Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 51 ปฏิบัติการ “เคลื่อนย้าย” (1)

บทที่ 51 ปฏิบัติการ “เคลื่อนย้าย” (1)
 
หลังจากวางแผนเรื่องการย้ายถิ่นฐานอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับพรรคพวกของเรย์น่าแล้ว ลุคก็กลับไปที่คฤหาสน์
 
ทันทีที่เขากลับมาถึงดินแดนของเขา เขาก็ได้มอบเงิน 30,000 เปโซให้กับฟิลิป
 
ฟิลิปออกเดินทางไปหาลาเมอร์ทันที
 
มันเป็นเพราะพวกเขาตัดสินใจที่จะไปพบเจ้าหญิงที่นั่น
 
หลังจากส่งฟิลิปไปแล้วเขาก็มุ่งหน้าไปที่ห้องทํางานใต้ดิน ในปราสาทราชาปีศาจของเขา
 
เมื่อมาถึง เขาก็สงสัยว่าแร่ธาตุต่างๆถูกรวบรวมมาได้อย่าง
 
ดวงตาของเขาเปล่งประกายเมื่อเห็นแร่ธาตุที่กองอยู่เหมือนเนินเขาลูกเล็กๆในเวิร์คช็อปของเขา
 
มันเป็นเพราะโกเลมและสัตว์ประหลาดเหล่านั้นยังคงขุดแร่ ในเหมืองทั้งสามแห่งอย่างต่อเนื่องและทุกครั้งที่วงเวทย์เทเลพอร์ตกระพริบ แร่ธาตุต่างๆก็จะเข้ามา
 
พวกเขาจะทํางานหนักที่เดียว”
 
ลุคตัดสินใจที่จะให้อาหารมากมายแก่มอนสเตอร์เมื่อเขาพบพวกมัน
 
“ข้าควรเริ่มด้วยทองหรือแร่เงินดีนะ? ต้องใช้เงินจํานวนมากในการรับผู้ลี้ภัยและพัฒนาที่ดิน”
 
ลุคเรียกโกเลมและสั่งให้พวกมันเก็บแร่ธาตุจากเวิร์คช็อปลงไปในเตาหลอม
 
เตาหลอมถูกสลักด้วยวงเวทย์ที่จะทําให้เกิดเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูง
 
และด้วยมานาที่เพียงพอ มันจึงเป็นไปได้แล้วที่จะหลอมหรือถลุงแร่ธาตุต่างๆโดยไม่ต้องใช้พวกถ่านหิน
 
“มาดูกันว่าอุณหภูมิในการหลอมเงินจะสูงหรือต่ํากว่าทองคํากัน”
 
ลุคลองใช้อุณหภูมิหลอมละลายของโลหะและกระตุ้นวงเวทย์บนเตาหลอม
 
ฮวาร์!
 
ทันใดนั้นเปลวไฟก็ลุกโชนอย่างยิ่งใหญ่ภายในเตาหลอม และหลังจากนั้นไม่นานแร่เงินก็กลายเป็นของเหลวและไหลเข้าไปในรูด้านล่าง
 
แร่เงินไหลออกมาและเย็นลงในกรอบสี่เหลี่ยมและต่อมาก็เปลี่ยนเป็นแท่งเงิน
 
“เอาล่ะคราวนี้มาลองหลอมทองกัน”
 
ลุคเริ่มหลอมแร่ทองคําโดยเพิ่มอุณหภูมิของเตาขึ้นเล็กน้อย
 
เมื่อเวลาผ่านไปแท่งทองและแท่งเงินก็กองอยู่ตรงหน้าลุคในรูปแบบของปิรามิด
 
ลุคยิ้มกริ่มขณะถือแท่งทองคําในมือ
 
“หุหุหุ อัตราการผลิตที่รวดเร็วขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะพอสําหรับเป็นเงินทุนในการอพยพของผู้ลี้ภัยเท่านั้น แต่มันยังพอที่จะครอบครุมกองทุนเพื่อการพัฒนาที่ดินด้วยจะไม่เป็นปัญหา”
 
อย่างไรก็ตามลุคก็เริ่มสับสน
 
“แล้วข้าควรจะใช้มันอย่างไรดี”
 
ทองคําและเงินในปัจจุบันจะมีมูลค่าหลายพันเปโซ
 
สิ่งเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สําหรับเจ้าหญิงและตัวอย่าง แต่ปัญหาคือเขาไม่สามารถเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินได้
 
ที่นี่ไม่มีอะไรที่จะทําให้คนอื่นเชื่อได้เลย…”
 
ลุคครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาต้องทํา ทันใดนั้นเขาก็ปรบมือเมื่อมีความคิดที่ดี
 
“ใช่แล้ว! ข้าต้องทําได้แน่!”
 
