บทที่ 1049 อยู่เคียงข้างเธอโดยไม่พลาดสายตา
ทั้งสองลุกขึ้นจะเดินออกไปข้างนอก ลู่เซิ่นก็เดินอยู่ข้างๆฉินซี
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองเขา และมีความสงสัยอยู่ในใจของเธอ
เธอรู้สึกเสมอว่า หลังจากครั้งนี้เธอได้รับบาดเจ็บและเข้ารับรักษาในโรงพยาบาล ลู่เซิ่นก็อ่อนโยนกับเธอมาก
ฉินซีเจ็บแค่มือซ้าย แต่ลู่เซิ่นทำเหมือนว่าเธอเป็นตุ๊กตาเครื่องเคลือบ และยืนเคียงข้างเธอโดยไม่พลาดสายตาเลย
เธอจะมีลางสังหรณ์ว่า ความอ่อนโยนอย่างกะทันหันนี้เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของเธอ มันก็เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่คืบหน้าอย่างรวดเร็วของพวกเขาด้วย แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุหลัก
ดูเหมือนว่า … มีเหตุผลอื่นๆ
แล้วเธอก็รู้ว่า ถ้าเธอไปถามลู่เซิ่น ต้องไม่ได้คำตอบแน่
และบางทีคำตอบนี้ … อาจอยู่กับหมอที่กำลังจะพบก็ได้
ลู่เซิ่นไม่รู้เธอคิดอะไรในใจอยู่ เมื่อเห็นเธอเงยหน้าขึ้น เขาก็ก้มหัวลงและยิ้มให้เธอ
……อีกแล้ว
ฉินซีพูดในใจ
หลายวันนี้เขายิ้มกับเธอเยอะเหลือเกิน
เมื่อคนที่เย็นชาอ่อนโยนขึ้นมา มันจะทำให้คนเราไม่ไหวจริงๆ
ห้องทำงานของคุณหมออยู่ไม่ไกล สองคนเดินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว หมอกำลังรออยู่หน้าประตู หลังจากทักทายพวกเขาสองสั้นๆ ก็ให้ฉินซีเข้าไปคนเดียว
ลู่เซิ่นไม่ได้ตามไป เขารู้ว่าการตรวจสอบแบบนี้ไม่สะดวกให้คนอื่นเข้าไป
เขาแค่หันไปนั่งบนโซฟาในพื้นที่นั่งรอ และหยิบเอกสารออกมา
…
ฉินซีเดินเข้าไปในห้อง และประตูก็ค่อยๆปิดไป
เธอมองไปรอบๆ คงเพราะต้องการให้คนไข้ผ่อนคลายโดยเร็วที่สุด และเข้าใกล้กับหมอได้มากขึ้น ห้องทำงานของหมอได้ตกแต่งอย่างอบอุ่น ไม่ใช่สีขาวเย็นเหมือนห้องทำงานอื่นๆ แล้วมีเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ มากมายในโทนสีอบอุ่น
“นั่งลงเลย”
หมอดึงเก้าอี้นุ่มๆออกมา
ฉินซีพยักหน้าและนั่งลง
“เมื่อวานฉันเห็นCTด้านสมองสมองของคุณแล้ว ตอนแรกฉันสงสัยว่าคุณมีความจำเสื่อมบางส่วน เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันมีหลายคำถามที่อยากจะถามคุณ ขอตอบตามความจริงได้ไหม”
หมออายุ50กว่าแล้ว ดวงตาดูอ่อนโยนมาก ไม่มีความก้าวร้าวใดๆ
ฉินซีจ้องดวงตาของเขาและพยักหน้า
“ก่อนอื่น ฉันต้องแน่ใจว่าคุณมีโรคเครียดหลังเกิดบาดแผลหรือเปล่า”หมอถามอย่างอ่อนโยน”เมื่อวานตอนที่คุณเห็นเลือด นึกถึงอะไรบ้าง”
การแสดงออกของฉินซีดูมึนงงเล็กน้อย”เมื่อฉันเห็นเลือด .. มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในหูของฉันค่ะ”
หมอเงยหน้าขึ้น”เสียงกรี๊ดเหรอ”
ฉินซีพยักหน้า
หมอครุ่นคิดอยู่สักพัก ถึงจะพูดต่อว่า”คุณ … เคยเห็นสภาพคล้ายๆกันมาก่อนไหม”
ใบหน้าของฉินซีซีดไป สับสนไปพักหนึ่ง ถึงค่อยๆพยักหน้า”ฉันเห็นกับตาว่า แม่ของฉันกระโดดลงจากตึก … “
สีหน้าของหมอเริ่มจริงจัง”กระโดดจากตึกเหรอ คุณสามารถนึกขึ้นได้มากเท่าไหร่”
ฉินซีพยายามคิด แต่ดูเหมือนจะมีเสียงกรีดร้องเบาๆในหูของเธออีก
เธอขมวดคิ้ว”ฉัน …ฉันนึกขึ้นได้ไม่มาก ฉันแค่จำได้ว่ามีเลือดกองใหญ่อยู่ที่พื้น และมีเสียงกรีดร้องอยู่รอบ ๆ ฉัน ฉันยืนอยู่กับที่และมองทุกอย่าง … “
เหงื่อเย็นๆไหลออกมาจากหน้าผากของเธอ หมอรีบขัดจังหวะการนึกภาพของเธอทันที”โอเค ดื่มน้ำก่อนนะ ไม่ต้องรีบ”
…
ลู่เซิ่นจัดการเสร็จเอกสารที่กองไว้เมื่อวาน และกำลังรับเอกสารของวันนี้อยู่ ก็เห็นประตูห้องทำงานของหมอเปิดแล้ว
ฉินซีตามหมอเดินออกมา หน้าซีดเบาๆ
“ฉินซี”เขาตื่นเต้นขึ้นมา รีบวิ่งเข้าไป
หมอยิ้มและปลอบใจว่า”ไม่มีอะไร เธอแค่ใช้พลังงานนึกภาพมากเกินไป แค่กลับไปทานอาหารกลางวันดีๆก็หายแล้ว”
