บทที่ 1038 ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ฉินซียังจำเรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันบนถนนได้
เพื่อนฝูงกระดูกซี่โครงหัก การตอบสนองแรกของคนที่ขับรถคือ “จะเกิดเรื่องแย่”
สำหรับเขา ทำงานสำเร็จลุล่วงได้รับเงินก็คือสิ่งสำคัญที่สุด เรื่องพวกพ้องศีลธรรมอะไรนั่นจะวางไว้สองข้าง
คนที่โหดร้ายแบบนี้ ในใจมีแต่ภารกิจ น่าจะกระทำต่อผู้อื่นโหดเหี้ยมมาก
แม้ว่าตนจะข่มขู่เขาได้สำเร็จ เขามีแนวโน้มมากที่จะให้เพื่อนไม่ต้องสนใจเขาเพื่อให้งานสำเร็จ
อาจจะเป็นเพราะความรุนแรงของเขาโดยปกติ เพื่อนอาจจะไม่สนใจชีวิตความเป็นความตายเขาเลย
ข่มขู่เขา เท่ากับถือระเบิดเวลาให้กับตัวเอง
ดังนั้นฉินซีจึงล้มเลิกความคิดที่จะข่มขู่เขา
และคนที่นั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับ เป็นเป้าหมายที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ตัวเขาผอมกว่าคนข้างๆ อย่างเห็นได้ชัด ฉินซีลองนึกย้อนดูดีๆ เหมือนเขาไม่เคยปรากฏตัวที่โรงแรมมาก่อนเลย
นั่นหมายความว่า……เขาน่าจะเป็นคนออกความคิดเห็นมากกว่าคนออกแรง
ไม่โดดเด่นด้านใช้กำลัง จากข้อมูลที่ฉินซีได้มา เขาเป็นคนที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์
เพื่อนของเขาส่วนมากคงไม่ทิ้งเขาไว้โดยไม่สนใจ
ภายในไม่กี่วินาที ฉินซีก็ตัดสินใจ
โชคดีที่คนกลุ่มนี้มัดฉินซีไว้หลวมมาก ภายในเวลาคิดไม่กี่วินาที เธอดิ้นแกะมันออกมาเงียบๆ ตั้งนานแล้ว
ส่วนใหญ่คงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงร่างกายผอม หลังจากถูกโปะยาสลบไป ก็ผ่อนคลายความระมัดระวัง
แต่ก็ต้องขอบคุณความหละหลวมของพวกเขา ถึงได้ให้โอกาสแก่ฉินซี
……
“ขับรถ” ในรถเหลือแค่พวกเขาสองคน ฉินซีไม่ได้วางมีดในมือลง ยังคงวางอยู่บนคอพี่หลิวเหมือนเดิม สั่งอย่างเย็นชา
พี่หลิวกลอกตา “เธอเอามีดจับฉันแบบนี้ ฉันขับไม่ได้……”
“อย่ามาเล่นตุกติกกับฉันนะ” ฉินซีขัดจังหวะเขาด้วยเสียงดุดัน “หรืออยากได้รอยแผลเป็นไว้ที่หน้าอีกข้างเหรอ?”
