บทที่ 1074 จากใจจริง
ฉินซีเบะปากอย่างหยอกล้อ : “คุณโทรมาหาฉันแต่เช้าขนาดนี้ ต้องรู้หมดแล้วสิ จะมาถามฉันอีกทำไม?”
ลู่เซิ่นเพียงหัวเราะ ไร้การตอบรับใดๆ : “ผมโทรหาคุณเพราะเห็นข่าวจริงๆนั่นแหละ แต่เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น ผมอยากฟังจากคุณ”
เขายอมให้เธอเช่นนี้ ฉินซีไม่กล้าแสร้งอีกต่อไป เธอก้มหน้าพร้อมเอ่ย : “วันนี้ฉันไปฟังคำตัดสินของเห้อเสียงมา มีคนจำฉันได้ โพสลงโลกออนไลน์ แล้วฉันก็ถูกนักข่าวรุม”
ลู่เซิ่นพยักหน้า ไม่ขัดคำ
ฉินซีเอ่ยเสริม : “ก่อนหน้านี้ฉันวางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รอเห้อเสียงถูกปล่อยตัว ฉันค่อยให้จ้าวจิ้งช่วยเห้อเสียงฟ้องฉินซึ่งเทียนในข้อหาหมิ่นประมาท ตอนนี้ฉินซึ่งเทียนเสมือนอยู่หน้าหุบเหว คดีนี้ ต้องดึงดูดความสนใจผู้คนได้แน่ ตอนนั้นฉันจะเอาหลักฐานที่ได้จากเห้อเสียงเผยแพร่แก่ประชาชน แล้วค่อยหาโอกาสเหมาะแถลงข่าวเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเหยาหมิ่น”
ลู่เซิ่นตอบกลับเสียงแผ่ว : “แต่วันนี้ถูกนักข่าวรุม แผนการพังไม่เป็นท่า?”
ฉินซีพยักหน้ารับ : “ฉันไม่คิดว่าจะมีภาพหลุด ไม่คิดด้วยว่านักข่าวจะมา แต่เมื่อเห็นนักข่าว ฉันก็เปลี่ยนแผนแล้ว”
“อะไร?” ลู่เซิ่นเอ่ยถาม
“ตอนนี้ฉันเป็นจุดสนใจของทุกคน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้จ้าวจิ้งฟ้องร้องเพื่อดึงความสนใจของทุกคน ฉันให้สัมภาษณ์นักข่าวเพื่อสะกิดความอยากรู้ของนักข่าวเอง” ฉินซีตอบ
ลู่เซิ่นนึกถึงภาพฉินซีที่ให้สัมภาษณ์แก่นักข่าว ก่อนพยักหน้า : “คุณเปลี่ยนแผนกะทันหันเช่นนี้ ไม่มีปัญหาอะไรนี่”
ฉินซีถอนหายใจ : “แต่เนื้อหาคดีของเหยาหมิ่นถูกปล่อยออกไป ฉันก็ต้องเปลี่ยนแผนใหม่อีกรอบ”
“รู้สึกเหมือนถูกไล่ต้อน?” ลู่เซิ่นจ้องมองฉินซีที่หน้าจอโทรศัพท์ พร้อมน้ำเสียงที่นุ่มนวล
ฉินซีพยักหน้า : “จะบอกว่าเป็นเรื่องไม่ดี ก็ไม่เชิง ให้ทุกคนได้รับรู้ล่วงหน้าว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคดีของเหยาหมิ่น เพื่อก่อให้เกิดการโต้แย้งและคาดเดา เมื่อแถลงข่าว จะได้รับการยอมรับจากประชาชนโดยเร็ว ฉันแค่…..แผนการที่ตัวเองวางไว้ถูกเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่”
ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ : “ฉินซี รู้อะไรไหม ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าเหตุการณ์เหนือการคาดเดานี้อีกแล้ว”
ฉินซีหัวเราะตาม แต่รอยยิ้มนั้นจางหายไปในเวลาต่อมา : “แล้วฉัน บังเอิญเห็นคอมเม้นเกี่ยวกับเหยาหมิ่นเข้า”
หากเป็นไปตามแผนการ เมื่อเรื่องราวเชื่อมโยงมาถึงเหยาหมิ่น เธออาจไม่ได้รับแรงกระแทกจากผู้คนอีก แต่ตอนนี้ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ความจริงเกี่ยวกับเหยาหมิ่นยังไม่มีการเปิดเผย ทุกคนจึงคอมเม้นด้วยข้อความที่น่าเจ็บปวด
ฉินซีไม่ต้องการเผยมุมที่อ่อนแอของตน เสียใจกับคอมเม้นที่ไม่ได้สำคัญอะไร เสมือนว่าเธอนั้นบอบบางราวกระจกแก้ว ต้องการการปกป้องจากคนรอบข้าง
แต่ว่า…..ยังไงก็เป็นลู่เซิ่น
เป็นลู่เซิ่นที่ได้เห็นความอนาถที่สุดของเธอมาแล้ว
เมื่อฟังเธอกล่าวจนจบ ลู่เซิ่นเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า เผยสีหน้านิ่งขรึมจริงจัง : “ใครเป็นคนคอมเม้น? บอกชื่อมา ฉันจะสั่งคนหาเขาให้เจอในวันนี้ สั่งสอนมันให้รู้จำ”
ฉินซีแหงนหน้าขึ้นอย่างตกใจ : “คุณพูดบ้าอะไร คนแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์เยอะจะตายไป จะสั่งสอนหมดทุกคนได้ยังไง”
แต่เมื่อเห็นสายตาหยอกล้อของเขา ฉินซีถึงได้รู้ตัว
ลู่เซิ่นเพียงหยอกให้เธออารมณ์ดี เขาตั้งใจเอ่ยเช่นนั้นออกมา
“คุณนี่มัน…..” ฉินซีอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ครั้งนี้ เป็นเสียงหัวเราะจากใจจริง
ลู่เซิ่นยกมุมปาก : “ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นไหม?”
