บทที่ 1054 ฟ้องมันให้ย่อยยับ
ไม่นาน จ้าวจิ้งก็มาถึง
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรีสอร์ทชิงหยวนจำรถของตระกูลลู่ได้และให้รถตรงเข้าไปในอาคารหลัก
จ้าวจิ้งลงจากรถพลางมองไปรอบๆ เธออ้าปากค้างสีหน้าประหลาดใจ “พี่ฉินซี บ้านของพี่…หรูหรามาก”
ฉินซียิ้มและส่ายหัว “ไม่เท่าไหร่หรอก เข้ามานั่งสิ”
เธอไม่คัดค้านแม้แต่น้อยที่จ้าวจิ้ง เรียกที่นี่ว่า “บ้านของเธอ”
จ้าวจิ้งยื่นตะกร้าผลไม้ในมือให้กับพ่อบ้านและตามฉินซีเข้าไป เธอกวาดสายตาเช็คฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า “พี่ไม่เป็นไรนะ ฉันอ่านข้อความในเน็ตแล้วมันน่ากลัวมาก ถ้าประธานลู่ไม่บอกฉันว่าพี่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ฉันคงกลัวแทบตายเลย”
น้ำเสียงของเธอดูเวอร์เกินจริงจนฉินซีอดที่จะยิ้มไม่ได้ “ไม่เป็นไร แค่มือซ้ายเข้าเฝือก ไม่กี่วันก็หายแล้ว”
จ้าวจิ้งพยักหน้าอย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นว่าสภาพจิตใจและการเคลื่อนไหวต่างๆของเธอปกติดี จึงคลายความสงสัย
เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นจ้าวจิ้งก็เห็นว่าอานหยันนั่งอยู่ในห้อง
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฉินซีอย่างไม่รู้ตัว “พี่ฉินซี…”
ฉินซียิ้มพลางแนะนำ “นี่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน อานหยันเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของนิตยสาร ส่วนนี่คือเพื่อนใหม่ของฉันทนายความจ้าวจิ้ง”
ทั้งสองพยักหน้าให้กัน
ไม่มีใครไม่ช่างพูด โดยหลังจากดื่มชาไปสองถ้วยต่างฝ่ายต่างก็เริ่มคุ้นเคยกัน
หลังพูดคุยกันไปเล็กน้อยจ้าวจิ้ง ก็เริ่มพูดธุระ “พี่ฉินซี ฉันมีเรื่องจะปรึกษาพี่”
ฉินซีพยักหน้า “เธอพูดสิ ไม่เป็นไรหรอก”
จ้าวจิ้งรู้ได้ทันทีว่าที่ฉินซีหมายถึงคือไม่จำเป็นต้องปิดบังอานหยันจึงไม่ลังเลที่จะพูดต่อ “วันนั้นฉันอยู่ที่ศาล ช่วยเห้อเสียงทำตามขั้นตอนการพิจารณาคดี จากนั้นก็สามารถสืบสวนและพิจารณาตัดสินได้ตามขั้นตอนแล้ว พี่…ยังคงวางแผนที่จะพลิกคดีให้กับเขาอยู่รึเปล่า”
ฉินซีเลิกคิ้ว “ตอนนั้นก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะพลิกคดีให้เขา”
อานหยันส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “เห้อเสียงไร้ค่ามากนะ มีเหตุผลอะไรจะไปพลิกคดีให้เขากัน!”
ฉินซียิ้ม “เขาไร้ค่าและก็ติดคุกมาสองปีแล้วเหมือนกัน ฉันเกลียดฉินซึ่งเทียน เขาเป็นคนทำความผิดทุกอย่าง ส่วนเห้อเสียงที่ฉันบอกต้องพลิกคดีเป็นเพราะเขาไม่ได้ฟอกเงินจริงๆ แต่เรื่องให้ความช่วยเหลือฉินซึ่งเทียน ฉันไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่”
อานหยันเงียบ
ฉินซีรู้ว่าเธอไม่คัดค้านแล้ว
สำหรับจ้าวจิ้ง แล้ว ถือว่าฉินซีเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยสมบูรณ์ เธอไม่ได้พูดปฏิเสธเพียงแค่พยักหน้ารับ “โอเค ฉันเตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว ดำเนินการได้ทุกเมื่อ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็จัดการให้เร็วที่สุด” ฉินซีคิดสักพัก “ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ยากลำบากของฉินซึ่งเทียน ให้ไม่สามารถหาเวลามาสร้างปัญหาให้กับเธอ หากล่าช้าแล้วเขาเกิดพบเข้า เกรงว่าจะออกมาสร้างปัญหาอีก”
จ้าวจิ้งพยักหน้า “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
เธอพูดพลางเปิดกระเป๋าเอกสาร “ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ประธานลู่ได้มอบมันให้ฉันโดยเฉพาะ บอกว่าควรส่งหลักฐานเหล่านี้ให้พี่และจะจัดการกับมันอย่างไรขึ้นอยู่กับแผนของพี่”
ฉินซีก้มมอง เห็นเธอหยิบเครื่องอัดเสียงสองสามเครื่องและเอกสารบางอย่างออกจากกระเป๋าของเธอ
เธอนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เอื้อมมือไปเปิดเครื่องบันทึก
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เสียงของฉินซึ่งเทียนก็ดังออกมาจากเครื่องอัดเสียง
“ไงน้องชาย วันนี้ฉันไม่ได้ส่งไปเลย…”
แต่ละส่วนของการบันทึกนั้นใช้เวลาไม่นาน แต่หลังจากที่ฟังจบแล้ว สีหน้าฉินซีและอานหยันดูไม่ดีนัก
เมื่อจ้าวจิ้งได้รับเครื่องอัดเสียงมา เธอก็ตรวจสอบทันที ดังนั้นปฏิกิริยาของเธอหลังจากที่ได้ฟังอีกครั้งจึงไม่รุนแรงนัก
“ไอ้สัตว์ต่ำช้านี่…” ฉินซีกัดฟันกรอดพลางสบถออกมา
อานหยันเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำ “ดื่มน้ำก่อนสิ”
ฉินซีรับแก้วน้ำไปแต่ไม่ได้ดื่มมัน เธอถือมันไว้ในมือและหมุนไปรอบๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมอง จ้าวจิ้ง “ที่ฉินซึ่งเทียนทำแบบนี้ พอจะมีวิธีทางกฎหมายมาเล่นงานเขาไหม”
เห็นได้ชัดว่า จ้าวจิ้งเตรียมพร้อมโดยไม่มีความลังเลใดๆ เธอพยักหน้าทันที “มี!”
