บทที่ 1070 เป็นการถูกทำร้ายครั้งที่สอง
ฉินซียักคิ้วอย่างประหลาดใจ และหันไปข้างๆ
เธอรู้ดีเรื่องราวบานปลาย แต่ว่าคิดไม่ถึงจะถึงขั้นที่เดินออกจากบ้านอย่างเรื่อยเปื่อยก็มีคนจำได้แล้ว เพียงแต่ว่าเธอไม่ชอบถูกคนอื่นมุมดู เพราะฉะนั้นตั้งเสื้อคอขึ้นมา ปิดหน้าตัวเองเอาไว้
ดีนะผู้พิพากษาอเมริกาได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว ทุบค้อน:” สงบ”
คำพูดนินทาชาวบ้านของคนพวกนั้นในที่สุดก็หยุดไปแล้ว
เพียงแต่ว่ายังส่งสายตามาตั้งหลายครั้ง
แต่ว่าฉินซีกะจะไม่ไปสนใจแล้ว
ฝ่ายฟ้องร้องกับจ้าวจิ้งต่างกลับไปที่ที่นั่งของตัวเอง ก่อนอื่นฝ่ายฟ้องพูดปัญหาออกมาก่อน:” ทนายความฝ่ายถูกฟ้องกำชับว่าฝ่ายถูกฟ้องไม่รู้เรื่องสักอย่าง แต่ว่าแค่ใช้หลักฐานทุกอย่างที่ฝ่ายฟ้องร้องเสนอออกมาในตอนนี้ ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ทั้งหมด”
จ้าวจิ้งหันไปพูดกับผู้พิพากษาอย่างนิ่งๆ:” และร้องขอหลักฐาน”
ผู้พิพากษาพยักหน้าตอบรับ
——หลักฐานคือเสียงที่เห้อเสียงแอบบันทึกเอาไว้
ส่วนที่เปิดออกมาท่อนนี้ หลังจากที่ฉินซึ่งเทียนบีบบังคับและข่มขู่เห้อเสียงถ่ายรูปให้กับเหยาหมิ่น และการสนทนาเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของเห้อเสียง
รอให้เสียงบันทึกเปิดออกมาจนจบสิ้นเรียบร้อย เหตุการณ์ข้างล่างเกิดเสียงดังขึ้นมาอย่างชุลมุน
แต่ว่าจ้าวจิ้งกลับยังนิ่งเฉย ไม่ได้สนใจเสียงที่ถกเถียงกันไปมาของเหตุการณ์ข้างล่าง หันไปพูดกับผู้พิพากษา:” ตามที่หลักฐานนี้ ฝ่ายดิฉันคิดว่า ความผิดฐานฟอกเงินของเห้อเสียงถือว่าโมฆะ”
ในชั่วขณะหนึ่งฝ่ายฟ้องร้องก็ยังไม่มีปฏิกิริยาและการตอบโต้
มีแต่ฉินซีที่ยังถือว่านิ่งสงบดี
ก่อนหน้านี้จ้าวจิ้งเคยพูดกับฉินซี คดีของเห้อเสียงสามารถแบ่งสู้คดีเป็นหลายรอบ ก่อนอื่นสู้คดีกับฝ่ายฟ้องร้อง สู้คดีเป็นโทษไม่ผิด ซึ่งก็คือรอบที่พวกเขากำลังต่อสู้อยู่ในตอนนี้
รอบนี้เพื่อเป็นการบริการให้กับเห้อเสียงทั้งหมด โดยพื้นฐานแล้วไม่เกี่ยวข้องกับฉินซึ่งเทียน เพียงแค่เวลาที่เสนอหลักฐานล่วงหน้าถึงจะมอบตัวฉินซึ่งเทียนออกไป
ส่วนที่พวกเขาต้องทำก็มีแค่ในตอนนี้มอบหลักฐานที่ฉินซึ่งเทียนฟอกเงินออกไป รอให้เห้อเสียงถูกตัดสินไร้ความผิดอย่างเป็นทางการ หน่วยงานกำกับดูแลจะไปตรวจสอบฉินซึ่งเทียนเอง
หลังจากนั้นหากฉินซึ่งเทียนมีความจำเป็น ยังสามารถอยู่หลังจากที่เห้อเสียงพลิกคดี สู้คดีการฟ้องร้องทางแพ่งถึงเวลานั้นเจาะจงว่าจะเอาเรื่องไหนมาฟ้อง ค่อยปรึกษาหารือกันอย่างละเอียด
คิดไม่ถึงเห้อเสียงทางนี้ถึงกับซ่อนหลักฐานสำคัญที่บิดเบือนมากถึงขนาดนี้ ทนายความฝ่ายฟ้องร้องพูดอะไรไม่ออกในชั่วขณะหนึ่ง หลังจากที่เงียบกริบตั้งนานถึงเอ่ยปากออกมาอย่างฝืนใจ:” วิธีที่ได้หลักฐานมาของฝ่ายถูกฟ้องถูกกฎหมายหรือไม่? เสียงบันทึกท่อนนี้ความจริงเป็นยังไงกันแน่?”
