บทที่ 1024 จะไม่ทำอะไรโง่ๆ
จ้าวจิ้งพยักหน้า ทำหน้ารู้แจ้งทันที “แบบนี้……”
ในบริษัทลู่ซื่อเธอเป็นทนายความที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาทีมทนายความ ปกติในทีมทนายความบริษัทลู่ซื่อบรรดาคนที่คบค้าสมาคมด้วย จะไม่ค่อยมีคนคิดร้ายแบบนี้ ดังนั้นทุกประโยคที่ฉินซีพูด จ้าวจิ้งจำไว้ในสมองอย่างมั่นคง
“แต่ให้เวลาเขาคิดสองวัน เขาจะตกลงใช่ไหม? ” จ้าวจิ้งรู้สึกค่อนข้างกังวล “ถ้าเขากลับไปคิด และตัดสินใจไม่แลกเปลี่ยนข้อมูล จะทำยังไง?”
ฉินซีมีน้ำเสียงหนักแน่น “เขาจะไม่ทำแบบนั้น”
จ้าวจิ้งสงสัย “ทำไมแน่ใจขนาดนี้?”
ปลายนิ้วฉินซีเคาะโต๊ะโดยไม่รู้ตัว “เธอก็พูดเองว่า สิ่งที่เขาจ่ายกับสิ่งที่เขาได้รับเมื่อเทียบกันแล้วมันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับเขา เขาแค่อยากได้อะไรจากเรามากขึ้นอีก ไม่ใช่อยากทิ้งโอกาสที่จะได้รับบางอย่างจากเรา”
จ้าวจิ้งพยักหน้า
อาหารโรงแรมมาถึงแล้ว ทั้งสี่คนทานอาหารจนหมดจด ฉินซีประกาศว่า “วันนี้ตอนบ่ายและวันพรุ่งนี้ไม่มีธุระอะไรแล้ว ถ้าพวกเธออยากออกไปเที่ยว ก็ออกไปได้นะ”
แน่นอนว่าประโยคนี้หลักๆ คือบอกจ้าวจิ้ง ส่วนเสี่ยวเฉินและเสี่ยวหลี่ ต้องมีใครสักคนที่อยู่เป็นเพื่อนฉินซี
เมืองหลินถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงสองสามแห่ง
ไม่คิดว่าจ้าวจิ้งจะโบกมือปฏิเสธ “ไม่ดีกว่า มีเวลาออกไปเที่ยวที่ไหนล่ะ! ฉันยังมีเอกสารราชการอีกสองสามอย่างที่ต้องอ่าน ลูกค้าบางคนมาไม่ได้ ทำได้แค่โทรคุยกัน”
ฉินซียิ้ม ลืมไปว่าจ้าวจิ้งก็เป็นคนที่บ้างานคนหนึ่ง
ฉินซีเองก็ไม่คิดจะออกไป ภาพที่ถ่ายในจุดชมวิวก่อนออกมา เธอยังเลือกไม่เสร็จเลย ก็ต้องสื่อสารกับผู้รับผิดชอบ ยุ่งยากมากๆ ไม่มีโอกาสออกไปไหนมาไหนโดยธรรมชาติ
เมื่อเป็นแบบนี้ จึงลำบากเสี่ยวเฉินและเสี่ยวหลี่ ต้องอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาสองคนที่โรงแรม
แต่พวกเขาสองคนกลับโบกมือ “กว่าเราจะได้หยุดพักผ่อนสองสามวัน ได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่บนเตียงสบายๆ ในโรงแรม มันช่างดีเหลือเกิน”
ฉินซีไม่รู้ว่านี่พวกเขาแกล้งพูดหรือเปล่า แต่ในเมื่อพูดแบบนี้แล้ว เธอก็ไม่สามารถบังคับอะไรได้อีก
……
ครึ่งวันถัดมา ฉินซีใช้ชีวิตสบายๆ ถ้าไม่ต้องทำงานในคอมพิวเตอร์และนอนหลับไม่สนิท ฉินซีเกือบจะมโนว่าตัวเองกำลังออกมาพักร้อน
