บทที่ 1069 ได้มายากที่สุด
เช้าอีกวัน หลังจากฉินซีตื่นนอน จัดเรียงการเดินทางของตัวเองต่อจากนี้ในไม่กี่วันนี้
วันนี้เลือกภาพถ่ายส่งไปที่นิทรรศการ ที่นัดหมายกับคุณหมอเอาไว้เป็นวันพรุ่งนี้ มือข้างซ้ายของเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่สะดวกในการเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นการถ่ายภาพหลายครั้งได้เลื่อนออกไปก่อนแล้ว ได้ใช้เวลาช่วงนี้พอดี เพื่อเตรียมพร้อมนิทรรศการภาพถ่ายของเธออย่างจริงๆจังๆเสียที
ความจริงฉินซีก็รู้ดีว่า ถ้าหากเธอเอ่ยปาก พ่อบ้านหรือผู้ช่วยที่มีความสามารถเต็มเปี่ยมพวกนั้น สามารถจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยอย่างรวดเร็วทันใจ
แต่ว่ายังไงซะนี่เป็นนิทรรศการส่วนตัวที่เธอจัดขึ้นมาเป็นครั้งแรก ตัวเธอเองอยากมีส่วนร่วมมากขึ้นอีกหน่อย
เพราะฉะนั้นทุกการเชื่อมต่อ เธอกะจะลงมือทำด้วยตัวเอง
ก่อนอื่นคือการเลือกภาพถ่าย จากนั้นคือจองสถานที่
ถึงแม้ฉินซีไม่ขาดสนเงินๆทองๆ แต่ว่าห้องโถงนิทรรศการชั้นยอดพวกนั้นไม่ใช่ว่ามีเงินทองก็เข้าไปได้เลย ถ้าหากคุณภาพของผลงานไม่ผ่าน พวกเขาก็จะไม่อนุมัติฝ่ายตรงข้ามเปิดนิทรรศการ
ถึงแม้กระบวนการอาจจะมีความยากลำบาก แต่ว่าฉินซีกลับเต็มไปด้วยการต่อสู้ที่งุนงง
นี่เป็นความปรารถนาของคุณปู่ และเป็นความต้องการของเธอ
วินาทีที่ความปรารถนาเป็นจริง ซึ่งได้มายากที่สุด
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะต้องผ่านความยากลำบากมาเท่าไหร่ก็ตาม เธอก็จะยืนหยัดต่อไป
อานหยันยังคงส่งข่าวสารชุลมุนที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลฉินให้กับเธอยังไม่ขาดช่วง แต่ว่าฉินซียิ่งอยู่ยิ่งสามารถมองผ่านอย่างยิ้มแย้ม
รอให้มลทินของเหยาหมิ่นลบล้างไปจนหมดสิ้น ฉินซึ่งเทียนได้รับการลงโทษที่ควรจะได้รับ ทุกอย่างของบริษัทฉินและตระกูลฉิน ก็จะหายไปจากชีวิตของฉินซีโดยสิ้นเชิง
เธอมีชีวิตความเป็นอยู่และมีธุระกิจของตัวเอง มีสิ่งที่คุ้มค่าต้องพยายามและต่อสู้ฝ่าฟัน เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้จะให้ชีวิตของตัวเองจมอยู่กับการแก้แค้น
เธอจะเดินไปทางวันพรุ่งนี้ของตัวเอง
…………….
