Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 9 มุ่งหน้าสู่ลาเมอร์ (4)

บทที่ 9 มุ่งหน้าสู่ลาเมอร์ (4)
“ทั้งหมดหยุดเดี๋ยวนี้!” หลังจากได้ยินเสียงอันไพเราะ เหล่าทหารก็หยุดการกระทำของพวกเขาทั้งหมดทันที
ไม่นานนักผู้หญิงที่เป็นเจ้าของเสียงก็เดินออกมาตรงหน้าของเหล่าทหาร ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเธอดูเป็นอะไรที่ไม่เข้ากับชุดสวยๆที่เธอสวมใส่
ลุคดูค่อนข้างแปลกใจเมื่อเขาได้เห็นหน้าเจ้าของเสียง มันไม่ใช่เพราะความสง่างามของเธอที่ทำให้เขาตกใจ แต่มันเป็นเพราะใบหน้าของเธอที่มีความคล้ายคลึงกันกับหญิงสาวที่เขารู้จัก
“คาธารีน่า?”
เธอคือคนที่ลุคมีความคุ้นเคยและรู้จักเป็นอย่างดี
ย้อนกลับไปเมื่อ 500 ปีที่แล้ว ในตอนที่ลุคยังทำงานอยู่ในหอคอยเวทมนต์เวอร์ริทัส เขาได้พบกับหญิงงามคนหนึ่ง เธอมีนามว่า คาธารีน่า แองเจลโล่ เธอเป็นนักเวทย์ขั้น 2 ที่เข้ามาในหอคอยเพื่อฝึกงาน
คาธารีน่านั้นเกิดมาในฐานะลูกนอกสมรสของขุนนาง และตกหลุมรักลุคไม่นานหลังจากได้พบกับเขา
ทั้งสองมักจะออกไปเที่ยวด้วยบ่อยๆกันในช่วงวันหยุดพักผ่อนของพวกเขา และในช่วงเวลานั้นเองที่พวกเขาได้พบกับหนังสือเวทมนตร์แห่งความมืดในซากปรักหักพังโบราณ
แต่พวกเขาทั้งสองก็ได้ใช้พลังในการผนึกเวทมนต์แห่งความมืดเอาไว้ สิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาทั้งคู่คือการผจญภัย ไม่ใช่มนต์ดำต้องห้าม
พวกเขาทั้งคู่มีความฝันที่เรียบง่าย นั่นคือการได้แต่งงานกัน ละทิ้งหอคอยเวทมนต์และเปิดร้านของขายวิเศษเล็กๆในเมืองเล็กๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
แต่แล้ว…
“ไอ้สัตว์ร้ายพวกนั้นมันก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป..”
แม้ว่าเธอจะสวมเสื้อผ้าที่ดูเก่าซอมซ่อซักแค่ไหน แต่ความงดงามของเธอก็ยังคงเปล่งประกายออกมา
และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนมากมายต้องการที่จะได้เธอมาครอบครอง
ดยุกบาล็อคที่ยังอยู่ในอาณาจักรลีเบียย่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เขามาที่หอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสเพื่อดูเธอ สิ่งนี้ทำให้ไอ้เลวเมส์เตอร์ อาร์ซีน ที่อยากจะเป็นใหญ่เป็นโต ได้เสนอให้เธอไปเป็นนางสนมของดยุกโดยที่ไม่ฟังความคิดเห็นของเธอแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดคาธารีน่าก็ถูกขายให้กับดยุกบาล็อค และได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายก่อนวันแต่งงานของเธอกับเขา
ในช่วงเวลานั้นลุคได้ถูกสั่งให้ไปทำงานในต่างพื้นที่ เขาจึงไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องของคาธารีน่า และเมื่อเขากลับมาเชาจึงได้รู้ว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะไปช่วยเธอ เหตุการณ์นี้ทำให้เขาหมดเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
และนั่น…
ทันใดนั้นหญิงสาวที่ลุคเคยตกหลุมรักก็ได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกับเด็กเหล่านี้กัน? พวกเจ้าไม่อายกันบ้างรึยังไง? พวกเจ้ายังมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ไหม?”
“นั่น.. พวกเราแค่ทำตามคำสั่ง..”
หัวหน้าทหารยามรู้สึกอับอายในขณะที่โดนหญิงสาวต่อว่า แม้ภาพลักษณ์ของเธอจะดูเป็นผู้ดีสักแค่ไหน แต่การแสดงออกของเธอตอนนี้มันก็สวนทางกันเป็นอย่างมาก
“นั่นมัน…” ในขณะที่ลุคกำลังมองดูเธออย่างเงียบๆ ฟิลิปก็พูดขึ้นมาว่า
“นี่ข้ากำลังมองเธออยู่จริงๆเหรอเนี่ย”
“เจ้ารู้จักผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นเหรอ?” ลุคหันไปถาม