ในที่สุดเสี่ยวเฉินและเสี่ยวหลี่ก็ได้ลองทานอาหารเช้าแบบตะวันตกของโรงแรมสักครั้ง ฉินซีลองทานหนึ่งคำ สุดท้ายก็ทานอาหารเช้าเต็มรูปแบบอย่างพึงพอใจ
นอกจากทานอาหารแล้ว เธอกับจ้าวจิ้งก็ทำงานในห้องตัวเองเป็นปกติ ออกมาดื่มน้ำเป็นบางครั้ง เห็นเสี่ยวหลี่และเสี่ยวเฉินกำลังเทียบรายการออกกำลังกายในห้องรับแขก บางครั้งก็ได้ยินเสียงจ้าวจิ้งคุยโทรศัพท์ในห้องดังผ่านเข้ามา
เหมือนกับเธอ เสียงจ้าวจิ้งไม่ตรงกับรูปลักษณ์ภายนอกของเธอเลย เสียงเธอฟังแล้วสงบทุ้มต่ำ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าของเสียงนั้นหน้าเด็กจริงๆ
ถึงลู่เซิ่นและฉินซีจะเวลาต่างกันสิบสองชั่วโมงเต็ม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่กลับสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งสองคนโทรหากันทั้งตอนเช้าและตอนเย็น คุยกันเรื่องเล็กน้อย ไม่คุยเรื่องสำคัญ และคุยกันได้นานมาก
แต่ช่วงเวลาสบายๆ แบบนี้มักสั้นเป็นพิเศษ
แทบพริบตาเดียว ก็ถึงเวลาที่ตกลงกับเห้อเสียงแล้ว
ครั้งนี้ ฉินซีไม่ปล่อยให้จ้าวจิ้งไปคนเดียว แต่ไปคุกด้วยกัน
“พอเขาตอบตกลง เธอก็ยื่นคำร้องตรวจสอบให้ฉันได้เลยนะ” ฉินซีตอบอย่างสงบนิ่งมาก ราวกับมั่นใจว่าเห้อเสียงไม่มีทางปฏิเสธ
จ้าวจิ้งมีความมั่นใจเล็กน้อยจากเธอ ตอนเข้าไปพบเห้อเสียง รอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าสายเกินไปที่จะหุบลง
เห้อเสียงเห็นมันอย่างไว
“สาวน้อย อารมณ์ดีมากเหรอ? ” เห้อเสียงยิ้มพูดขึ้น
จ้าวจิ้งส่ายศีรษะ ไม่ได้ตอบ แต่ถามตรงๆ “คุณพิจารณาเสร็จหรือยัง? ฉันมาเพื่อฟังคำตอบของคุณโดยตรง”
เห้อเสียงชี้ขึ้นมา “ในเมื่อเธอเดินมามีความสุขแบบนี้ ต้องมั่นใจว่าฉันจะตอบตกลง”
จ้าวจิ้งยิ้ม “คุณคิดผิดแล้ว ฉันไม่ได้มีความสุขเพราะแน่ใจว่าคุณจะตกลง จริงๆ แล้วฉันจะไม่จำเป็นต้องดีใจกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะฉันแน่ใจว่าคุณจะตกลง ข้อตกลงระหว่างพวกเรา คุณแค่จ่ายนิดเดียว แต่ได้รับเยอะมาก ไม่มีคนฉลาดคนไหนยอมทิ้งโอกาสนี้หรอก คุณเป็นคนฉลาด คงไม่ทำอะไรโง่ๆ”
เห้อเสียงหัวเราะทุ้มต่ำขึ้นมา “ไม่เลว ฉันชอบประโยคนี้ของเธอ ฉันไม่ใช่คนโง่ จะไม่ทำอะไรโง่ๆ ฉันก็เลยไม่ตอบตกลงกับเธอเร็วๆ ยังไงล่ะ”
สีหน้าท่าทางจ้าวจิ้งค่อยๆ เย็นชาลง “คุณต้องการปฏิเสธข้อตกลงครั้งนี้ใช่ไหม?”