ลู่เซิ่นมองฉินซีอย่างสงสัย เมื่อเห็นเธอพยักหน้า เขาก็ค่อยๆโล่งใจและถามด้วยเสียงต่ำ “แล้วอาการของเธอ … เป็นอย่างไรบ้าง”
หมอส่ายหัว”นี่คือความเป็นส่วนตัวของคนไข้ ฉันจะบอกง่ายๆไม่ได้ แต่คุณสามารถถามเธอเอง ถ้าเธอยอมบอกคุณ คุณก็จะรู้เอง”
ลู่เซิ่นแทบจะไม่เคยถูกปฏิเสธโดยตรงแบบนี้ สีหน้าไม่ดีขึ้นมาทันที แต่ฉินซีดึงแขนเสื้อของเขา”กลับไปค่อยว่ากันนะ”
ลู่เซิ่นก็เลยพยักหน้าให้หมอและเดินกลับไปที่หอผู้ป่วยกับฉินซี
สองคนกลับถึงที่ห้อง ลู่เซิ่นปิดประตูห้องไว้ เดินไปข้างๆฉินซี และพูดอย่างลังเล”คุณ … รู้สึกยังไงบ้าง”
ฉินซียิ้ม”คุณอยากถามฉันว่า ฉันลืมอะไรหรือเปล่าใช่มั้ย”
ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบ แต่สายตาของเขาชัดเจนมาก
มีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าฉินซี แต่เธอหนีสายตาไป”ใช่ค่ะ หมอแน่ใจว่า ฉัน.. ได้สูญเสียความทรงจำไปบ้างจริงๆ”
สีหน้าของลู่เซิ่นกลายเป็นซับซ้อนทันที
แต่ฉินซีมองไม่เห็น ยังพูดถึงตัวเองว่า”ฉัน…เห็นกับตาว่าแม่ของฉันกระโดดจากตึก แต่ฉันจำเรื่องอะไรของช่วงนั้นไม่ได้เลย คุณแม่กระโดดลงมาจากตึกได้ยังไง ฉันจะปรากฏตัวอยู่ที่นั่นได้ยังไง และเกิดอะไรขึ้นอีกหลังคุณแม่กระโดดลงตึก ฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย ความทรงจำบางส่วนของฉันว่างเปล่า ฉันแค่จำได้ว่าเธอกินยาฆ่าตัวตายด้วยครั้งแรก ฉันพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล และฉันจะไปที่ตระกูลฉินขอคำอธิบายจากฉินซึ่งเทียน ต่อมาก็คืองานศพของเธอแล้ว ระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันจำอะไรไม่ได้แล้ว”
สีหน้าของลู่เซิ่นดูเคร่งขรึม แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ฟังฉินซีพูดต่อ
“ฉันแค่จำได้กองเลือด เลือดที่กระเซ็น เมื่อฉันคิดถึงเรื่องนี้ หูของฉันจะมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันจำได้”มือของฉินซีกำแน่นเป็นกำปั้นโดยไม่รู้ตัว”หมอตัดสิน ฉันคงได้รับการกระตุ้นจากสภาพที่คุณแม่กระโดดลงจากตึก ดังนั้นฉันจึงเป็นโรคเครียดหลังบาดแผล เพื่อป้องกันตนเอง ฉันจึงปิดกั้นความทรงจำในช่วงเวลานั้นไว้”
ลู่เซิ่นยังไม่พูดอะไร แต่เอื้อมมือไปจับมือของฉินซี
มือของเขาอุ่นมาก และอุณหภูมิก็ไหลลงสู่ผิวของเธอเป็นยังถึงเลือด ทำให้เธอสติกลับมาหน่อย
“อีกอย่าง หมอบอกว่าฉันอาจจะไม่ใช่แค่สูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้น”ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองดวงตาของลู่เซิ่น ลังเลอยู่สองสามวินาที และตัดสินใจสารภาพว่า”ฉันมีการกระทำโดยไม่รู้ตัวมากมาย แต่จำไม่ได้ว่าทำไมถึงมี หมอบอกว่านี่อาจเป็นเพราะสภาพจิตใจของฉันไม่มั่นคงพอ จึงมีความทรงจำอื่นๆมาเกี่ยวข้องกัน”
ลู่เซิ่นยกมือขึ้นและจับแก้มของเธอ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “สูญเสียก็ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้คุณดีมากแล้ว”
“ลู่เซิ่น”ฉินซีก็พูดขึ้นมา”หลังจากที่คุณรู้ว่าฉันสูญเสียความทรงจำ จู่ๆคุณก็อ่อนโยนกับฉันมาก เป็นเพราะว่า… ความทรงจำที่ฉันสูญเสียไป มีบางส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า”
สายตาของลู่เซิ่นฉายแววตื่นตระหนกเล็กน้อย ฉินซีอยู่ใกล้กับเขามาก ดังนั้นเขาจึงปกปิดไม่ทัน ถูกฉินซี มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ลู่เซิ่นวางมือลง ยืนขึ้นและถอนหายใจเบาๆว่า”ใช่”
ฉินซีฉลาดกว่าที่เขาคิดอีก และมันไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ
“มันคืออะไร”ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองเขา
ลู่เซิ่นดึงรอยยิ้มที่มุมปากออกมา ส่ายหัว”เดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลกลับถึงรีสอร์ทชิงหยวนจะบอกคุณ”