บทที่ 1051 รักยังไม่ถึงจุดจบ
เมื่อคุณหมอเปิดประตูเข้ามาก็ได้เห็นฉากนี้พอดี
ลู่เซิ่นและฉินซีจับมือกันแน่นราวกับว่าต้นไม้สองต้นที่พันกันยุ่งเหยิงจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้
คุณหมอเองก็พอได้ยินข่าวลือมาบ้างว่าพวกเขาได้หย่ากันแล้วและไม่ใช่สามีภรรยากันอีกต่อไป ที่ลู่เซิ่นมาดูแลเธอก็เพียงเพราะคิดถึงรักครั้งเก่าเท่านั้น
แต่เมื่อได้เห็นท่าทางที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ดูจะแตกต่างจากสิ่งที่ได้ยินมาลิบลับ
เมื่อคิดถึงรักครั้งเก่า ใครเขาเป็นเช่นนี้กัน
หรือแท้จริงแล้วความรักยังไม่ถึงจุดจบ?
คุณหมอยังคงรักษาจรรยาบรรณในวิชาชีพเป็นอย่างดี เขานั่งตรงข้ามทั้งสองด้วยใบหน้าสงบราวกับว่าไม่เห็นอะไร เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง ตัดสินใจได้หรือยังครับ”
ฉินซีพยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบออกมาในทันทีแต่กลับตั้งคำถาม “ถ้าฉันเลือกวิธีหนึ่งไปแล้ว เป็นไปได้ไหมที่จะเปลี่ยนไปใช้อีกวิธีในภายหลัง”
คุณหมอขมวดคิ้วเล็กน้อย“มันเป็นไปไม่ได้ในทางทฤษฎี แต่คุณต้องรู้ว่าทั้งสองตัวเลือกนี้ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง พูดได้ว่า ถ้าคุณเลือกวิธีที่สอง ทุ่มทั้งแรงกายแรงใจในการรักษาจนจบแล้วเปลี่ยนไปใช้วิธีแรก ในขณะนี้อาการปวดตอนรักษาจะไม่บรรเทาลงด้วยการรักษาแบบอื่น แม้จะเป็นไปได้ เพราะเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการรักษาอย่างสมบูรณ์ แต่อาจทำให้ผลจากการรักษาในวิธีที่สองนั้นสูญเปล่า”
เขารู้ว่าการที่ฉินซีถามเช่นนี้ คงเพราะรู้สึกลังเลใจกับวิธีที่สอง
ในฐานะคุณหมอแล้ว เขาไม่ชอบตัวเลือกทั้งสองนี้ แต่ไม่ว่าฉินซีจะเลือกแบบไหนเขาก็จะสนับสนุนทั้งหมด
แต่เขาจำเป็นต้องอธิบายอย่างชัดเจนให้กับผู้มีส่วนได้เสีย
แท้จริงแล้ว เมื่อฉินซีได้ฟังคำพูดของเขา สีหน้าของไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม เธอเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ “แบบนี้ก็ได้ ฉันเลือกวิธีที่สอง ตอนนี้ฉัน…ยังไม่พร้อมจะรับความทรงจำเกี่ยวกับการจากไปของแม่ รอให้พร้อมแล้ว ฉันจะมาหาคุณเพื่อทำตามวิธีแรก ตอนนี้รบกวนคุณเตรียมการรักษาฉันด้วยวิธีที่สองด้วยนะคะ”
คุณหมอไม่ได้ตกใจอะไรเพราะเป็นคำตอบที่เขาคาดเดาไว้แล้ว เพียงแค่พยักหน้ารับ “โอเคครับ งั้นก็รักษาตามวิธีที่สอง ผมจะให้ตารางการรักษาวิธีที่สองกับคุณ คุณก็มาตามเวลาที่ระบุได้เลย หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โปรดติดต่อผมล่วงหน้าแล้วผมจะจัดตารางเวลาใหม่ให้คุณเอง”
ฉินซีพยักหน้ารับ
หลังจากที่ทั้งสองแลกช่องทางติดต่อกันแล้ว ลู่เซิ่นและฉินซีก็ออกจากห้องทำงานไป
ฉินซีกำลังจะเดินกลับห้องพักของตัวเองแต่กลับถูกลู่เซิ่นคว้าไว้
“พ่อบ้านทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้แล้ว ข้าวของในห้องก็น่าจะเก็บเรียบร้อยแล้ว” ลู่เซิ่นพูด “ เรากลับกันได้เลย น่าจะยังทันมื้อเย็นที่บ้าน”
ฉินซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่ว่าชีวิตเธอไม่เคยถูกตามใจมาตั้งแต่เกิด เพราะครั้นเมื่อเธออยู่ในตระกูลฉิน เหยาหมิ่นและคนรับใช้ของเธอดูแลเธอเป็นอย่างดี
เพียงแต่เมื่อเหยาหมิ่นจากไป ส่วนเธอก็ออกจากตระกูลฉินและคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว
คาดไม่ถึงว่าวันหนึ่ง เธอจะได้รับการใส่ใจในทุกๆด้านอีกครั้ง โดยที่ไม่ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ลู่เซิ่นพูดไม่ผิดเลย เมื่อรถของทั้งสองแล่นมาถึงรีสอร์ทชิงหยวน ก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี
เมื่อได้นั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารในรีสอร์ท ฉินซีก็ตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ
เพียงออกไปได้ไม่ถึงสัปดาห์ เมื่อได้ก้าวเข้ามาที่นี่อีกครั้งก็มีความรู้สึกหวนคิดถึงแล้ว
ถ้าหากตัวเองย้ายออกไปจริงๆล่ะ…
ฉินซีเงยหน้าขึ้นสบตากับลู่เซิ่น