เห้อเสียงเล่นนิ้วของตัวเอง ส่ายศีรษะ “ฉันจะกลับไปคิดดีๆ สักหน่อย เมื่อฉันบอกไปว่าอยากลดโทษสามปี เธอตอบตกลงเร็วขนาดนั้น แปลว่าต้องมีหนทางจริงๆ นั่นแหละ ในเมื่อเธอมีปัญญาลดโทษให้ฉันได้สามปี ถ้าอีกสักนิด จะมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก?”
สีหน้าจ้าวจิ้งแย่ลงโดยสมบูรณ์
เธอรู้ตัวในภายหลัง เหตุผลที่ฉินซีอยากให้เธอพูดแค่ลดโทษก่อน เกรงว่าเป็นสิ่งที่ต้องการ เพราะเห้อเสียงเป็นคนที่ได้คืบเอาศอกแบบนี้
ลดโทษสามปียังต่อรอง ถ้าบอกว่าจะพลิกคดีไปตรงๆ เกรงว่าเห้อเสียงมันอาจจะพูดขอเงินก็ได้
“คุณอยากได้นานเท่าไร? ” จ้าวจิ้งพูดอย่างเย็นชา
เห้อเสียงเห็นสีหน้าเธอแย่แล้ว แต่ใบหน้ากลับยิ้มเหมือนเดิม
เขาโบกสี่นิ้วให้กับจ้าวจิ้ง “สี่ปี เธอว่าไง?”
จ้าวจิ้งหรี่ตา
ในเมื่อเธอหลงกลที่ตอบรวดเร็วเกินไปเมื่อคราวก่อน ครั้งนี้เธอจะไม่โดนหลอกอีกแน่นอน
“สามปีครึ่ง” เธอพูดเรียบๆ
เห้อเสียงยังอยากพูดอะไรอีก แต่เธอเพิ่มเสียงสูงขัดจังหวะ “เห้อเสียง นี่คือจุดสิ้นสุดของการต่อรองครั้งนี้ ครั้งที่แล้วฉันก็พูดไปแล้ว วันนี้ฉันมาฟังคำตอบของคุณ ไม่ใช่พูดเรื่องไร้สาระกับคุณ คุณคิดมาสองวันแล้ว ลดโทษสามปีครึ่ง ปกป้องข้อมูลของคุณ ให้คำตอบกับฉัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้”
เห้อเสียงยิ้ม “สาวน้อยรีบอะไรขนาดนั้น? อารมณ์ร้ายเชียวนะ! ได้ๆ ฉันไม่ใช่คนโง่ ฉันเลือกที่จะลดโทษ”
คิ้วที่จ้าวจิ้งขมวดแน่นตอนนี้คลายลงนิดหน่อย
แต่เห้อเสียงพูดขึ้นทันที “แต่ลูกค้าของเธอเป็นใคร ตอนนี้ฉันยังรู้ไม่ได้เหรอ? ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้นะว่าตัวเองจะให้หลักฐานกับใคร?”
จ้าวจิ้งโบกมือ พูดประโยคเดิมกลับไป “คุณรีบอะไรขนาดนั้น?”
เธอลุกขึ้นโทรหาฉินซี
เวลาเยี่ยมพอแล้ว ขั้นตอนก็ทำเสร็จแล้ว ตอนนี้ฉินซีเข้ามาก็ยังไม่ถือว่าสาย
……
เป็นครั้งแรกของฉินซีที่เข้ามาในคุกสถานที่แบบนี้
คุกนี้สร้างขึ้นครึ่งหนึ่งของใต้ดิน แสงแดดภายนอกสามารถส่องเข้ามาในหน้าต่างได้ แต่พอเดินเข้าไปข้างใน กลับรู้สึกถึงความอับชื้นและเศร้าหมองที่ไม่สามารถสลัดออกไปได้
เธอเปิดประตู ตอนเห็นเห้อเสียงนั่งอยู่ตรงข้าม ก็รู้สึกเหมือนกัน
หนึ่งปีในคุก เปลี่ยนคนคนนี้ให้กลายเป็นหนูตัวหนึ่ง บนหน้ามีความเจ้าเล่ห์ที่ไม่สามารถกำจัดออกไปได้