ผู้พิพากษากระแอมคอ:” ก่อนเปิดศาลฝ่ายถูกฟ้องร้องได้ยื่นหลักฐาน หลักฐานความแน่แท้สามารถรับรอง”
ต่อให้เป็นฉินซีที่ไม่ได้ทำอาชีพนี้ ก็สามารถฟังออก ว่าอำนาจของฝ่ายฟ้องร้องทีนี้ได้อ่อนตัวลงไปแล้ว
หลักฐานที่ตัดสินความแบบนี้ออกมาปุ๊บ ฝ่ายฟ้องร้องทางนี้เริ่มพ่ายแพ้ ส่วนจ้าวจิ้งซึ่งได้เปรียบกว่า จึงไม่สามารถปล่อยปละละเลย แต่กลับบีบคั้นอย่างสู้ไม่ถอย
รอให้การเชื่อมต่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ ผู้พิพากษาทุบค้อนปุ๊บ:” พักศาลชั่วคราว เชิญนิติกรรมแสดงความคิดเห็น”
จ้าวจิ้งฉวยโอกาสนี้สบตาให้กับฉินซี คนหลังให้สายตาที่แน่ใจและมั่นใจกับเธอ
ก่อนศาลพิจารณา จ้าวจิ้งได้ถามฉินซี เปิดเสียงบันทึกท่อนไหนดีกันแน่
เพราะยังไงซะในเสียงบันทึกของเห้อเสียงล้วนเกี่ยวข้องกับเหยาหมิ่นไม่น้อยเลยทีเดียว จ้าวจิ้งไม่รู้ว่าควรจะลบส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหยาหมิ่นออกไปรึเปล่า
แต่ว่าฉินซีกลับเรียกร้องเธอเปิดเสียงบันทึกที่สมบูรณ์ออกมาให้หมด
เธอรู้ดี ในเสียงบันทึกท่อนนี้ เหยาหมิ่นไม่มีความผิดแม้แต่นิดเดียว
ที่จ้าวจิ้งกังวล เมื่อก่อนเธอก็เคยมีมาแล้ว
เธอก็ไม่เคยคิด ยังไงซะเรื่องของเหยาหมิ่นได้ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว พลิกออกมาอีกครั้ง ต่อให้สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเหยาหมิ่น จะมีคนฉวยโอกาสดำเนินการดูถูกเหยียดหยามเธอ เป็นครั้งที่สอง
แค่ว่าภายหลัง เธอก็เข้าใจแล้ว
คนอื่นต้องการยัดเยียดข้อหา ไม่ว่ายังไงก็ตามล้วนหนีไม่พ้น
ที่เธอต้องการ เริ่มตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่ได้ต้องการจะลบล้างมลทินในตัวของเหยาหมิ่น ความคิดเห็นของประชาชนที่สุ่มสี่สุ่มห้า ทุกคนล้วนถูกปิดหูปิดตา ถูกชักจูง ก็จะมีอารมณ์ที่สอดคล้องตามกันไป ไม่สามารถเรียกร้องพวกเขาให้เปิดหูเปิดตาของตัวเองซะ
เธอแค่ต้องการคืนความบริสุทธิ์ให้กับเหยาหมิ่นเท่านั้น
ที่เธอต้องการคือให้นิตยสารขอโทษที่เคยถูกฉินซึ่งเทียนชี้นำและลงบทความในนิตยสาร และนักข่าวที่ฉวยโอกาสใส่ร้ายเธอออกมาขอโทษด้วย ทำให้คนส่วนใหญ่รู้ว่าคนที่ใจดีเคยถูกใส่ร้าย และผู้หญิงที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ
แต่ว่าคนส่วนน้อยที่ยืนหยัดในปองร้ายของตัวเอง ฉินซีไม่สนใจ และไม่อยากสนใจด้วย
ส่วนที่เลือกเสียงบันทึกท่อนนี้ซึ่งอยู่ในห้องทำงานของเห้อเสียง ด้านนึงพิสูจน์ได้ว่าไร้ความผิด อีกด้านก็คือพิสูจน์และคืนความบริสุทธิ์ให้กับเหยาหมิ่นไปอีกขั้น
เธอช่วยเห้อเสียงสู้คดีนี้ ไม่ใช่ทำการกุศล ที่เธอต้องการนอกจากหลักฐานที่เห้อเสียงเสนอให้กับเธอเหล่านั้น และยังมีโอกาสที่อาจจะเป็นไปได้ ทำให้ได้รับความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง ชักนำสายตาของฝูงชนมาที่เรื่องของเหยาหมิ่นอีกครั้ง
เธอเข้าใจดี เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจที่แห้งเหี่ยวและน่าเบื่อหน่าย ความสนใจของทุกคนต้องถูก “คำซุบซิบนินทาของพวกตระกูลไฮโซ” เหล่านี้ดึงดูดได้ง่ายกว่าแน่นอนอยู่แล้ว
เป็นจริงซะด้วย หลังจากผู้พิพากษาประกาศพักศาล เสียงถกเถียงที่อยู่ลับหลังฉินซีจู่ๆก็ดังขึ้นมา
ฝูงชนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลฉินนิดหน่อย ทีนี้จู่ๆก็ได้ยินเสียงบันทึกเหล่านี้ แป๊บเดียวก็ได้รับความสนใจจากพวกสอดรู้สอดเห็น
“โธ่เอ๊ย ในเสียงบันทึกนั่น ฉินซึ่งเทียนได้พูดกับฝ่ายถูกฟ้องร้องคนนี้ว่า คุณช่วยฉันทำงานงานนึงเรียบร้อยแล้ว ฉันต้องให้ค่าเหนื่อยกับคุณ?”