เขาเดินไปที่ห้องทดลองใต้ดินด้วยท่าทางที่สดใส และเริ่มค้นหากล่องเก็บตัวอย่างที่มีขนาดเหมาะสม..
 
หลังจากเหล่าคนรับใช้ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในแบรนดอนจาก ปากของโรเจอรส์ พวกเขาก็แทบคลัง
 
“ข้าไม่เข้าใจ ทํานายท่านถึงคิดแบบนั้น!”
 
“อาจเป็นเพราะอายุของเขา ลอร์ดหนุ่มจึงมีความคิดที่แกว่งไปแกว่งมา แต่ถึงอย่างนั้นเซอร์โรเจอร์สก็ไม่น่าจะไขว้เขวตามนะ!”
 
“นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ เคานต์โมนาร์ชจะไม่มีทางอยู่เฉยๆแน่นอน แล้วทีนี้พวกเราจะทํายังไงกันดีล่ะ?”
 
“ไม่ต้องทําห่าอะไรแล้ว! ตอนนี้เราจบแล้ว!”
 
สักพักห้องประชุมก็เต็มไปด้วยความคิดของทุกคน
 
เมื่อความวุ่นวายสงบลง ดิกสันซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงินก็ได้ถามฮานส์ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ดูแล
 
ฮานส์นั้นรับฟังความคิดของคนอื่นด้วยใบหน้าที่แน่วแน่
 
“ท่านหัวหน้าพ่อบ้าน ท่านคิดอย่างไรกับการกระทําของนายท่านบ้าง”
 
“ไม่มีอะไร”
 
ดิกสันดูงงงวยเมื่อได้ยินคําตอบที่ไม่คาดคิดของฮานส์
 
“ท่านคิดว่าคฤหาสน์รากันต์แห่งนี้จะลุกเป็นไฟเพราะการกระทําของนายน้อยหรือเปล่า?
 
“ยังไงซะสักวันเราก็ต้องสู้กับเคานต์โมนาร์ชอยู่ดี ที่สําคัญ ข้าคิดว่าเคานต์โมนาร์ขอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของนายน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อนด้วย”
 
ฮานส์ไม่สามารถพูดได้เนื่องจากเขาไม่มีเงื่อนงําที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตามเขาเชื่อ 99% ว่าเคานต์โมนาร์ชนั้นเป็นคนที่มีอยู่เบื้องหลังทั้งหมด
 
ที่ดินของรากันต์นั้นเกือบจะเผป็นเอกเทศจากจักรวรรดิ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีเคานต์โมนาร์ชที่ดูเหมือนจะมีปัญหากับพวกเขาอยู่เรื่อยๆ
 
นอกจากนี้ จากข้อมูลล่าสุดที่เขารวบรวม มันได้ชี้ให้เห็นว่าเคานตีโมนาร์ชต้องการที่จะครอบครองดินของรากันต์แห่งนี้
 
ฮานส์เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากฝั่งตะวันตกของจักรวรรดิ เมื่อเขาเอาไปเล่าให้คนรับใช้ทุกคนฟัง พวกเขาก็ดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างมาก
 
“ไม่มีทาง เป็นจริงหรือ”
 
“ไอ้หมูตอนนั่น!”
 
ความโกรธของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นราวกับภูเขาไฟที่กําลังจะปะทุ และมันพุ่งสูงขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินสิ่งที่โรเจอร์สพูด
 
“ในตอนแรกข้าก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้ ดังนั้นข้าจึงพยายามที่จะไม่พูดมัน แต่คราวนี้เราได้พบกับกลุ่มคนที่พยายามจะลอบสังหารพวกเรา ระหว่างที่กําลังเดินทางไปซื้อกิกันท์”
 
” พระเจ้า!?”
 