เพียงแต่ตัวเอง เกรงว่าคนตรงหน้าเองก็คงจะยอมรับไม่ได้ง่ายๆเหมือนกัน
แต่ฉินซีรู้ดีว่าระหว่างตัวเองและลู่เซิ่นนั้นมีปัญหาอีกมากมายที่ยังไม่ได้แก้ไข
มีความรู้สึกก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่การจะจับมือเดินไปด้วยของทั้งสองคนนั้นยังมีเรื่องวุ่นๆอีกมากมาย
ถ้าไม่ฝ่าขวากหนามเหล่านี้ เกรงว่าทั้งสองคนคงจะไปกันได้ไม่นาน
แต่ถึงแม้จะมีปัญหาให้ต้องแก้อีกมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการได้ลิ้มลองฝีมือเชฟที่ไม่ได้กินมาหลายวันแล้ว
เชฟแสดงฝีมือทำอาหารแสนอร่อยอย่างเต็มความสามารถ เพื่อต้อนรับพวกเขาทั้งสองคน
ฉินซีกินอาหารเพิ่มพลังไปเยอะ จึงต้องออกไปเดินรอบๆรีสอร์ทชิงหยวนเพื่อย่อยอาหาร
และแน่นอนว่าลู่เซิ่นก็เดินตามไปด้วย
แต่ไม่มีโอกาสทั้งสองคนจะได้คุยกันดีๆ ฉินซีเองก็ไม่มีโอกาสได้ถามถึงที่ลู่เซิ่นรับปากว่าจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
เพราะเสียงโทรศัพท์ของฉินซีดังขึ้น
สายที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์แปลก
เมื่อวานนี้ฉินซีเพิ่งเจอกับเรื่องราววุ่นวายมากมาย ดังนั้นเมื่อเห็นสายจากคนแปลกหน้า เธอจึงตื่นตัวทันทีพร้อมกับกดวางสาย
เธอคิดว่าสายที่โทรเข้ามาน่าจะเกี่ยวข้องกับคนตระกูลฉิน
แต่ว่าคนที่โทรมากลับไม่ยอมแพ้ง่ายๆกลับโทรเข้ามาไม่ยอมหยุด
ฉินซีรู้สึกรำคาญมากจนต้องรับโทรศัพท์และคิดจะต่อว่าอีกฝ่าย หากแต่เธอคาดไม่ถึงว่าเสียงจากเบอร์แปลกนี้จะเป็นเสียงที่คุ้นเคย
“ฉินซี! อย่าวางนะ ฉันเอง หซู่หนาน”
ฉินซีนิ่ง “หซู่หนาน?”
ลู่เซิ่นที่อยู่ข้างฉินซีหยุดฝีเท้าทันที หันหน้าไปมองเธอ
ฉินซีรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาขอเขา ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ยินชื่อหซู่หนานมานานมากแล้ว
ถนนที่ฉันเคยเดินกับหซู่หนานในโรงเรียน หลังจากที่ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมาแล้วทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องราวในชีวิตเมื่อชาติที่แล้ว
ทั้งสองต่างเดินห่างไกลกันออกไปในคนละทิศทาง ฉินซีจำรูปลักษณ์ของหซู่หนานไม่ได้แล้ว
และตอนนี้ข้างกายของเธอก็มีที่พึ่งที่สามารถพึ่งพาได้แล้ว
ลู่เซิ่นเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอพลางยื่นมือมาจับมือเธอไว้
“ฉันเอง!” หซู่หนานรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินการตอบรับของฉินซี “ฉันโทรหาเธอหลายสายเลย นึกว่า…เธอจะไม่รับโทรศัพท์ฉันแล้วซะอีก”
ฉินซีเลิกคิ้วขึ้น
ถ้ารู้ว่าเป็นหซู่หนาน เธอจะไม่มีทางรับเลยจริงๆ
แต่เธอเองก็รู้ว่านี่เป็นวิธีที่หซู่หนานใช้ในการไต่เต้าขึ้นมาเป็นใหญ่ได้
เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าตัวเองบล็อคเบอร์เขา ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเบอร์อื่นโทรเข้ามา
แต่เธอขี้เกียจเกินกว่าจะเสียเวลากับหซู่หนานจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา “นายมีอะไรก็พูดมาเถอะ”
เสียงของหซู่หนานอ้อยอิ่ง “คือว่า…ฉัน ฉันกับฉินหว่านจดทะเบียนกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่ไม่มีเวลาได้บอกเธอ”
ฉินซีเลิกคิ้ว แต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ
เธอคิดว่าตราบใดที่เป็นคนฉลาด ก็จะมองออกว่าตอนนี้ตระกูลฉินกำลังตกที่นั่งลำบาก
แล้วทำไมหซู่หนานถึงยังเลือกเอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย
แต่นี่เป็นทางที่หซู่หนานเลือกเอง ฉินซีไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระจึงตอบกลับอย่างเฉยเมย “ยินดีด้วย ถ้ามีเรื่องแค่นี้ งั้นฉัน .. ”
“เดี๋ยว!” หซู่หนานที่เห็นว่าฉินซีจะวางสายก็รีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเธอ…”
เมื่อพูดประโยคหลัง เสียงของเขาก็เบาลง
ฉินซีฟังไม่ชัดจึงถามออกไป “เรื่องอะไรนะ นายพูดว่าอะไร”
แต่ทันทีที่เธอถามออกไปก็ได้ยินอีกเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“นายมัวแต่อ้ำๆอึ้งๆแล้วเมื่อไหร่จะรู้เรื่อง!เอาโทรศัพท์มานี่!”