“นายน้อยสนใจนางอย่างนั้นเหรอ? ข้าเข้าใจ ผู้ชายเราก็สนใจสาวงามแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ” เมื่อพูดเสร็จฟิลิปก็เริ่มอธิบายต่อ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับนาง แต่ข้าเคยได้ยินข่าวลือมาว่า เมืองลาเมอร์มีนักบุญสาวรูปงามอยู่คนหนึ่ง”
“ นักบุญ?”
“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าลำพังแค่คำพูดกับตัวอักษรจะอธิบายถึงความงามของนางไม่ได้เลยจริงๆ”
“ขอบคุณพระเจ้า..”
ฟิลิปไม่เข้าใจว่าทำไมลุคถึงแสดงท่าทีแบบนั้น
“อย่างไรก็ตามชื่อของเธอคือ เรย์น่า  เพโตรน่า คิริลลอฟ และดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะเป็นเพียงขุนนางธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่เจ้าหญิงอีกต่อไปแล้ว”
“เจ้าหญิง? ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมถึงไม่มีคนคอยอารักษ์เธอเลยละ?”
“เพราะประเทศนั้นล่มสลายลงไปแล้ว”
เจ้าหญิงเรย์น่าเป็นพระธิดาเพียงองค์เดียวของกษัตริย์เพโตรที่ 2 แห่งอาณาจักรโวลก้า
จนกระทั่งเมื่อ 15 ปีที่แล้ว อาณาจักโวลก้าได้เกิดการปฏิวัติขึ้น
มันทำให้กษัตริย์พลอเต้อร์ที่ 2 และลูกน้องคนสนิทอีกสสองสามคนต้องก็หลบหนีไปยังจักรวรรดิบาล็อคที่อยู่ใกล้เคียง
“ในลาเมอร์แห่งนี้ยังมีผู้อพยพที่มาจากโวลก้าและอาณาจักรใกล้เคียงอีกไม่น้อย และในฐานะของผู้ลี้ภัย มันทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาจึงต้องทำงานอย่างหนัก”
ในตอนแรกทางจักรวรรดิได้ให้เงินทุนตั้งต้นชีวิตใหม่กับเหล่าผู้ลี้ภัย แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็เริ่มถอยห่างจากผู้ลี้ภัยเหล่านั้นและในท้ายที่สุดทางจักรวรรดิก็ได้ละทิ้งและเมินเฉยต่อพวกเขา
“ไม่มีพวกขุนนางหรือคนจากจักรวรรดิมาช่วยเหลือพวกเขาเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“แทนที่จะช่วยเหลือ ทางจักรวรรดิกลับมองว่าคนเหล่านี้เป็นภาระซะมากกว่า หากอาณาจักรโวลก้าไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิบาล็อค พวกเขาก็คงจะโดนขับไล่ออกไปนานเล้ว”
กษัตริย์พลอเต้อร์ที่ 2 ที่ยังไม่สามารถลืมความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโวลก้าได้ลง ก็จะไปเยี่ยมเยือนในบางครั้งที่มีโอกาส
จักพรรดิรูดอล์ฟแห่งจักวรรดิบาล็อกนั้นยืนกรานให้เหล่าราชวงศ์ที่ลี้ภัยมาสามารถย้ายไปตั้งต้นใหม่ที่ลาเมอร์ได้
“จริงๆแล้วสาเหตุที่ทำให้พวกเขามาอยู่ที่นี่ได้ก็เป็นเพราะ ทางจักรวรรดิรำคาญที่จะให้พวกเขามาอยู่ใกล้ๆกับตน”
และเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในตอนที่จักรวรรดิได้พ่ายแพ้ในสงครามการปกป้องโวลก้า โอกาสที่จะฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ก็ได้หายไปและในสองปีถัดมา กษัตริย์พลอเต้อร์ก็ได้สิ้นพระชนม์ลง
และเป็นเหตุผลให้เหล่าผู้บี้ภัยกระจัดกระจาแยกย้ายกันออกไป
มีข่าวลือหลายแห่งที่กล่าวว่าเชื้อพระวงศ์ของโวลก้าก็ได้หายไปจากประวัติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าหญิงเรย์น่าก็ยังไม่มีแผนที่จะยอมแพ้
เธอขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดของราชวงศ์เพื่อนำเอาเงินมาแจกจ่ายให้กับเหล่าผู้คนที่ลี้ภัยและจัดหางานให้กับพวกเขา
เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอมีเวลา เธอจะไปที่ค่ายผู้ลี้ภัยและช่วยงานอาสาสมัครที่นั่น
“ผู้คนในลาเมอร์ต่างก็ยกย่องเจ้าหญิงว่าเปรียบเสมือนกับนักบุญ เพราะเธอไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเท่านั้นแต่เธอยังช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยและผู้ยากไร้ของจักรวรรดิอีกด้วย การกระทำขอองเธอได้กลายเป็นข่าวลือไปทั่วทั้งทางใต้และทำให้เธอเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง”
