บทที่ 1045 จำกัดการขยับของเธอ
พี่หลิวดูเหมือนจะเห็นความลังเลของฉินซีในขณะนี้
เขายิ้มอย่างน่ากลัว ปล่อยมือจากการแย่งพวงมาลัย ก้มลงแล้วใช้มือกดคันเร่ง
เสียงรถดังขึ้น –
ของที่บนร่างกายของเธอคลายออก ฉินซีเข้าใจทันทีว่า ที่พี่หลิวแย่งพวงมาลัยมาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่อยากควบคุมรถ แต่ยังอยากจะควบคุมการขยับของเธอด้วย
แต่ด้วยการกระทำของเขาในตอนนี้ ไม่สามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของเธอได้แล้ว
ในขณะนั้น เธอรีบเปิดประตูด้านข้างและกระโดดออกจากที่นั่งคนขับเมื่อรถเร่งความเร็วและขับตรงไปยังสถานที่ก่อสร้าง
รถคันนั้นคำรามไปในอากาศ จากนั้นหัวรถก็พุ่งลงไปยังสถานที่ก่อสร้างโดยมีแท่งเหล็กจำนวนมาก
ฉินซีไม่มีทันตอบสนอง อยู่กับที่มองรถที่พลิกคว่ำ แท่งเหล็กแข็งทะลุหลังคาและทะลุรถเข้าไปในรถ
…
“ฉินซี”เมื่อเสียงคำรามของรถดังขึ้น ลู่เซิ่นก็หยุดอยู่กับที่ชั่ววินาที จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่รถตามอย่างเสียอาการ
ถ้าไม่ได้เห็นมีคนกระโดดลงจากรถ เขาอยากจะรีบเข้าไปในสถานที่ก่อสร้างตามรถด้วยซ้ำ
เมื่อเขาวิ่งใกล้ไป และมองเห็นร่างของบุคคลนั้นได้อย่างชัดเจน เขาค่อยโล่งอกโล่งใจสักที
-คนที่กระโดดลงมาคือฉินซี
แต่เขาไม่หยุดและวิ่งไปข้างหน้าของคนนั้น
ลู่เซิ่นยื่นมืออย่างระมัดระวังยื่น กดไหล่ของฉินซีและกระซิบว่า”ฉินซี”
ฉินซีค่อยๆหันหัวไป เมื่อเงยหน้าเห็นลู่เซิ่น มีความสับสนอยู่ในดวงตา”ลู่เซิ่น”
ปรากฏว่าไม่ใช่ความหลอนทางหูเมื่อเธอกำลังตื่นเต้น
ลู่เซิ่นอยู่ข้างๆเธอจริงๆ
ลู่เซิ่นมองตามทิศทางที่เธอกำลังมองอยู่ และเห็นสภาพที่น่ากลัวของรถ
มีเลือดไหลออกมาจากหลังคารถที่พลิกคว่ำ ไม่ต้องคิดก็รู้เลยว่า เลือดมาจากไหน
เมื่อได้เห็นกับตาว่าคนๆหนึ่งเสียชีวิตที่น่าเศร้าขนาดนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าลู่เซิ่น มีความอ่อนแออยู่ในสายตาของฉินซีเบาๆ
หัวใจของลู่เซิ่นเหมือนจะถูกหยิบขึ้นมา
เขายื่นมือออกมาและกอดฉินซีไว้ในอ้อมแขนของเขา โอบเธอไว้แน่นด้วยแขนของตัวเอง และกระซิบอยู่ข้างหูของเธอว่า “ไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
สายตาของฉินซีจ้องมองตรงไปข้างหน้า โดยไม่ได้ตอบ
เพราะว่าสถานที่ไม่เหมาะสม ลู่เซิ่นกอดฉินซีไว้สักพักก็ปล่อยแล้ว
มองเห็นสายตาที่สัมผัสของฉินซี ลู่เซิ่นแอบเจ็บปวดใจเบาๆ
เขายืนขึ้น ก้มตัวและกอดฉินซีไว้ในอ้อมแขนของเขา เดินกลับจากทางที่เดินมา
ฉินซึ่งเทียนยังยืนอยู่กับที่ ดูเหมือนจะตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขา”ไม่ใช่สิ… เป็นแบบนี้ได้ยังไง … “
เขาแค่อยากจะให้ฉินซีออกมาเอง อยู่ดีๆรถคันนี้วิ่งเข้าไปสถานที่ก่อสร้างได้ยังไง ข้างในมีคนตายไปด้วยใช่ไหม
ฉินซึ่งเทียนไม่เคยทำให้ใครต้องตายโดยตรงเช่นนี้มาก่อน หน้าซีดไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงดี
เมื่อเห็นลู่เซิ่นเดินกลับมา เขาก็อยากจะก้าวหน้าไปโดยไม่รู้ตัว”ลู่เซิ่น คุณว่านี่ … “
แต่ลู่เซิ่นไม่ได้หยุดเดิน เมื่อเดินผ่านเขา แค่พูดเบาๆว่า
“นี่คือปัญหาที่คุณก่อขึ้นมาเอง มีอะไร เดี๋ยวคุยกับตำรวจเองแล้วกัน”
ฉินซึ่งเทียนสีหน้าเริ่มแข็งกระด้าง
เสียงรถตำรวจดังมาจากทางไกล
…
เมื่อฉินซีลืมตาขึ้นอีกครั้ง ต่อหน้าเต็มไปด้วยสีขาวว่างเปล่า
แต่เธอนึกขึ้นได้ทันที ที่ไหลออกมาจากรถ เลือดเต็มพื้นเลย
ดังนั้นมือของเธอจึงสั่นโดยไม่รู้ตัว
เธอขยับ ถึงรู้ว่าเธอยังจับมือของคนอื่นอยู่
ฉินซีหันหน้า เธอกับลู่เซิ่นมองหน้ากันพอดี
มีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของลู่เซิ่น”คุณตื่นแล้วเหรอ”
“อืม”ฉินซีพยักหน้าเบาๆ เปิดปากถึงรู้ตัวว่าเสียงของเขาแหบเล็กน้อย”ทำไมฉันถึงเข้าโรงพยาบาลอีกแล้วละ”
ความทรงจำของเธอยังคงอยู่เธอถูกลู่เซิ่นอุ้มขึ้นไป และกลับไปที่รถของลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นกดกริ่งเรียกยายามนางที่ข้างเตียงและพูดเบาๆว่า”เมื่อวานหลังจากที่ฉันอุ้มคุณขึ้นรถ คุณก็หลับไปทันที ฉันกลัวว่าร่างกายของคุณจะไม่มีอะไร ก็เลยส่งคุณมาตรวจที่โรงพยาบาล”
“งั้น… ฉันนอนหลับนานแค่ไหนแล้ว”ฉินซี ถาม
“ไม่นานเท่าไหร่ เพิ่งจะมืดเอง”ลู่เซิ่นตอบ
ระหว่างที่คุยกัน หมอและนางพยาบาลก็มาถึงวอร์ดแล้ว
เขาถามฉินซีบ้างคำถามและตรวจอีกครั้ง ค่อยหันกลับมาพูดกับลู่เซิ่นว่า”ไม่มีปัญหาอะไรมาก พักผ่อนให้ดีๆก็จะหายแล้วค่ะ”
ลู่เซิ่นพยักหน้ากับหมอ หมอก็เดินออกจากวอร์ดแล้ว
“ฉันเป็นอะไร ทำไมถึงอยู่ดีๆเป็นลมละ”ฉินซีถาม
ลู่เซิ่นยื่นมือออกไปเขย่าเตียงในโรงพยาบาลขึ้น”ไม่มีอะไรมาก แค่เพราะอีเธอร์ในร่างกายของคุณยังไม่ถูกเผาผลาญ อารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง และเส้นประสาทตึงเครียด ดังนั้นเมื่อคุณผ่อนคลาย ก็เลยเป็นลมแค่พักผ่อนสักพัก ก็ไม่มีอะไรมากแล้ว”
ฉินซีพยักหน้า พยายามขยับร่างกาย แต่พบว่ามือซ้ายของเธอถูกปิดด้วยปูนปลาสเตอร์หนา
“นี่ …” เธองง”มือฉันเป็นอะไร”
ลู่เซิ่นดึงผมที่หน้าผากของเธอไปหลังหู พูดเบาๆว่า”เมื่อคุณกระโดดลงจากรถ คุณใช้มือซ้ายเป็นบัฟเฟอร์ซ้ายมือได้รับการกระทบอย่างแรง กระดูกแตก เลยต้องทาปูนปลาสเตอร์”
เสียงของเขาเบาเกินไป ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองเขา ถึงรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
ทัศนคติที่ลู่เซิ่นมีต่อเธอระมัดระวังเกินไป ราวกับว่าเธอเป็นตุ๊กตาที่แตกง่ายๆ
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามเอื้อมมือไปจับมือของลู่เซิ่น
แต่มือซ้ายของเธอถูกปิดด้วยปูนปลาสเตอร์ มือขวาให้น้ำเกลืออยู่ ไม่มีมือว่างเลย
ลู่เซิ่นดูเหมือนจะรู้เธอจะทำอะไร เอามือขวาวางบนมือเธอ
“คุณ … ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้นะ”ฉินซีพูดอย่างลำบาก “ฉันมีอะไรอีก คุณบอกฉันตรงๆได้เลย”
ลู่เซิ่นอึ้งไป ถึงรู้ว่าท่าทีของเขาทำให้ฉินซีเข้าใจผิดแล้ว และยิ้มเบาๆว่า”ไม่มีอะไรหรอก นอกจากมือซ้ายของคุณกระดูกแตก ร่างกายส่วนอื่นไม่มีอะไรเลย หมอให้คุณนอนพักอยู่ในโรงพยาบาลดูการณ์หนึ่งวัน พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”
ฉินซีขมวดคิ้วเบาๆ”ลู่เซิ่น คุณมีอะไรยังไม่บอก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เซิ่นจางลงเล็กน้อย ลังเลสักพักถึงพูดเบาๆว่า “ฉินซี คุณรู้สึกไหมว่า ความทรงจำของคุณ … สูญเสียบางส่วนหรือเปล่า”
ฉินซีขมวดคิ้วแน่นๆ
ความจำเสื่อมเหรอ
เธออยากจะปฏิเสธ แต่ก็หยุดไปเมื่อเธอกำลังจะพูดออกมา
เธออยากจะบอกว่าเธอจำอดีตของตัวเองได้อย่างดี เพื่อนร่วมโต๊ะตอนประถม การแข่งขันกีฬาที่เธอเข้าร่วมด้วยในโรงเรียนมัธยม เพื่อนที่รู้จัดในวิทยาลัย หน้าตาของเพื่อนร่วมงานที่หลายปีที่ผ่านมา เธอจำได้หมด ฉินซึ่งเทียน เหยาหมิ่น หลี่เหวย ฉินหว่าน ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลฉิน อยู่ในสมองของเธอตลอด
เรื่องการเติบโตที่ชัดเจน นั้นไม่เรียกว่าสมบูรณ์เหรอ
แต่แอบมีเสียงเบาๆในจิตใต้สำนึกว่า
ตัวเองจำได้ทุกอย่างจริงๆเหรอ
ใบหน้าของฉินซีมีความสับสนขึ้นมาอีกแล้ว