสียเมื่อจ้องมองไปที่รูปปั้น โรเจอร์ส พร้อมกับฟิลิปกฌพยายามอย่างหนักที่จะเกลี้ยกล่อมเขา
“นายท่าน ท่านไม่ต้องพูดอะไรมากหรอก ท่านต้องปฏิเสธไป”
“ใช่ ข้าเองก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องของเจ้าหญิงเรย์น่า แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเราอาจจะต้องต่อสู้กับไอ้หมูตอนนั่นเลยนะ”
ทั้งสองนั้นเข้าใจถึงปัญหาที่เจ้าหญิงเรย์น่ากําลังเผชิญดี
แต่พวกเขาจะไม่ทําสงครามกับเคานต์โมนาร์ชเพื่อพวกเธอแน่นอน
นั่นก็เพราะพวกเขาเองก็มีคนของตัวเองต้องปกป้อง
“เราจะต้องทําสงครามอย่างนั้นหรอ?”
“ใช่แล้วนายท่าน โปรดเลือกอย่างชาญฉลาดด้วย”
ลุคตัดสินใจในที่สุด สายตาของเขามองย้อนกลับไปมันเป็นการตัดสินใจที่ยากลําบากของเขา และเป็นการตัดสินใจที่เขาไม่สามารถย้อนกลับได้
“เราจะรับเจ้าหญิงและผู้ลี้ภัย”
“โอ้พระเจ้า!”
“ท่าน ท่านจะทําแบบนี้ไม่ได้”
ในการตัดสินใจของลุค ฟิลิปและโรเจอร์สต่างก็พยายามอย่างหนักที่จะเปลี่ยนความคิดของเขา
อย่างไรก็ตามหัวใจของลุคไม่เปลี่ยนแปลง
เป็นเพราะเรย์น่านั้นทําให้เขานึกถึงคาธาริน่ารึเปล่านะ?
จริงๆแล้วมันไม่ได้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเขามากเท่าไหร่แต่เหตุผลที่สําคัญประการหนึ่งที่ทําให้เขาตัดสินใจแบบนี้ก็เป็นเพราะ…
ย้อนไปเมื่อ 500 ปีก่อน นักบุญแบรนดอนคุกเข่าต่อหน้าเขาและขอร้องให้เขาช่วยชีวิตผู้คนและขอให้เขานําเอากองทัพแห่งความมืดกลับไป
ลุคลืมไปชั่วขณะ แต่ในเวลาต่อมาเขาจําขึ้นได้ว่าแบรนดอนนี่เองที่เป็นคนที่ช่วยชีวิตเขา ตอนที่วงเวทย์ของเขาถูกทําลาย
หลังจากที่เขาได้รับการรักษาเขาก็ยังอยู่ที่นั่นต่อ
มันมีครั้งหนึ่งที่ทหารรัจ้างของหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสนั้นมาเพื่อตามล่าเซย์ม่อน
“ท่านนักบุญ ท่านไม่อยากสู้กับเราหรอก”
“ข้าจะสู้ให้มากที่สุดเท่าที่ข้าจะทําได้”
” ท่านพูดอะไรนะ? ท่านคงจะบ้าไปแล้ว!”
“ชายคนนี้ขอให้ข้าช่วยเขา และข้าก็เลือกจะช่วยชายคนนี้ เพราะฉะนั้นข้าจะช่วยชายคนนี้จนถึงที่สุด!”
แบรนดอนนั้นไม่ได้มีการเรียกขานนามของพระเจ้าหรือหลักการความคิดอะไร
เขาระบุเพียงว่าผู้คนไม่จําเป็นต้องมีเหตุผลในการช่วยเหลือผู้อื่น
ลุคเองก็ไม่เข้าใจความเชื่อที่ดื้อรั้นของเขา
ท้ายที่สุด สิ่งที่สําคัญก็คือเซย์ม่อนสามารถมีชีวิตอยู่รอดมาได้ก็เป็นเพราะความเชื่อของเขาเช่นเดียวกัน
และ…
“ถ้าผู้คนให้ความสําคัญกับคนอื่นๆมากพอ พวกเขาก็จะไม่ต้องการเหตุผลในการช่วยชีวิตหรือช่วยเหลือผู้คน พวกเขาจะไม่เลือกปฏิบัติหรือปล่อยให้ใครตาย”
อย่างไรก็ตามโลกนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ลุคถูกเลือกปฏิบัติ และคาธารีน่าก็เลือกที่จะตายเพื่อรักษาพรหมจรรย์ของเธอ
ลุคพยายามทําลายความไม่ยุติธรรมของโลก
เขาสาบานว่าจะกําจัดสัตว์ร้ายที่สิงสถิตอยู่ในหัวใจของเขาและมนุษย์คนอื่นๆ
“นั่นคือสาเหตุที่ข้ายอมทําสงครามกับสัตว์ร้ายเหล่านั้น…และดูเหมือนข้าเองก็จะลืมเรื่องนั้นไปแล้ว”
ในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา เขาติดอยู่ในสถานล้างบาปเพียงเพนสะความไร้เดียงสาของรากันต์ ตลอดช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นั่นนั้นมันทําให้เขาหลงลืมอุดมการณ์ไปและหลงเหลือเพียงแต่ความแค้นและความเกลียดชังเท่านั้น
เขาเก็บความเกลียดชังไว้ในใจและละเลยสิ่งที่มีค่าสําหรับเขา
“ขอบคุณแบรนดอน ต้องขอขอบคุณการได้พบท่านอีกครั้งที่ทําให้ข้าสามารถตัดสินใจได้ในที่สุด”
ลุคขอบคุณนักบุญที่จากไปเมื่อนานมาแล้ว
ในระหว่างนั้นการชักชวนของอัศวินทั้งสองก็ยังคงดําเนินต่อไป
“นายท่าน โปรดคิดถึงอนาคตด้วย!”