ปากพี่หลิวกระตุกเงียบๆ ประมาณว่าจะพูดคำสบถอะไรบางอย่าง
แต่เขาก็ไม่กล้าเลี่ยงอีกแล้ว ค่อยๆ ข้ามจากเบาะผู้โดยสารไปยังเบาะคนขับอย่างระมัดระวัง ยื่นมือไปสตาร์ทรถ
“ไปไหน?” พี่หลิวไม่รีบเหยียบคันเร่ง เอ่ยปากถาม ราวกับต้องการเป็นคนขับรถที่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดจริงๆ
แต่ฉินซีมองแวบเดียวก็รู้หมดแล้ว เขาอยากจะยื้อเวลาอีกครั้ง
การถูกบีบบังคับเกิดขึ้นกะทันหัน พวกเขาไม่ได้เตรียมตัวเลย ฉินซีถึงได้ทำสำเร็จ แต่พอผ่านไปสักพักหนึ่ง พวกเขาได้สติกลับมาแล้ว ฉินซีไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนของตระกูลฉินที่อยู่ด้านหลัง
ถ้าพวกเขาออกมา……
ฉินซีหยุดคิด ไม่อยากคิดอีก แค่บอกเป็นนัยๆ ว่าที่มือจะออกแรงเพิ่ม “ไม่ต้องพูดไร้สาระ ออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน”
ใบมีดหลอมรวมกับอุณหภูมิบนร่างกายพี่หลิว เขาไม่รู้สึกถึงความเย็นของโลหะแล้ว แต่ได้ยินคำพูดของฉินซี กลับตัวสั่นอย่างอดไม่ได้
เขาทำได้เพียงเหยียบคันเร่ง หมุนพวงมาลัยหันหัวรถขับไปที่ถนน
……
ตอนที่ซุนจึ้นและเสี่ยวอู๋ลงมาจากรถ ก็ทำหน้าสับสน
คนที่อยู่บนรถสองคันหลังรอการเคลื่อนไหวของพวกเขา ตอนนี้เห็นพวกเขาลงจากรถ ก็เปิดประตูรถและเข้าไปทีละคน “เป็นไงบ้างพี่ใหญ่? คนของตระกูลฉินออกมาส่งมอบใช่ไหม?”
“ส่งมอบกับผีน่ะสิ!” ซุนจึ้นถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างแรง
ตอนนี้มีคนพบว่าสีหน้าเสี่ยวอู๋แปลกๆ ไม่มีใครกล้าแตะต้องสิ่งอัปมงคลอย่างซุนจึ้น พวกเขาหันศีรษะมาถามเสี่ยวอู๋ทีละคน “นี่มันมีเรื่องอะไรเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”
เสี่ยวอู๋ยังคงตัวสั่นนิดหน่อย “พี่หลิวเขา……ถูกผู้หญิงคนนั้นบีบบังคับ”
พอประโยคนี้พูดออกมา ราวกับน้ำหยดลงบนกระทะ ทุกคนก็บ่นและทะเลาะกันทันที
“อะไรเนี่ย? ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? ถูกผู้หญิงบีบบังคับอะนะ?”
“ผู้หญิงคนนั้นสลบไปไม่ใช่เหรอ? ตื่นมาได้ไง?”
“ทำไมเป็นแบบนี้? นี่ถึงทางเข้าประตูตระกูลฉินแล้วนี่? ยังเกิดข้อผิดพลาดได้อีกเหรอ?”
หลายคนต่างแย่งกันพูด สีหน้าซุนจึ้นยิ่งไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆ คำรามอย่างโหดเหี้ยม “หุบปากให้หมด!”
ทุกคนสงบลงทันที
ซุนจึ้นหันศีรษะไปจ้องรถคันนั้นที่พวกเขาเพิ่งลงมา ใบหน้าแววตาหม่นหมองไม่ชัดเจน เอ่ยเสียงทุ้ม “คิดวิธีแย่งรถกลับมา”
เสี่ยวอู๋ค่อนข้างลังเล “แย่ง……แย่งรถ? แต่พี่หลิวยังอยู่ในมือผู้หญิงคนนั้นนะ เธอถือมีดอยู่ในรถ มีดมันคมมาก……”
“ก็ไม่ใช่เพราะขยะอย่างแกหรือไง!” ซุนจึ้นหันศีรษะกลับไปด่า “ถ้าแกไม่ได้วางมีดไว้ตรงนั้น ผู้หญิงคนนั้นมันจะเอามีดไปได้เหรอ!”