“ความจริงที่ว่าพวกเขามีกิกันท์และมือสังหารบางคนที่เป็นอัศวินก็ทําให้มันมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาเป็นของเคานต์โมนาร์ช และแน่นอนว่าเขากําลังหมายตาดินแดนแห่งนี้
.
 
“เห้ย! ไอ้เหี้ยนั่น!”
 
ในวินาทีนั้น ไม่มีใครตําหนิลุคอีกต่อไปเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา
 
เช่นเดียวกับฮานส์ เขาพยายามจะรับมือกับสถานการณ์อย่างสงบที่สุดเท่าที่จะทําได้
 
“ถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็มีเป็นไปได้สูงมาก ที่เคานต์ทโมนาร์ชจะแว้งกลับมากัดนายน้อยของเราอีกครั้ง”
 
“เขาพึ่งล้มเหลวในการลอบสังหารครั้งเดียว แต่ครั้งต่อไปอาจเป็นสงครามแย่งชิงดินแดน”
 
แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถทําสงครามอาณาเขตได้ตลอดเวลา
 
ในการประกาศสงครามต้องมีเหตุผลและได้รับอนุญาตจากสภาจักรพรรดิ
 
อย่างไรก็ตาม หากเป็นขุนนางใหญ่เช่นเคานต์โมนาร์ชที่มีรายชื่อติดต่อ ยิ่งผนวกกับความจริงที่เขาเป็นเชื้อราชวงศ์ด้วย พวกเขาก็อาจจะสามารถทําเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ได้
 
“ในเมื่อสงครามนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเราก็ไม่ควรที่จะรับผู้ลี้ภัยเพิ่มอีก”
 
ดิกสันพยักหน้าให้กับคําพูดของคนรับใช้คนหนึ่ง
 
“ข้าเห็นด้วย เราต้องใช้เงินเป็นจํานวนมากเพื่อเลี้ยงพวกเขาหลายพันตน แล้วเราจะสามารถใช้จ่ายเงินกับพวกเขาได้ยังไงกัน ในเมื่อเราก็ต้องเตรียมตัวสําหรับทําสงคราม?”
 
เป็นความจริงที่ว่าดินแดนแห่งนี้ต้องการผู้คนมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่เมื่อเผชิญกับวิกฤตจะมีปัญหาร้ายแรงได้หากพวกเขารับผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนในเวลาที่พวกเขาไม่มีเงินทุนรองรับ
 
“ผู้ลี้ภัยจะกลายเป็นฝูงชนหากไม่ได้รับการแก้ไขความต้องการขั้นพื้นฐาน เราอาจจะล้มละลายก่อนที่จะได้ทําสงครามกับเคานต์โมนาร์ชอีก”
 
เมื่อทุกคนได้ยินคําพูดของดิกสันที่ดูเหมือนจะถูกต้อง ความวิตกกังวลก็เริ่มพุ่งออกมจากใบหน้าของเหล่าคนรับใช้อีกครั้ง
 
“ท่านจะไม่คัดค้านการรับผู้ลี้ภัยหากปัญหาเรื่องเงินได้รับการแก้ไขใช่ไหม”
 
“ แน่นอนว่าเนื่องจากเราต้องการประชากรจํานวนมากขึ้นเพื่อให้ที่ดินอยู่รอด อย่างไรก็ตามเรามีเพียงพอที่จะผ่าน…”
 
ครั้งหนึ่งพวกเขาได้ยินว่าลอร์ดหนุ่มของพวกเขาครอบครองมากกว่า 100,000 เปโซ
 
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาพวกเขาได้รับแจ้งว่าเงินเหล่านี้ถูกนําไปใช้ในการเตรียมการสร้างหอคอยเวทมนตร์และเงินส่วนที่เหลือถูกนําไปใช้เพื่อซื้อกิกันท์ตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว
 
“ข้าหวังว่าเงินที่ถูกใช้ไป จะสามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเราได้”
 
“ได้สิ ข้าจะให้ความปรารถนานั้นแก่เจ้าเอง!”
 