“ท่านแม่ทัพพูดถูก หลังจากการต่อสู้ไม่กี่ปี…”
ทันใดนั้นลุคก็ตะโกนใส่อัศวินทั้งสอง
” หยุด! พวกเจ้าคือดาบที่มีไว้เพื่อปกป้องรากันต์ แล้วเจ้าจะให้ข้าทําอย่างไรเมื่ออัศวินของข้าเอาแต่มุดหัวหนีเมื่อเกิดสงคราม?”
“แต่พลังของเรานั้นต่างกันเก….”
“เงียบซะ! ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อัศวินของรากันต์ต่อสู้โดยคํานึงถึงแต่พลัง! ถ้าพวกเจ้าจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรม พวกเจ้าก็ควรกล้าที่จะกระโดดลงไปในน้ำเดือดหรือแม้กระทั่งในรังมังกร!”
“แต่กระนั้น…”
“มันไม่ควรมีเหตุผลในการช่วยเหลือผู้อื่น! หากเจ้ายอมจํานนต่อความชั่วร้ายเหล่านั้น เจ้าจะยังกล้าเรียกตัวเองว่ามนุษย์อีกอย่างนั้นหรอ!”
เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้นจากลุค โรเจอร์สก็ตกใจ
ความเชื่อดั้งเดิมที่เขาได้หลงลืมไปชั่วขณะ ได้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
ฟิลิปยังคงพยายามโน้มน้าวเขาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามตอนนี้โรเจอร์สได้รับคําสั่งของลุคอย่างเป็นทางการแล้ว
“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนท่าน นายน้อย!”
” ท่านแม่ทัพ!”
ขณะที่ฟิลิปสะดุ้งตกใจโรเจอร์สก็ยิ้มขึ้นมา
“สงครามยังไม่ได้รับการยืนยันด้วยซ้ำ และพวกเราอัศวินต้องอาศัยอยู่บนพรมแดนแห่งความตาย หากนั่นเป็นความประสงค์ของพระเจ้า เราก็จะต่อสู้อย่างหนักเพื่อชนะ”
“โอ้ไม่ ท่านพูดถูก…”
ในที่สุดฟิลิปก็ยอมรับการตัดสินใจของลุค
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ชอบเจ้าหญิงเรย์น่าและผู้ลี้ภัยที่น่าสงสารที่ถูกพาเข้ามา
ลุคเดินไปหาเรย์น่าและพรรคพวกของเธอและแบ่งปันความตั้งใจของเขา
“ท่านลอร์ด ข้าขอขอบคุณอย่างมาก”
“ข้าจะไม่ลืมพระคุณนี้ไปจนวันตาย”
“ไม่เป็นไร มีวิธีใดบ้างที่จะนําผู้ลี้ภัยจํานวนหนึ่งหมื่นคนมายังดินแดนของเรา”
เห็นได้ชัดว่าเคานต์โมนาร์ชจะไม่ยอมหยุดอยู่เฉยๆแน่
และแม้ว่าเขาจะยอมหยุด แต่พวกเขาก็ยังติดปัญหาในการเคลื่อนย้ายผู้คนเหล่านี้อยู่ดี
“นั่นนั่น”
วิคเตอร์และพาเวลเกาแก้มด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
พวกเขาขอความช่วยเหลือด้วยใจที่แน่วแน่ แต่พวกเขาไม่มีแผนว่าจะต้องทําอะไรในภายหลัง
อย่างไรก็ตามเรย์น่าก็ดูเหมือนจะคิดแผนไม่เหมือนสอง คนนั้น
เธอขอกระดาษหนึ่งแผ่นและเริ่มจดบันทึกแผนคร่าวๆ
“ข้าวางแผนที่จะย้ายคนที่เคลื่อนไหวลําบากที่สุดก่อน ข้าจะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ใกล้ริมแม่น้ำโดยการวางไว้บนแพที่ทําไว้ล่วงหน้า แม้ว่าเรือจะไม่สามารถเดินทางทางน้ำได้ แต่แพนั้นน่าจะสามารถใช้ได้อยู่”
เธออธิบายเกี่ยวกับการต่อแพของผู้คน จากนั้นก็ลากขึ้นฝั่งโดยใช้ม้าหรือรถพ่วงก็เพียงพอแล้วสําหรับการไปยังดินแดนของรากันต์
“อืมมันเป็นแผนที่ดีนะ แต่ที่เหลือล่ะ”
ด้วยผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนขนาดนี้ มันจึงไม่สามารถจะเดินทางไปได้หมดในคราวเดียว
และวิธีที่ดีที่สุดในการหลบหนีคือตอนกลางคืน
“ข้าคิดเกี่ยวกับการใช้เส้นทางผู้แสวงบุญจากโบสถ์เอลคาสเซิล แต่มันจะไม่มีประโยชน์หากเคานต์โมนาร์ชเข้ามาขัดขวาง ดังนั้นข้ารู้สึกว่ามันต้องเป็นเส้นทางที่เป็นเหมือนกับทางเข้าและออก”