วิธีของเธอคือการทำให้ฉินซึ่งเทียนจ่ายเงินชดใช้ให้กับสิ่งที่เขาทำไว้กับเหยาหมิ่น
“ดี” ฉินซีพยักหน้า “งั้นก็ฟ้องมันให้ย่อยยับไปเลย”
ในเมื่อฉินซึ่งเทียนสามารถคิดวิธีแบบนี้มาบีบบังคับให้เหยาหมิ่นจนตายได้ ก็ย่อมมีวันที่เขาต้องจ่ายค่าชดใช้
เนื่องจากเขาให้ความสำคัญกับเงินทองและชื่อเสียงมากที่สุด ฉินซีจึงต้องการทำลายมันทั้งหมด
สูญเสียทุกอย่าง ทนทุกข์อยู่กับชื่อเสียงด้านเลวๆโดยจะตายก็ตายไม่ได้
เธอต้องการให้ฉินซึ่งเทียนมีชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็น
จ้าวจิ้งพยักหน้า แววตาของเธอแสดงออกถึงความตื่นเต้น “โอเค!”
ฉินซีหันไปหาอานหยันที่เงียบพลางพูดเบาๆ “แหล่งข่าวดีๆแบบนี้ เธอต้องการไหม”
อานหยันขมวดคิ้ว “ต้องการให้ลงข่าวงั้นเหรอ”
ฉินซียิ้มมุมปาก “แน่นอน”
อานหยันพยักหน้าอย่างมีความสุข “จะไม่เอาก็น่าเสียดาย”
ทันใดนั้นจ้าวจิ้งก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงหันไปถามอานหยัน “พวกความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตวันนี้ พี่เป็นคนทำเหรอ”
อานหยันผงะพลางส่ายหัว “เปล่า ฉันยังคิดเลยว่าเรื่องที่ลงเป็นเรื่องจริงซะอีก เลยมาดูว่าฉินซียังปลอดภัยอยู่รึเปล่า”
จ้าวจิ้งสงสัย “อ้าว…แต่ฉันคิดว่าความเห็นของคนในเน็ตน่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นและมองไปทางห้องหนังสือ
ถ้าจะมีคนอยู่เบื้องหลังจริง…คนที่มีความเป็นไปได้สูงก็คือลู่เซิ่น
เมื่ออานหยันเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้นมาเบาๆ “ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ”
ฉินซีไม่อายที่ถูกอ่านความคิด แต่มองไปที่อานหยันอย่างจริงจัง “จริงเหรอ”
อานหยันพยักหน้า เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “อันที่จริงแล้วฉันให้คนไปตรวจสอบแล้ว เบื้องหลังคือมีคนจ้างบริษัทพีอาร์ ดูจากท่าทางคนรวยเอาแต่ใจแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นคนจากบ้านของเธอ”
ฉินซีไม่ได้ตอบสนองต่อคำว่า “คนจากบ้านของเธอ” แต่แค่พยักหน้าเบาๆ “โอเค ฉันรู้แล้ว”
อานหยันยังไม่หยุดพูด เมื่อได้พูดถึงสิ่งที่เธอถนัดก็พูดพล่ามออกมาเรื่อยๆ “ก่อนที่เธอจะไปได้ให้ข้อมูลกับฉันไว้ไม่ใช่เหรอ ฉันพบนิตยสารการเงินเล่มหนึ่งรายงานเรื่องนี้และคิดว่าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว แต่หลังจากนั้นฉันได้ยินมาอีกว่าเรื่องราวต่างๆไม่ได้ง่ายอย่างที่ฉันเข้าใจ”
“ฮืม?” จ้าวจิ้งถามด้วยความสนใจ “มีอะไรเหรอ”
เมื่ออานหยันเห็นว่ามีคนสนับสนุน เธอก็ยิ่งพูดออกมา “หัวหน้าบรรณาธิการนิตยสารการเงินที่ฉันพบเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เพราะงั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรที่จะลงข่าวจากที่นั่น ทันทีที่รายงานข่าว ตอนบ่ายผู้สื่อข่าวทุกคนรีบไปที่หน้าประตูของตระกูลฉิน มีภาพคนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เข้าออกตระกูลฉินซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้หลบเลี่ยงนะ เพราะงั้นเลยมีผู้สื่อข่าวหลายคนถ่ายรูปไว้ได้ แต่เมื่อคนพวกนี้ได้ข่าวในคืนนั้น มีบางคนถึงขั้นยินดีซื้อภาพถ่ายในราคาที่สูงเพื่อไม่ให้เอาไปลงข่าว”
ฉินซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เธอไม่รู้จริงว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น” เธออดไม่ได้ที่จะถาม
อานหยันยิ้ม “จากนั้นพวกเขาก็ได้รับข่าวอีกเรื่องหนึ่ง”