ฉินซีพักฟื้นอยู่ที่บ้านหนึ่งอาทิตย์ พบหมอไปแล้วสามครั้ง การรักษาครั้งสุดท้าย ไม่ได้ทรมานเหมือนกับตอนที่ทำครั้งแรกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอสามารถพูดคำบอกลากับคุณหมออย่างยิ้มแย้มด้วยซ้ำ
สำหรับกระดูกข้างซ้ายหัก ฟื้นฟูเร็วมากเช่นกัน เป็นแบบนี้ต่อไป น่าจะแกะเฝือกตามเวลาที่กำหนดเอาไว้
สปอนเซอร์นิทรรศการพอใจมากกับผลงานที่เธอส่งไป ส่งอีเมล์มาเป็นพิเศษเพื่อขอบคุณเธอ
ส่วนกระบวนการการเลือกผลงานภาพถ่ายของส่วนตัว ก็ดำเนินการอย่างเป็นระบบระเบียบ
ทุกอย่างพัฒนาไปในทางที่ดี แต่ว่าข่าวที่ดีที่สุด เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ซึ่งก็คือวันอาทิตย์ตอนเย็น สายที่โทรมาจากจ้าวจิ้ง
ฉินซีกำลังเอากระดานวาดภาพและวาดรูปอยู่ที่หน้าประตูจู่ๆมือถือก็ดังขึ้นมา เธอตกใจ มือกระตุก ผงสีอ่อนถูกพ่นใส่ที่สีพื้นหลังที่มีสีเข้ม
ดูขึ้นไปปุ๊บเป็นข้อผิดพลาดแท้ๆ แต่ว่ามองขึ้นไปโดยรวม กลับทำให้รูปภาพทั้งภาพดูมีชีวิตชีวาไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ว่าในชั่วขณะหนึ่งฉินซียังไม่พบ เพราะว่าเมื่อสักครู่เธอรับสายของจ้าวจิ้งอย่างยุ่งเหยิง
“พี่ฉินซี” เสียงของจ้าวจิ้งมีความตื่นเต้น “เวลาพิจารณาคดีได้กำหนดเรียบร้อยแล้ว เป็นตอนเย็นของวันพรุ่งนี้”
บนใบหน้าของฉินซีก็มีรอยยิ้มเช่นเดียวกัน:” เยี่ยมมากเลย”
จ้าวจิ้งกำมือ: “ฉันจะต้องทำให้เห้อเสียงพลิกคดีให้ได้”
ฉินซีพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน:” อืม พี่เชื่อหนูต้องทำได้แน่นอน”
“หนูดูแล้วแป๊บนึง ศาลตัดสินห่างจากรีสอร์ทชิงหยวนไม่ไกล พี่จะมามั้ย? ” นี่ถึงเป็นจุดประสงค์ที่จ้าวจิ้งโทรศัพท์มา
ฉินซีคิดอยู่แป๊บนึง พยักหน้า:” พรุ่งนี้ตอนเย็นใช่มั้ย? พี่ไม่มีธุระ น่าจะไปนะ”
“ได้เลยค๊า” น้ำเสียงของจ้าวจิ้งมีความกระปรี้กระเปร่าเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
ทั้งคู่พูดคุยกันแค่ไม่กี่คำ จ้าวจิ้งพูดว่าตัวเองจะไปเตรียมเอกสาร จึงวางสายไป
ฉินซีเก็บมือถือเข้าไป เงยหน้าขึ้นมามองท้องฟ้า
อากาศของวันนี้สดใสร่าเริง และแสงแดดสว่างเจิดจ้าเหมือนเป็นลางดี
เรื่องลางดีๆกำลังจะเกิดขึ้น
………..
วันที่สองยังคงเป็นวันที่แสงแดดสว่างเจิดจ้าอีกวัน
ฉินซีตามที่อยู่ที่จ้าวจิ้งส่งมา ไปถึงที่ศาลตรงตามเวลา
เทียบกับคดีของบริษัทฉินที่ชุลมุนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ คดีของเห้อเสียงก็เลยดูเหมือนไม่ค่อยได้รับความสนใจสักเท่าไหร่ ห้องบรรยายก็ว่างเปล่า
เพราะฉะนั้นตอนที่ฉินซีเข้าไป ก็เลยไม่เป็นที่สังเกต
เธอเลือกที่นั่งข้างๆนั่งลงไป
หลังจากผ่านไปสักครู่ ผู้พิพากษาก็ได้ปรากฏออกมาแล้วเช่นกัน
“สงบ” เขาทุบค้อน “ต่อจากนี้ศาลได้เริ่มพิจารณาในส่วนของวันนี้ สำหรับการพิจารณารายการคดีการฟอกเงินของเห้อเสียง ตอนนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว”
ฉินซีสังเกตเห็นสายตาที่มองมาของจ้าวจิ้ง พยักหน้าให้กับเธออย่างหลบซ่อนเพื่อเป็นการทักทาย
จ้าวจิ้งอยู่ระหว่างการทำงาน เธอทั้งคนอยู่ในสภาพที่แตกต่างกัน เธอแค่สบตาให้กับฉินซี แล้วก็หันหน้ากลับไปเริ่มตั้งใจรับมือกับผู้พิพากษาแล้ว