“ความหมายที่ฉันได้ยินก็คือความหมายนี้ เรื่องอะไร ทำไมถึงมีชื่อเหยาหมิ่นด้วย? อะไรเรียกว่า’เรื่องของเหยาหมิ่นเรื่องนี้คุณทำได้ดีมาก’? “
” เหยาหมิ่น? “
” แม้แต่เหยาหมิ่นคุณก็ยังไม่รู้จัก ก็คืออดีตภรรยาของฉินซึ่งเทียนและเป็นประธานบริษัทฉินด้วย นอกลู่นอกทางถูกฉินซึ่งเทียนจับได้คาหนังคาเขา และยังยืมเงินไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อไปเลี้ยงต้อยผู้ชาย สุดท้ายไม่มีเงินใช้หนี้จึงต้องกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
” อ้อ ฉันนึกออกแล้ว แต่ว่าไม่ใช่สิ………. หากเสียงบันทึกนี้เป็นของจริง ถ้างั้นเรื่องที่เหยาหมิ่นนอกลู่นอกทาง…….หรือว่าเป็นเรื่องเท็จ? ที่ฉินซึ่งเทียนพูดว่าช่วยเขาทำงาน
” คุณอย่าว่านะ มีเหตุผลแบบนี้จริงๆด้วยนะ”
” เรื่องจริงหรือเนี้ย? แต่ว่าในเมื่อเธอไม่ได้นอกลู่นอกทาง ทำไมต้องหย่าร้างและกระโดดตึกหล่ะ?”
” รูปถ่ายบนเตียงของคุณถูกแพร่หลายไปในทั่วโลก คุณจะไม่เสียใจหรือ? อีกอย่าง ยังติดหนี้สินไม่น้อยเลยทีเดียว”
” ถ้างั้นเรื่องติดหนี้มันยังไงกัน? “
” โธ่เอ๊ย นี่คาดว่าน่าจะเป็นความลับบ้านคนรวย เราจะไปรู้ได้ไง”
“เชอะเชอะ ก่อนหน้านี้ฉันก็รู้สึกว่าหน้าตาเหยาหมิ่นไม่เหมือนคนที่นอกลู่นอกทางแบบมั่วๆ ถ้าหากถูกพิสูจน์แล้วว่าฉินซึ่งเทียนเป็นคนทำ ถ้างั้นก็ไม่เสียแรงที่ตอนนั้นฉันไม่ได้ด่าตามคนอื่นเค้า”
” พอทีเถ๊อะ ไม่ได้ด่างั้นเหรอ ใครเป็นคนลงที่กลุ่มเพื่อนๆ………..”
ฉินซีไม่ได้ฟังต่อไปอย่างละเอียด
แต่ว่าเธอรู้ดี ตัวเองเลือกทำสิ่งนี้ มีผลอยู่
ผ่านไปไม่นาน นิติกรรมและผู้พิพากษาต่างกลับมากันแล้ว
ผู้พิพากษาลุกขึ้น เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่เข้มขรึม:” ต่อไปประกาศอ่านผลการตัดสินคดีฟอกเงินของเห้อเสียง…….. “
น้ำเสียงของผู้พิพากษาไม่ช้าและไม่เร่งรีบ สีหน้าท่าทางของจ้าวจิ้งดูสบายๆและผ่อนคลาย แต่ว่าสายตาไม่คลาดเคลื่อนจากผู้พิพากษาแม้แต่วินาทีเดียว
หลังจากไม่กี่นาที ในที่สุดผู้พิพากษาก็พูดคำพูดที่สำคัญที่สุดออกมา
” ฝ่ายถูกฟ้องร้อง ปล่อยตัวในศาล”