ลุคเปิดประตูห้องและเดินเข้าไปราวกับว่าเขากําลังรอให้ดิกสันพูดจบ
 
เขาเดินไปตรงกลางห้อง และก็แกล้งทําของตกตรงหน้าพวกเขา
 
“นั่น…นั่น !”
 
“นั่นมันทองคําไม่ใช่เหรอ”
 
วัตถุทรงสี่เหลี่ยมที่วางอยู่บนโต๊ะส่องแสงเป็นประกาย
 
คนรับใช้ทุกคนต่างมองไปที่วัตถุชิ้นนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
 
แม้ว่าขนาดของทองคําจะไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะหนักประมาณ 10 กิโลกรัม
 
“ทั้งหมดนี้มาจากไหนกัน”
 
ดิกสันกล่าวพร้อมกัยดวงตาที่เบิกกว้าง
 
เป็นความรู้ทั่วไปว่าทองคําแท่งขนาดใหญ่นั้นจะพบได้เฉพาะในธนาคารของจักรวรรดิและในห้องใต้ดินของราชวงศ์
 
“มันมาจากไหนไม่สําคัญ ที่สําคัญคือเจ้าสามารถทําตามที่เจ้าพูดไว้ได้จริงหรือเปล่า”
 
“ใช่แน่นอน”
 
“พวกเจ้าก็ด้วยเหรอ”
 
“ใช่แล้ว”
 
คนรับใช้ทั้งหมดพยักหน้า และลุคก็พาพวกเขาไปที่ปราสาทราชาปีศาจ
 
“ นายท่าน ทําไมท่านถึงพาเรามาที่นี่กัน?”
 
“พวกเจ้าจําตอนที่ข้าซื้อวัสดุก่อสร้างจากบริษัทการค้า ฮาเดสเมื่อวันก่อนได้หรือไม่”
 
“ใช่ ท่านคิดว่าปราสาทราชาปีศาจนั้นเก่าเกินไปและคิดจะซ่อมมัน”
 
“ถูกแล้ว ข้ามองไปรอบๆเพื่อดูว่าต้องซ่อมอะไรบ้าง และแล้วข้าก็พบเข้ากับกล่องที่ตกลงมาจากเพดานของปราสาท”
 
” กล่อง?”
 
“ใช่ ข้าก็ไม่รู้ว่าทําไม แต่ข้าเปิดกล่องออกมา ข้าก็พบเข้ากับแท่งทองคําละแท่งเงินจํานวนมากตามที่เจ้าเห็น”
 
“สึก!”
 
เขาไม่แน่ใจว่ากล่องใหญ่แค่ไหน แต่ดูกสันก็คิดว่าต้องมีราคาอย่างน้อยหลายหมื่นเปโซ
 
ทองคําแท่งทาลุคได้แสดงให้พวกเขาเห็นนั้นก็มีมูลค่ามากกว่า 3,000 เปโซแล้ว
 
“นายท่านโปรดแสดงมันออกมาให้หมดเลย”
 
ด้วยการกระตุ้นจากดิกสัน ลุคจึงพาพวกเขาไปหลังปราสาท
 
มันมีกําแพงที่สร้างเสร็จแล้วครึ่งหนึ่งและมีการขุดพื้นด้านล่าง
 
“กล่องอยู่ที่ไหนกัน”
 
“มันซ่อนอยู่ที่นี่”
 
ลุคนํากล่องที่มีขนาดใหญ่และหนักออกมาจากอีกด้านหนึ่ง
 
กล่องโบราณใบนั้น เต็มไปด้วยแท่งทองและแท่งเงินที่ดูเหมือนกับแท่งทองคําที่ลุคแสดงก่อนหน้านี้
 
“โอ้พระเจ้า!”
 
“เจ้าหน้าที่การเงินนี่มันจะมีมูลค่าเท่าไหร่กัน”
 
หนึ่งในคนรับใช้มองเข้าไปในกล่องและสงสัย
 
ดิกสันตอบด้วยเสียงสั่น
 
“ข้าคิดว่ามันจะต้องมีอย่างน้อย 100,000 เปโซ”
 
“ .. 100,000 เปโซ!”
 