โชคดีที่สลัมที่ผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่นั้นอยู่บนกําแพงด้านนอกโดยรอบลาเมอร์
สิ่งที่พวกเขาต้องทําก็คือการหลบหนีออกไปในตอนกลางคืน
ทันทีที่พวกเขาขึ้นแพ พวกมันก็จะไม่สามารถวิ่งไล่ตามพวกเขาได้
ลุคพยักหน้าตามแผนของเรย์น่า
ในระหว่างนี้เขาสังเกตเห็นข้อเสียเปรียบที่ร้ายแรงของแผน
“แต่ไม่ใช่ว่าแผนนี้ยังต้องการเงินทุนในการสร้างแพอย่างนั้นหรอ?”
“เงิน…”
ในตอนแรกเจ้าหญิงเรย์น่าคิดจะเสนอแผนนี้กับมาร์ควิสเมร์เยอร์และจพได้สามารถขอเงินทุนจากเขาได้เลย
“ข้ายังพอมีเงินเหลืออยู่บ้าง หลังจากซื้อกิกันท์”
ลุคมอบเงิน 3,000 เปโซที่เหลืออยู่ให้กับเจ้าหญิงเรย์น่า
นั่นคือเงินที่เหลืออยู่จาก 210,000 เปโซที่เขาได้รับมาจากการเดิมพัน
“ขอบคุณท่านมาก ข้าควรจะตอบแทนพระคุณในครั้งนี้อย่างไรดี…”
ดวงตาของเรย์น่าตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา
เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าลุคจะช่วยเธออย่างกระตือรือร้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาช่วยเธอมามากกว่า 2 แล้วด้วย
“เจ้าหญิงเป็นหัวหน้าของผู้ลี้ภัย โปรดอย่าร้องไห้ แต่จงนําทางพวกเขาอย่างปลอดภัย”
ลุคเช็ดน้ำตาของเธอขณะกล่าว
การกระทํานั้น ทําให้เรย์น่าหน้าแดงและก้มหน้าไป
“ข้าจะจําเอาไว้”
เรย์น่าซึ่งได้รับกําลังใจจากลุค ลูบแก้มของเธอเบาๆอย่างมีชีวิตชีวาและมัดผมที่ไหลลงมา
ฟิ้ว!
“ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกนั้นแน่นอน!”
ลุคตกใจมากเมื่อเขามองดูเธอ
ในขณะที่เรย์น่ากําลังมัดผมของเธอ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งธรรมชาติอันมหาศาลจากเธอ
พลังงานได้ครอบงําลุคไปชั่วขณะ และจู่ๆมันก็หายไปราวกับสายลม
นั้นก็คือ..
“ท่านเป็นอะไรไปหรือเปล่า?”
“ฮะ? เมื่อกี้ท่านพูดอะไร”
“อ่าไม่มีอะไร ข้าแค่คิดว่าท่านเป็นอะไรไป…”
ลุคที่มึนงง ก็พึมพําคําตอบออกไป เมื่อเรย์น่าถามเขา
หญิงงามที่รู้จักกันในนามเจ้าหญิงแห่งการข่มเหงดูเหมือนจะมีความลับที่ซ่อนอยู่ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้เช่นกัน
ลุคไม่รู้ว่านั่นคืออะไร
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่ามันไม่ใช่อะไรปกติแน่นอน
“ข้าอาจจะรู้ว่ามันคืออะไรเมื่อเวลาผ่านไป แต่ตอนนี้ข้าต้องขนย้ายผู้ลี้ภัยเหล่านี้ก่อน”
ก่อนอื่นเขาต้องจัดการกับสิ่งเร่งด่วนเป็นอย่างแรก
ลุคและผู้คนทั้งหมดเริ่มพูดคุยและพัฒนารายละเอียดของแผนการสําหรับการอพยพ
ดู HENTAI ได้ที่ hanimeza.com
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 49 พบกันใหม่ (3)
Posted by ? Views, Released on October 22, 2021
, Emperor of Steel
Status: Ongoing
กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน
เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ
เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด
เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ
สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด
“ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!”
ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ
Recommended Series
Comment
Facebook Comment