ฉินซีไม่เคยเข้าร่วมศาลพิจารณา ฟังครั้งแรก ถึงกับรู้สึกน่าสนใจดี
หลังจากผู้ร้องทุกข์และจ้าวจิ้งต่างบรรยายเสร็จเรียบร้อย ผู้พิพากษาทุบค้อน เห้อเสียงจึงถูกพาตัวออกมา
มือของเขายังสวมใส่กุญแจมืออีกด้วย สายตากลับแตกต่างจากตอนที่ฉินซีได้เห็นเขา
ความเศร้าหมองที่หน้าก็ลดลงไปตั้งเยอะ สายตาก็ไม่หลบๆซ่อนๆอีกต่อไปแล้ว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ล้วนเป็นจ้าวจิ้งสัมผัสกับเขา ฉินซีรู้ดี การเปลี่ยนแปลงของเขาแบบนี้ น่าจะจ้าวจิ้งนำพาให้กับเขา
หลังจากเห้อเสียงถูกพาไปยืนที่ตรงกลางเรียบร้อยเเล้ว ผู้พิพากษาก็เริ่มถามคำถามขึ้นมาอีกรอบ
ก่อนที่เห้อเสียงมาส่วนใหญ่สือสารกับจ้าวจิ้งมาอย่างดีแล้วเพราะฉะนั้นเผชิญคำถามของผู้พิพากษา คำตอบของเขาถือได้ว่าไม่รั่วไหลเลยสักนิด ฉินซีฟังอยู่ ก็หาข้อบกพร่องไม่เจอ
รอให้เห้อเสียงพูดจบ จ้าวจิ้งลุกขึ้นมา:”เพราะฉะนั้นฝ่ายฉันเรียกร้องดำเนินการการป้องกันความบริสุทธิ์”
“เจ็ดคำนี้ออกมาปุ๊บ จู่ๆเห้อเสียงเงยหน้าขึ้นมาแรงๆ
ฉินซีดูปุ๊บก็รู้ทันที จ้าวจิ้งตามคำสั่งที่สั่งตัวเองสั่งไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ได้เปิดเผยกับเขาเรื่องนี้
เขายังคิดว่า จ้าวจิ้งต้องการสู้คดีการลดหย่อนโทษ กลับคิดไม่ถึง ที่เธอเตรียมการเอาไว้เป็นการป้องกันความผิดมาโดยตลอด
ผู้พิพากษาไม่ได้แสดงความประหลาดใจใดๆออกมา ยังคงรักษาความเป็นระเบียบ ให้ศาลพิจารณาต่อไป
ฟังไปสักพัก ในใจของฉินซีรู้จักกับจ้าวจิ้งเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น
ก่อนหน้านี้ใช่ว่าเธอจะไม่เคยสงสัย จ้าวจิ้งยังสาวขนาดนี้ คุณสมบัติก็ไม่มาก สามารถเข้ามาในทีมทนายความบริษัทลู่ เป็นความสัมพันธ์กับทนายจ้าวรึเปล่า
ต่อมาถึงแม้ทั้งคู่จึงสัมผัสกันไม่เลยน้อยทีเดียว ฉินซีก็ยอมรับแล้วว่าจ้าวจิ้งเป็นทนายความที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบความสงสัยของเธอก็ยังไม่ลดลงอย่างสิ้นเชิง
แต่ว่าฟังการพิพากษาของวันนี้ ฉินซีรู้สึกว่า ความรู้ของตัวเองแคบมากจริงๆ
จ้าวจิ้งที่อยู่ในสภาพการทำงานที่เป็นมืออาชีพเหนือความคาดหมายของเธอ เผชิญกับคำถามของอัยการตอบได้อย่างแคล่วคล่อง และเผชิญกับคำถามของผู้พิพากษาก็ตอบได้อย่างสมเหตุสมผล ส่วนตอนที่เธอตั้งคำถามขึ้นมา ก็แหลมคมมากเลยทีเดียว ทำให้ฝ่ายฟ้องร้องที่อยู่ตรงข้ามหมดคำพูดกันเลยทีเดียว
ศาลพิจารณามาแล้วรอบนึง แทบจะถือได้ว่าเธอกำลังกดขี่ฝ่ายฟ้องร้องอยู่
ผู้พิพากษาทุบค้อน ประกาศว่าพักการพิจารณา จ้าวจิ้งถึงหาโอกาส มองไปทางฝูงชนผู้ฟัง และพยักหน้าให้กับฉินซี
สีหน้าที่หยิ่งยโสและเย็นชาบนใบหน้าเธอยังไม่ได้จางหายไป ร่วมกับการสบตาของเธอแบบนี้ มีความละเมิดไม่น้อยเลยทีเดียว
ฉินซีรู้สึกแค่สนุกสนานดี และหันไปทางเธอเพื่อส่งรอยยิ้มให้กับเธอ
แต่ว่าเร็วมากเธอได้ยินคนข้างๆกำลังพูดคำนินทาชาวบ้าน
“คนนั้น ฉินซีใช่รึเปล่า? ใช่แล้วคือลูกสาวคนโตของฉินซึ่งเทียนนั่นเอง?”
“ลูกสาวของฉินซึ่งเทียน? เขาทำให้คนตายแล้วไม่ใช่หรือ?”
“อย่าพูดมั่วๆนะ คนที่ตายไม่ใช่เธอ”