“เธอยังคงเหมือนเดิมจริงๆ..”   ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอนั้นคงมีแค่หน้าตาที่คล้ายคลึงกับคนรักเก่าของเขาเท่านั้น แต่ในตอนนี้การกระทำของเธอก็ไม่ต่างไปจากคนรักเก่าของเขาเลย คาธารีน่าเองก็มักจะไปช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังลำบากอยู่เหมือนกัน
“ไปบอกเจ้านายของเจ้าซะ ว่าถ้าต้องการพัฒนาลาเมอร์แห่งนี้ ก็จงเหลียวมองไปยังชาวเมือง ไม่ใช่ปัจจัยภายนอก”
ในขณะที่ลุคยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่นิ่งๆ เรย์น่าก็สามารถไล่พวกทหารยามไปได้สำเร็จและเข้าไปดูเด็กๆ
“เจ้าเจ็บมากไหม?”
“ข้าไม่เป็นอะไรมาก ต้องขอบคุณพี่ชายคนนั้น”
หญิงสาวฉีกชุดของเธออกมาและนำมาพันแผลให้กับเด็กและจึงเดินออกมา  เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินมาทางเขา ลุคก็เริ่มใจเต้นแรงอย่างไม่สามารถควบคุมได้
และในจังหวะที่เธอมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็ถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว
“พลังงานนี้…?”
พลังนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าโดนอะไรบางอย่างเข้าครอบงำ มันเหมือนกับโลกทั้งใบหายไป และในจังหวะที่เขาสงบสติอารมณ์ได้ เรย์น่าก็เริ่มทักทายเขาอย่าฃสุภาพ
“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือพวกเด็กๆไว้”
“อ่า ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรมากนักหรอก”
ลุคผายมือลงอย่างถ่อมตน หลังจากนั้นก็มีชายชราสองคนวิ่งตรงมาหาหญิงสาว
“เจ้าหญิง ท่านมาทำอะไรในที่แบบนี้กัน?”
“ตอนนี้ท่านต้องเริ่มออกเดินทางได้แล้ว ไม่อย่างนั้นท่านจะไปไม่ทันนัดกับท่านอังเดรย์นะขอรับ”
ขณะที่ชายชราทั้งสองคนวิ่งมาหาเธอพร้อมทั้งกล่าวเตือน เธอก็เงยหน้าขึ้นไปมองหอนาฬิกาที่อยู่ข้างบน
“โอ้ได้เวลาแล้วอย่างนั้นเหรอ… ข้าคงต้องไปแล้วหล่ะ แล้วจงจำไว้นะว่าระวังพวกลุงนั่นให้ดี”
เจ้าหญิงเรย์น่าโบกมือให้กับเด็กๆ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับคนรับใช้สูงอายุทั้งสอง
ลุคจ้องมองไปยังเรย์น่าจนกระทั่งเธอลับสายตาไป
การปรากฎตัวของเรย์น่านั้นมาพร้อมกับบรรยากาศอันอบอุ่นแบบเดียวกับที่เขาเคยสัมผัสได้จากคาธารีน่า ความรู้สึกนั้นไม่สามารถลบออกไปจากเข้าได้ง่ายๆ
และ..
“พลังงานก่อนหน้านี้มันคืออะไรกัน?” ลุคยิ้มขณะส่ายหัว
ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานอันแปลกประหลาดเมื่อเจ้าหญิงเดินเข้ามาใกล้เขา ลุครู้สึกเหมือนมันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุดของเขา มันเหมือนกับความอบอุ่นที่มาจากอ้อมกอดของแม่อย่างเป็นธรรมชาติ
“แต่มนุษย์เราสามารถสร้างพลังงานแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”
ตามความรู้ที่เขามีมันไม่มีทางเป็นไปได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาส่ายหัว
“ข้าคงจะเข้าใจผิดไปเอง มันเป็นเพราะร่างกายที่เปลี่ยนไปนี่รึเปล่านะ?”
มันไม่มีทางที่พลังงานพวกนี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว  และถ้าเธอยังอยู่ต่ออีกสักหน่อย เขาก็น่าจะสามารถตรวจสอบพลังงานนั้นได้
“นายน้อยเราก็ไปกันเถอะ”
“…นั่นสินะ”
ลุคกลับเข้าสู่ความเป็นจริง
ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดีใจขนาดนี้…
 
 

Emperor of Steel

Emperor of Steel

กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด “ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!” ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset