บทที่ 106 จะป้องกันยังไงก็ป้องกันไม่อยู่
“เวินจิ้ง ใครมาน่ะลูก?” ในห้องครัว เสียงของเจี่ยนอีดังสะท้อนขึ้น
พอมู่สิงเดินเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยออกมาเป็นระลอก สีหน้าก็ยิ่งนุ่มนวลลงมาเล็กน้อย
“คุณหมอมู่ค่ะ”
ทั้งสองคนนั่งลงบนโซฟา มู่วี่สิงคิดจะเข้าไปช่วย แต่กลับถูกเวินจิ้งดึงเอาไว้ “แม่ฉันไม่ชอบให้คนอื่นรบกวนการทำอาหารค่ะ”
“ผมอยากจะเข้าไปดูสักหน่อยว่ามีอะไรที่สามารถช่วยได้บ้างหรือเปล่า”
เวินจิ้งรู้สึกเหนือความคาดหมาย สำหรับเจี่ยนอีแล้ว เขามีมารยาทอย่างถึงที่สุดมาโดยตลอด
“คุณนั่งอยู่ที่นี่เถอะค่ะ แม่ฉันคงเดาออกว่าคุณจะมา เลยทำกับข้าวไม่น้อย”
เจี่ยนอีแม้ว่าจะเจ้าอารมณ์ แต่ความโมโหนี้มาเร็วไปก็เร็วเช่นเดียวกัน
มู่วี่สิงยกมุมริมฝีปากบางขึ้น ก้มศีรษะลงจูบเวินจิ้งเอาไว้ในทันที เธอเหลือบตามองไปยังห้องครัวแวบนึงโดยจิตใต้สำนึก แม้ว่าประตูจะปิดอยู่ แต่เจี่ยนอีก็ไม่แน่ว่าจะออกมาเมื่อไร
“อย่าค่ะ…” เธอยื่นมือออกไปดันริมฝีปากบางที่ใกล้เข้ามาของเขาเอาไว้ มู่วี่สิงหรี่ตาลง จากนั้นก็กัดปลายนิ้วของเธอเบาๆ
เวินจิ้งกระตุกขึ้นมาในทันที รู้สึกเพียงแค่เหมือนถูกไฟช็อตทำให้เธอรู้สึกชา
“คุณ…” เวินจิ้งต้านทานมู่วี่สิงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำ
ในตอนที่เจี่ยนอีออกมา เวินจิ้งรีบดึงมือกลับ นั่งอย่างเป็นระเบียบในทันที
”ทานข้าวแล้วจ้ะ”
โต๊ะอาหารไม่ใหญ่ สามคนกำลังดี เจี่ยนอีมองดูทั้งสองคน ในที่สุดสีหน้าก็อ่อนโยนลงมา
“คุณหมอมู่ แม่รู้ว่าเรื่องในคราวนี้โทษคุณไม่ได้ แต่ในเมื่อเวินจิ้งแต่งงานกับคุณแล้ว เธอจะมาได้รับความไม่เป็นธรรมไม่ได้อย่างเด็ดขาด” เจี่ยนอีเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังมีเหตุมีผล
“ผมทราบแล้วครับ คุณแม่ ผมรับประกัน เวินจิ้งอยู่ข้างกายของผม จะต้องสบายดีอย่างแน่นอนครับ” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
มองดูเวินจิ้ง นัยน์ตาแฝงไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู
เวินจิ้งรู้สึกเพียงแค่…ดูประหนึ่งจะจมความรักตายอยู่แล้ว
“อื้ม ทานข้าวเถอะ ทานเสร็จพวกลูกก็กลับไป แม่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตคู่ของพวกลูกแล้ว รอบ้านเก่าตกแต่งซ่อมแซมเสร็จ แม่ก็จะย้ายกลับเข้าไป”
“แม่คะ หนูอยากอยู่เป็นเพื่อนแม่ให้มากกว่านี้” เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น
ที่จริงแล้ว ช่วงนี้เธอกลับไม่ค่อยอยากสนิทสนมมากเกินไปกับมู่วี่สิง ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน ควรจะรักษาระยะห่างเอาไว้หน่อย