ฉินซีพยักหน้า
อันที่จริงต่อให้ลู่เซิ่นไม่โทรหาเธอ เพียงแค่ให้เวลาเธอสักหน่อย เธอก็สามารถเดินออกจากอารมณ์ขุ่นมัวนั่นได้เอง
แต่เพียงแค่ลู่เซิ่นโทรหาเธอ สิบนาทีเท่านั้น ความหม่นหมองในใจเธอค่อยๆมลายหายไป
“คุณไปทำงานเถอะ” ฉินซีเห็นทางนั้นมีใครบางคนเคาะประตูเข้ามา เธอเหลือบมองนาฬิกา ได้เวลาที่ลู่เซิ่นต้องทำงานพอดี
ลู่เซิ่นพยักหน้าตอบ เขาหันมองบุคคลที่มาใหม่โดยไม่เอ่ยใดๆ ก่อนยกมือขึ้นกดวางสาย
ฉินซีจับจ้องหน้าจอที่ดับสนิท พร้อมเผยรอยยิ้ม
ต่อให้ลู่เซิ่นไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ ต่อให้ขั้นกลางด้วยระยะห่างแสนไกล ทั้งคู่ก็ต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกันได้
เธอวางโทรศัพท์ลง พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
ยังมีอะไรอีกมากมายที่เธอต้องทำ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมัวหมกมุ่นกับอารมณ์ของตัวเอง
…..
แผนการถูกเลื่อนเร็วขึ้นมาก สิ่งที่เตรียมการไว้ล่วงหน้าถูกทำลายด้วยเช่นกัน ต้องเตรียมการใหม่อีกรอบ เช้าวันที่สอง ฉินซียังคงมาถึงโรงพยาบาลอย่างตรงเวลาเช่นเคย เธอนัดเวลากับหมอก่อนเข้าห้องรับการบำบัด
ส่วนการรักษาอาการป่วยจากการถูกกระทบจิตใจขั้นรุนแรง เธอเข้ารับการรักษาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้รักษาด้วยการพูดคุยกับหมอ ไม่เจ็บปวดมากเท่าแต่ก่อนเก่าแล้ว การบำบัดด้วยวิธีนี้ซ้ำๆเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ หมอจึงเปลี่ยนแผนการบำบัดด้วยวิธีอื่น
“วันนี้คงต้องให้เธอกลับไปยังเหตุการณ์วันที่พี่หลิวเกิดอุบัติเหตุ” คุณหมอให้ฉินซีเอนกายลงบนเก้าอี้บำบัด หน้าผากของฉินซีผุดเหงื่อท่วม
คุณหมอยื่นทิชชู่ให้กับเธอ ฉินซีกล่าวขอบคุณ พลางเช็ดเหงื่อของตนเอง เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามคำถามที่ตนประหลาดใจมาหลายวัน : “หมอ เอ่อ…..จิตใต้สำนึกของฉัน ไม่รู้สึกผิดกับการตายของพี่หลิว?”
เธอมีความสงสัย เป็นเรื่องปกติ
พ่อบ้านไม่ได้ชัดเจนนักกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ แต่ได้ยินว่าเธอไปหาจิตแพทย์ เขารวบรวมข้อมูลจากในหนังสือหลายเล่มได้ความว่า ฉินซีรู้สึกไม่สบายใจเพราะเธอทำผู้อื่นเสียชีวิตโดยไร้เจตนา เธอจึงต้องไปหาจิตแพทย์
รู้เช่นนี้ พ่อบ้านคอยเคียงข้างปลอบใจเธอทุกวัน พี่หลิวได้รับผลกรรมจากการทำชั่วไม่ใช่เพราะฉินซี
ครั้งสองครั้ง ฉินซีไม่เห็นความผิดปกติ แต่เมื่อบ่อยเข้า ฉินซีรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
เธอปลอบใจพ่อบ้าน แต่กลับเกิดคำถามขึ้นกับตน
หากต้องโต้กันจริงๆ พี่หลิวเสียชีวิตเพราะทำความผิดจริงๆนั่นหละ หากแต่….เธอกลับไร้ปฏิกิริยาใดๆกับการเสียชีวิตของพี่หลิวปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นเลือด เพราะนึกถึงเหยาหมิ่นเท่านั้น
จากวันนั้น เธอไม่เคยนึกถึงพี่หลิวแม้แต่น้อย
หรือเธอ…..เป็นคนเลือดเย็น?
ฉินซีประหลาดใจขึ้นมา
เมื่อความสงสัยเกิดขึ้น ยากนักที่จะหายไป ฉินซีทนไม่ไหวอีกต่อไป ถึงได้เอ่ยถามหมอ