แต่ความประหลาดใจของพวกเขายังไม่จบเพียงแค่นั้น
 
ลุคแสยะยิ้มและพูดว่า
 
“มันยังมีอีกสามกล่องที่ถูกฝังอยู่”
 
“ฮิวว!?”
 
300,000 เปโซนั้นเทียบเท่ากับงบประมาณประจําปีของตระกูลรากันต์ 3 ปี และตอนนี้มันกําลังถูกฝังอยู่ใต้ดิน!
 
“ใครจะไปคิดกัน?”
 
“ใครกัน? หรือจะเป็นราชาปีศาจเซย์ม่อนที่เป็นคนฝังสมบัติพวกนี้”
กล่องนั้นมีตราของกองกําลังแห่งความมืดที่ใช้โดยเซย์ม่อนประทับอยู่
 
และกล่องที่มีทองคําและเงินอยู่ในนั้น ก็มีร่องรอยของดินที่ดูเหมือนว่ามันถูกฝังมานานหลายปีพร้อมกับเชื้อราและสนิม
 
บางทีเซย์ม่อนอาจจะฝังมันไว้ให้ตัวเองหรือครอบครัวเพื่อใช้ในภายหลัง
 
อย่างไรก็ตามนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะเขาเสียชีวิตด้วยเงื้อมมือของรากันต์
 
คนรับใช้ทั้งหมดต่างก็เชื่อคําพูดของลุค
 
จริงๆแล้วแท่งทองและเงินถูกสร้างขึ้นในเวิร์คช็อปเมื่อวันก่อนและกล่องก็เป็นกล่องเก็บตัวอย่างที่อยู่ในเวิร์คช็อปเหมือน
 
แม่พิมพ์ก็ทําโดยใช้ตัวอย่างจากเวิร์คช็อป
 
“เราใช้สิ่งนี้ได้ไหม”
 
“เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชนะจะปล้นผู้แพ้ไม่ใช่หรือ? และจากมุมมองในสถานการณ์แบบนี้ มันก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยึดครอง!”
 
เมื่อได้ยินคําถามของคนรับใช้ ดูกสันก็เริ่มอธิบาย
 
“ท่านคิดอย่างนั้นเหรอ? แต่ถ้ามันมีคําสาปของปีศาจ
ล่ะ?”
 
” หุบปาก! เราจะเอาชนะคําสาปเหล่านั้น! สิ่งที่เราไม่รู้จักจะน่ากลัวสักแค่ไหนกัน!”
 
มีสุภาษิตโบราณว่ากันว่า “ทองคําเปลี่ยนคน”
 
นั่นหมายความว่ามนุษย์จะตกหลุมรักวัตถุอย่างแน่นอนและมันก็เป็นความจริง
 
ดิกสันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังฝ่าตีนใน 1 วินาที
 
ก่อนหน้านี้ รอบตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยปัญหามากมาย แต่ตอนนี้เขากลับสามารถยืนหยัดต่อสู้เยี่ยงอย่างนักรบได้เพราะทองคํา
 
“ไม่ใช่แค่ราชาปีศาจเท่านั้น ต่อให้มันเป็นพ่อหรือเป็นปู่ของราชาปีศาจมาทวงคืน ข้าก็จะไม่ยอมมอบมันให้แน่นอน ตอนนี้มันเป็นของพวกเรา มันเป็นของตระกูลรากันต์!!”
 
อึม ผู้ชายคนนี้ก็มีด้านที่โหดร้ายเหมือนกัน!”
 
พ่อมดซึ่งเดิมถูกเรียกว่าปีศาจ ตอนนี้กลับได้รับความชื่นชมจากดิกสัน
 
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการค้นพบเงินทุนทางทหารที่ถูกซ่อนไว้ โดยราชาปีศาจในอดีตทําให้พวกเขาสามารถยอมรับผู้ลี้ภัยได้แล้ว
 
และแม้ว่าลุคจะไม่ขอร้องพวกเขา แต่เหล่าคนรับใช้ก็ยอม
รับ
 
แน่นอนว่าแผนเริ่มจะสอดคล้องกับสิ่งที่เขาคุยไว้กับเรย์น่ามากขึ้นแล้ว…

Emperor of Steel

Emperor of Steel

กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด “ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!” ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset