บทที่ 1066 เรื่องที่ใกล้จะสำเร็จได้พังทลายลงไป
จู่ๆฉินซีก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องของตัวเอง ลู่เซิ่นก็ไม่ต้องไปๆมาๆระหว่างเมืองหนานเฉิงและที่นี่อย่างลำบากลำบน
แค่ใช้เวลาไปกับการนั่งเครื่องบิน ก็ลำบากมากพอแล้ว
พ่อบ้านเห็นสีหน้าฉินซีดูแปลกๆ รีบพูดออกมาว่า:” โธ่เอ๊ยคุณดูผมสิครับ ทีแรกประธานลู่ไม่ให้ผมพูดนะครับผมปากไวเองแท้ๆ พูดซะหมดเปลือกเลยครับ”
การแสดงของพ่อบ้านดูแข็งกระด้าง ฉินซีเห็นแล้วรู้สึกอยากหัวเราะมาก ก็เลยไม่เปิดโปงเขา เพียงแค่พยักหน้านิ่งๆ และทานไข่ดาวของตัวเองต่อไป
พ่อบ้านพูดอยู่ตั้งครึ่งค่อนวัน ไม่ได้รับการตอบรับจากฉินซี ได้แต่มองดูฉินซีทานอาหารเช้าเรียบร้อยแบบหน้าตาซื่อๆ ให้คนรับใช้คนอื่นออกไป ค่อยพูดอย่างหนักแน่นและจริงจังว่า:” คุณนายครับ คุณนายพักอยู่ที่นี่ก็หนึ่งปีกว่าแล้ว ผมเห็นคุณนายเป็นลูกสาวของตัวเองจริงๆนะครับ เพราะฉะนั้น บางเรื่อง ผมต้องพูดกับคุณนายครับ”
ฉินซีคิดไม่ถึงจู่ๆพ่อบ้านก็ต้องการพูดคุยอย่างเข้มงวดกวดขันแบบนี้ จึงไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าและพูดว่า:”ท่านพูดเถอะ”
พ่อบ้านนั่งลงไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย แต่ว่าสายตาที่มองไปทางฉินซีกลับแหลมคมมาก:” ช่วงนี้ผมได้ยินข่าวลือที่มิดีมิร้ายพูดกันว่า คุณกับประธานลู่หย่าร้างกันแล้ว?”
ในใจฉินซีมีความสับสน แต่ว่าสีหน้ายังคงรักษาความนิ่งเงียบ
ดูสีหน้าท่าทางของพ่อบ้าน น่าจะดูไม่ออกหรอนะ
ฉินซีก้มหน้าก้มตา ลังเลอยู่หนึ่งวินาทีควรจะพูดความจริงไหม
ปิดบังพ่อบ้านมาตั้งนานสองนาน จะทำให้เรื่องที่ใกล้จะสำเร็จพังทลายลงไปหรือ?
แต่ทว่าปิดบังต่อไป จะไม่ยุติธรรมกับเขารึเปล่าน๊า?
เธอก้มหน้าก้มตาอย่างสับสน พ่อบ้านกลับดูออกและเข้าใจแล้ว
เธอมีเรื่องปิดบังอยู่
พ่อบ้านขมวดคิ้วเล็กน้อย:” เรื่องระหว่างสามีภรรยาของพวกคุณ ผมไม่อยากยุ่ง แต่ว่าคุณนายครับ ผมแค่รู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของท่านกับประธานลู่ดีมากทีเดียวแท้ๆ ทำไม………ทำไมถึงได้หย่าร้างกันหรอครับ?”
ฉินซีพูดไม่ออกในชั่วขณะหนึ่ง และไม่รู้ว่าควรจะอธิบายกับพ่อบ้านยังไง
เงยหน้าขึ้นมาเห็นหน้าตาที่เป็นห่วงเป็นใยของเขา เธออดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้
” หย่าร้างกัน…………คุณนายลู่เป็นคนบีบบังคับเอง”ฉินซีลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ยอมเปิดเผยแล้ว “ฉันกับลู่เซิ่นเซ็นใบหย่าเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าตอนนี้เรา…….ต่างรู้สึกว่าต่างคนต่างไปจากอีกฝ่ายไม่ได้ในตอนนี้”
ความจริงลู่เซิ่นไม่เคยพูดว่าตัวเองไปจากฉินซีไม่ได้ แต่ว่าฉินซีรู้สึกว่า การกระทำของเขามากพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเขามีความคิดแบบนี้อยู่
เป็นจริงซะด้วยสิพ่อบ้านฟังอย่างงงๆ:” เพราะฉะนั้นพวกคุณสองคน………….. หย่ากันแล้ว?”