เสี่ยวอู๋ถูกด่าจนคอหด ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ซุนจึ้นมองประตูตระกูลฉินหนึ่งครั้ง
คนของตระกูลฉินอาจจะออกมาได้ทุกเมื่อ
คำสั่งนี้ของตระกูลฉิน ตอนที่เขารับมา ก็ไม่ได้เอาจริงเอาจังมาก
ถึงแม้ซุนจึ้นจะอยู่ในแวดวงนี้มานานมาก ก็ไม่ถือว่าเป็นคนที่มีเกียรติหรือชื่อเสียงเลย แต่มือก็เปื้อนเลือดหลายชีวิต ทำธุรกิจ “สกปรก” เป็นเรื่องที่ธรรมดา
ธุรกิจนี้พวกพ้องเขาเป็นคนแนะนำมา หลังจากพวกพี่น้องรามือแล้ว ก็ทำงานเป็นบอดี้การ์ดตระกูลฉิน
พวกพ้องเขาบอกว่ามันง่ายมาก ตระกูลฉินโดนลูกสาวคนโตของฉินซึ่งเทียนจัดการ คนร้ายพาบอดี้การ์ดสองคนและทนายหนึ่งคนหนีไป คนของตระกูลฉินต้องการจับตัวคนเหล่านี้กลับมาเพื่อ “ต้อนรับ” เป็นอย่างดี
สี่คนไม่ใช่เหรอ? ด้านในยังมีผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์สองคน
ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลฉินยังเสนอราคาที่สูงด้วย ทำให้ยากที่จะปฏิเสธ
ซุนจึ้นไม่ลังเลเลยสักนิด รับคำสั่งนี้มาทันที
ตอนแรกเขาวางแผนที่จะไปกับคนสนิทไม่กี่คน แต่เรื่องนี้กลับถูกพี่หลิวได้ยินเข้า
พี่หลิวถือว่าเป็น “ที่ปรึกษาทางทหาร” ของเขา ซุนจึ้นเรียนไม่จบชั้นประถมศึกษา ไม่มีอะไรถมอยู่ในใจเลย เวลาเจอปัญหาใหญ่โต ก็จะให้พี่หลิวเป็นคนให้ความคิด
ครั้งนี้เมื่อพี่หลิวได้ยิน ก็ตัดสินใจขอให้เขาพาพวกพ้องไปอีกหลายคน
“คนที่ฉินซีเอาไปด้วยเป็นบอดี้การ์ดตระกูลลู่” สีหน้าพี่หลิวดูจริงจังมาก “บอดี้การ์ดตระกูลลู่ไม่ใช่คนธรรมดา ส่วนมากเกษียณมาจากหน่วยรบพิเศษ คนอย่างเราจะไปรับมือง่ายๆ ได้ยังไง! ถึงจะมีแค่สองคน ก็ชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด”
ซุนจึ้นโดนเขาโน้มน้าวจนรำคาญ ต้องตอบตกลง พาคนทั้งหมดสิบสองคนไปด้วยกัน
ถึงจะตอบตกลงแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจบอดี้การ์ดตระกูลลู่สองคนนั้นเลย ในใจรู้สึกว่าที่พี่หลิวทำแบบนี้เพราะค่าตอบแทนงานนี้มันสูงมาก อยากให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์จากมัน
ปกติพี่หลิวก็ได้ใจคนอยู่แล้ว ทำเรื่องแบบนี้ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขาเหมือนกัน
ไม่คิดว่าจัดการฉินซีและบอดี้การ์ดหนึ่งคน เขาต้องใช้คนไปมากกว่าครึ่ง และยังต้องเสียอีกสองคนเข้าโรงพยาบาลอีก
เดิมทีคิดว่ามาถึงประตูทางเข้าตระกูลฉินแล้ว งานจะสำเร็จลุล่วงแล้ว เรื่องแบบนี้ดันเกิดขึ้นมาได้จริงๆ
แววตาซุนจึ้นมืดลง
เป็ดที่อยู่ริมฝีปาก เขาไม่ให้มันบินหนีไปหรอก
ส่วนพี่หลิว……เขาชอบดูแลคนอื่นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ครั้งนี้ก็เสียสละตัวเองสักหน่อยสิ ดูแลคนอื่นไง!
ตระกูลฉินก็ไม่ได้บอกว่าต้องการฉินซีตัวเป็นๆ
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เขาก็ตัดสินใจ หันศีรษะไปมองทุกคน พูดขึ้นเสียงดัง “ใครไปแย่งรถคืนมาได้ ฉันให้เพิ่มสิบเปอร์เซ็นต์!”