“ตอนที่ลูกหยุดงานพักผ่อนมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ก็พอแล้ว วันธรรมดาอยู่ดูแลคุณหมอมู่ให้มากหน่อย”
เวินจิ้ง …
ท่าทีของเจี่ยนอีนี่ก็เปลี่ยนไปไวเหลือเกิน
มู่วี่สิงเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มบางๆพร้อมกับเอ่ย “ควรจะเป็นผมที่ดูแลเวินจิ้ง ผมจะลดจำนวนงานให้เหมาะสมอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มากขึ้นครับ”
เวินจิ้งก้มศีรษะลง ไม่ให้การตอบกลับตลอดการสนทนา
การแสดงของมู่วี่สิงนี่ก็ดีเหลือเกินจริงๆ
กลับมาถึงบ้านเก่า พ่อบ้านได้ตรวจสอบเรื่องราวอย่างแน่ชัดแล้ว เป็นคนรับใช้ที่ขโมยไป เป็นเพราะกลัวว่าจะถูกพบเข้าก็เลยนำหยกซ่อนไว้ในห้องของเจี่ยนอี คนรับใช้ของบ้านเก่าก็ถูกตรวบสอบอย่างถึงที่สุดกันอีกรอบ ที่เหลือเอาไว้ต่างก็เป็นคนที่เบื้องหลังขาวสะอาด
“คุณนายมู่ ต่อไปเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เชื่อใจผม หืม?” กลับมาถึงห้อง มู่วี่สิงคว้ามือของเธอเอาไว้ โอบเธอเข้ามาข้างในอ้อมแขน
“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย บนโลกนี้คนแบบไหนต่างก็มี จะป้องกันยังไงก็ป้องกันไม่อยู่ ต่อไประวังหน่อยก็พอแล้วค่ะ” เวินจิ้งไม่โกรธ
“เพียงแต่ ห้องสะสมของโบราณของคุณเก็บซ่อนสมบัติอะไรเอาไว้บ้างคะ?” เวินจิ้งกลับอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเล็กน้อย
มู่วี่สิงยกมุมริมฝีปากขึ้น “พาคุณไปดูสักหน่อย”
ห้องสะสมของโบราณอยู่ที่อาคารอีกหลัง ก่อนหน้านี้เวินจิ้งไม่เคยไปมาก่อน ถึงได้พบว่าพื้นที่ของคฤหาสน์กว้างกว่าในความคิดของเธอมาก หลังจากผ่านสวนดอกไม้ไป ก็มีทิวทัศน์อันงดงามดุจดังอีกโลกหนึ่ง
ผ่านระเบียงทางเดิน ขึ้นลิฟต์มาถึงห้องๆหนึ่งที่อยู่บนชั้นสอง ที่นี่ต่างก็มีการตกแต่งสไตล์เรียบง่ายและมีความโบราณ ความรู้สึกตอนที่เข้าประตูมาราวกับว่าตัวเองอยู่ในยุคที่คนในครอบครัวต่างก็เป็นบัณฑิต
ความรู้ที่เวินจิ้งมีต่อวัตถุทางวัฒนธรรมที่ตกทอดมาจากโบราณนั้นไม่มาก หยุดอยู่เพียงแค่ตอนที่คุณพ่อยังไม่จากไปเมื่อยังเล็กมาก ในตอนนั้นมักจะดูรายการเกี่ยวกับข้าวของโบราณ
“นี่เป็นของที่คุณสะสมทั้งหมดหรอคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถาม
มู่วี่สิงส่ายศีรษะ “คุณปู่ชอบของโบราณมากที่สุด ตอนหนุ่มๆก็เริ่มตกแต่งที่นี่ ต่อมาซื้อของพวกนี้กลับมาไม่น้อยหลายต่อหลายครั้ง สำหรับของโบราณแล้ว ผมรู้เพียงแค่งูๆปลาๆเท่านั้น”
ความสนใจของเขา รวมอยู่ในวิชาทางการแพทย์ทั้งหมดแล้ว