ฉินซีกำลังกัดฟันและพยักหน้า จู่ๆก็นึกถึงคำพูดก่อนจากไปเมื่อวานของอานหยัน
ในเมื่อความรักความสัมพันธ์ที่ลู่เซิ่นมีให้กับตัวเองมากมายและลึกซึ้งขนาดนี้ คำพูดที่เขาพูดกับอานหยันความจริงแล้วกำลังหาข้ออ้างอยู่รึเปล่านะ?
พวกเขา……..หรือว่าไม่ได้หย่าร้างกันจริงๆ?
“โธ่เอ๊ย” พ่อบ้านเห็นหน้าตาที่แข็งทื่อของเธอ เข้าใจไปเองว่าหย่าร้างกันเรียบร้อยแล้วจึงไม่อยากพูด ถอนหายใจอย่างหน้าตาเศร้าหมองและผิดหวัง “พวกคุณนะทำเป็นเด็กไปได้ ชอบหาเรื่องใส่ตัว นี่ก็คบกันอยู่ดีๆไม่ใช่เหรอ จะหย่าร้างกันให้ได้”
ฉินซีรีบปลอบใจไปว่า:” คุณอย่าใจร้อนเลย เราทั้งคู่ยังคบกันดีอยู่”
ปลอบใจคนแก่ตั้งครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็ทำให้เขาเชื่อว่าตัวเองกับลู่เซิ่นไม่ได้หย่ากันเพราะความรักที่ร้าวฉานวันข้างหน้าอาจจะกลับมาคืนดีกันอีกครั้งก็ได้ คนแก่ถอนหายใจออกมาและออกไปแล้ว
ฉินซีมองดูร่างเงาของเขา อยากหัวเราะเหลือเกิน
สาเหตุเกิดจากคุณปู่ เธอกับผู้อาวุโสที่อายุรุ่นเดียวกันแบบนี้ รู้สึกมีความใกล้ชิด
พ่อบ้านรีสอร์ทชิงหยวนคนนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่า เหมือนคุณปู่ที่สุด
เพราะฉะนั้นบางครั้ง เธอก็ทำกับเขาอย่างกับผู้อาวุโสของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ส่วนพ่อบ้าน ก็ชัดเจนมากคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ที่เจ้านายและคนรับใช้เท่านั้น
ระหว่างเจ้าของบ้านและพ่อบ้านโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีการสนทนาเรื่องหยุมหยิมในครอบครัวแบบนี้
แต่ว่าตอนนี้ฉินซีไม่มีญาติพี่น้องแล้ว
ความเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก
…………….
ส่งพ่อบ้านเรียบร้อย ฉินซีถึงมีเวลาขึ้นไปบนตึก
งานที่สะสมไว้เมื่อก่อนหน้านี้มีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ว่าตอนนี้มือข้างซ้ายได้รับบาดเจ็บ ต้องจัดวางเวลาใหม่เสียแล้ว
ส่วนจ้าวจิ้งทางโน้นโทรศัพท์ติดต่อมาแต่เช้าตรู่ พูดว่าคดีของเห้อเสียงพิจารณาขั้นตอนใหม่อีกครั้ง คดีไม่ซับซ้อน อาจจะได้ผลสรุปใหม่ภายในไม่กี่วันนี้
ฉินซีพูดคำขอบคุณ และวางสายไป
ส่วนอานหยันทางโน้นก็ส่งข่าวมาเช่นกัน พูดว่าการรายงานข่าวเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ข่าวสารที่นินทาชาวบ้านแบบนี้ เธอไม่คิดจะยกให้คนอื่น ต้องการโรงพิมพ์นิตยสารของตัวเองมาโฆษณา เพราะฉะนั้นรอฉินซีออกมาพูด เธอก็จะรายงานออกไปทันที
พูดจาอ้อมค้อมและพูดจาตรงไปตรงมา ยังแสดงเป็นนัยๆอีกว่า ประชาสัมพันธ์ที่ลู่เซิ่นทางโน้นก็เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ฉินซีตอบตกลง เริ่มต้นได้ทุกเมื่อ
ฉินซีวางมือถือลง และถอนหายใจยาวๆ
ทุกอย่างจะสิ้นสุดลงแล้ว
…………..
ตอนที่ลู่เซิ่นถึงเมืองหนานเฉิง เพิ่งเลยเวลาอาหารเที่ยง
ฉินซีเดินเล่นอยู่ที่หน้าบ้านเพื่อย่อยอาหาร ก็ได้รับโทรศัพท์จากเขาแล้ว
“ถึงแล้วหรือ?” ฉินซีถาม
ลู่เซิ่นพยักหน้า:” เพิ่งลงจากเครื่อง”
ฉากหลังทางโน้นของเขามืดสนิท เวลาต่างกันสิบสองชั่วโมง ทางโน้นของเขายังเป็นเช้าตรู่อยู่เลย
“คุณ…….พักผ่อนดีๆนะ” ฉินซีพูดอะไรไม่ออกในชั่วขณะหนึ่ง พูดไปแค่สั้นๆง่ายๆแบบเนี้ย
ลู่เซิ่นกลับหัวเราะออกมาเบาๆ:” แต่ว่าผมไม่สามารถพักผ่อนดีๆได้ คิดถึงคุณมาก”
เขามีหน้าตาที่เรียบร้อย ใครก็ตามได้มาเห็นล้วนมองว่าเป็นคุณชายที่ดูดีร่ำรวยและมีความเย็นชาแบบเข้าใกล้ยากทีเดียว
แต่ว่าที่แท้เขาติดคนขึ้นมา………..ทำให้คนหวั่นไหวขนาดนี้
ใบหูของฉินซีจะแดงอยู่แล้วเชียว กระแอมคอ:” พักผ่อนดีๆไม่ได้ก็ต้องพักผ่อนอยู่ดี มีธุระต้องจัดการไม่ใช่หรือ ไม่พักผ่อนเอาแรงมาจากไหน”
ลู่เซิ่นยิ้มแย้มเล็กน้อย:” คุณเป็นห่วงผม”
ทั้งคู่คุยกันเรื่องไร้สาระและไม่มีสารอาหารอย่างกะหนุงกะหนิงได้สักพัก ในที่สุดลู่เซิ่นก็ถูกฉินซีเกลี้ยกล่อมจนไปหลับนอนแล้ว
วางสายวีดีโอคอลไปเรียบร้อย ฉินซีจับมือถืออยู่ ยังมีความผิดหวังเล็กน้อย
ก่อนนอนเมื่อคืนปัญหาที่ล้อมรอบเธออยู่ สุดท้ายก็หาโอกาสถามคำถามไม่ได้
แต่ว่าเธอกลับมีความรู้สึกอย่างอื่น
ที่แท้อยู่ในช่วงความรักที่หวานชื่นเป็นแบบนี้นี่เอง
ที่แท้เรื่องที่ว่าไม่ยอมไปจากอีกฝ่ายแม้แต่ก้าวเดียว มีอยู่จริงๆซะด้วยสิ
เธออยากไปเมืองหนานเฉิงพร้อมกับลู่เซิ่นในวินาทีนี้ เพื่ออยู่ข้างกายเขา
แต่ว่าสติของเธอห้ามปรามเธอไว้
เธอยังมีธุระหลายอย่างต้องทำ
ถอนหายใจเบาๆ เธอหันหลังและกลับไปที่ห้องนอน
ส่วนในโรงแรมที่ไกลแสนไกล ลู่เซิ่นก็ถอนหายใจออกมาเช่นเดียวกัน
เขาพลิกตัว วางมือถือไว้ที่หัวเตียง ผ่านไปสักพัก กดหน้าจอสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ดูหน้าจอที่บันทึกไว้ รอยยิ้มของฉินซีที่ตัวเองจับมาถ่ายรูป
………..
ตารางเวลาตอนเย็นแน่นมาก เพราะว่าฉินซีจำเป็นต้องทำการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นครั้งแรก
ถึงแม้คุณหมอเคยรับรองซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็ตามกระบวนการรักษาแบบที่สองไม่ทรมานมากเท่าไหร่นัก แต่ว่ายังไงซะอยู่ในโรงพยาบาล ฉินซีมีความกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จู่ๆเธอคิดถึงลู่เซิ่นและอยากให้เขาจับมือตัวเอง
แต่ว่าความคิดแบบนี้ออกมาปุ๊บ ก็ถูกความใจร้ายของฉินซีซัดกลับไป
อย่าขี้อ้อนแบบนี้ อย่าติดคนงอมแงมขนาดนี้
ฉินซีตักเตือนตัวเองอยู่ในใจ และเงยหน้าขึ้นมาทักทายกับคุณหมอด้วย
รอยยิ้มของคุณหมอกันเองและใจดีมาก ถามไถ่อยู่หลายคำก็เริ่มกระบวนการรักษาอย่างเป็นทางการ
เขาไม่เลือกการรักษาแบบสะกดจิต แต่เริ่มจากการรักษาที่ง่ายที่สุด ค่อยๆ พูดคุยเรื่องราวในอดีตกับฉินซี