บทที่ 107 ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่
ตอนที่ออกมา เวินจิ้งยังคงอยู่ในโหมดช็อก
ของโบราณทุกชิ้นที่อยู่ด้านในต่างก็เขียนราคาที่ประมูลในปีนั้นเอาไว้อย่างชัดเจน แทบจะขึ้นหลักร้อยล้านทั้งนั้น ตระกูลมู่ช่าง…ร่ำรวยมหาศาลจริงๆ
มองดูมู่วี่สิง เธออยากจะโพล่งถามถึงคุณพ่อคุณแม่ของเขาออกมา อยากจะรู้จักเขา รู้จักตระกูลมู่ให้มากกว่านี้หน่อย แต่ก็รู้สึกได้ขึ้นมาจริงๆอีกว่า ช่องว่างระหว่างเธอกับมู่วี่สิง ถึงจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถก้าวผ่านข้ามไปได้จริงๆ
กลับมาถึงห้อง มู่วี่สิงอยู่ที่ห้องหนังสือ เวินจิ้งคุยโทรศัพท์กับอั้ยเถียนอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่สบาย เวินจิ้งก็เลยวางแผนเอาไว้ว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมเธอ
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เธอกดเปิดหน้าฟีดข่าวที่เด้งขึ้นมา สายตาหยุดชะงักลง
ตระกูลฉินยกประเด็นยกเลิกการแต่งงานกับตระกูลฉืออย่างเป็นทางการออกมา
เป็นเพราะการแท้งของฉินเฟยอย่างงั้นหรอ?
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น นึกถึงการกล่าวหาของฉินเฟยขึ้นมา ส่วนลึกที่สุดภายในจิตใจก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
ในขณะเดียวกัน ตระกูลฉินยังประกาศปลดฉืออี้เหิงออกจากตำแหน่งประธานบริษัท เวินจิ้งถึงได้พบว่า สถานการณ์การขาดทุนของตระกูลฉินได้หนักมากแล้ว ถึงขั้นอยู่ในโหมดใกล้จะล้มละลาย
นอกเสียจากว่ามีการจัดหาผู้ร่วมลงทุนจากธุรกิจอื่นๆ มิเช่นนั้นยากมากที่จะอยู่รอดต่อไปได้
ตอนที่มู่วี่สิงเข้ามา เวินจิ้งนำโทรศัพท์มือถือวางเอาไว้อีกด้าน ในปีนั้นตระกูลฉินอยู่ที่เมืองหนานเฉิงสามารถเรียกได้ว่ามือข้างเดียวก็สามารถบดบังท้องฟ้าเอาไว้ได้ แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะมาถึงจุดนี้
“คิดอะไรอยู่ครับ?” สังเกตเห็นอาการเหม่อลอยของเวินจิ้ง มู่วี่สิงก็กอดเธอเอาไว้
“ตระกูลฉินดูเหมือนจะเกิดเรื่องแล้วค่ะ…”
“คุณเป็นห่วง?” มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากบางขึ้น ความแหลมคมภายในดวงตาปรากฏออกมาให้เห็น
“ฉันเพียงแต่รู้สึกว่า…เหลือเชื่อ” เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น
อย่างไรเสียด้วยกำลังความสามารถของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว ทำไมอยู่ๆถึงได้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาได้
“บางที อาจจะเป็นผลกรรม” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมขึ้น
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน นั่นสินะ คงจะมีคนโจมตึบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปถึงได้มาถึงจุดที่แย่เช่นนี้กระมัง
“เวินจิ้ง…ยัยผู้หญิงสารเลว เอาลูกของฉันคืนมา…”
เสียงที่คุ้นเคยดังสะท้อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฉินเฟยวิ่งไล่เธอมา ที่นี่คือริมทะเลแล้ว เวินจิ้งไม่มีหนทางที่จะหนีได้
เธอเบิกตาโพลง มองดูฉินเฟยยื่นมือเข้ามา ผลักเธออย่างแรง…
“อ้า…”
เธอลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน เวินจิ้งถึงรู้สึกได้ว่านี่คือความฝัน แต่ว่า ช่างเหมือนจริงมากเหลือเกิน
ไฟในห้องถูกมู่วี่สิงเปิดขึ้น เขากอดเธอเอาไว้ ปลายนิ้วแนบไปบนใบหน้าของเธอ “ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่”
อ้อมกอดแห่งความห่วงหาก็ไม่มีทางที่จะทำให้เธอสบายใจขึ้นมาได้ เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเผยให้เห็นความสับสนออกมา “มู่วี่สิง ฉันฝันว่าฉินเฟยคิดจะฆ่าอำพรางศพฉัน…เธอต้องการคืนความยุติธรรมให้กับลูกของเธอ”
แม้ว่าหลายวันมานี้เวินจิ้งจะปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่า การแท้งของฉินเฟยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
แต่ว่า สุดท้ายในส่วนลึกของจิตใจกลับมีความกลัวหลงเหลืออยู่
เธอร้องไห้เบาๆ นุ่มนวลขนาดนั้น อ่อนแอขนาดนั้น
“ฉินเฟยแท้งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ คุณนายมู่” เสียงของมู่วี่สิงดังขึ้นที่ข้างใบหูของเธอ
เรื่องนี้ เขาเพิ่งจะตรวจสอบจนแน่ชัดอย่างถึงที่สุดก็วันนี้ ก่อนหน้านี้ฉินเฟยก็ถูกวินิจฉัยแล้วว่าตั้งครรภ์นอกมดลูก วันที่แท้งนั้นเป็นเพราะเธอใช้ยาทำแท้งในปริมาณที่มาก
หลักฐานของเรื่องนี้แทบจะถูกฉินเฟยทำลายทิ้งไปหมดแล้ว ดังนั้นการตรวจสอบให้แน่ชัดจึงเปลืองเวลาไปไม่น้อย
“จริงหรอคะ?” ฟังคำบอกเล่าของมู่วี่สิง เวินจิ้งก็ตะลึงงัน
“พรุ่งนี้ผมจะเอารายงานผลให้คุณดู ไม่ต้องคิดเพ้อเจ้ออีกต่อไปแล้ว” มู่วี่สิงลูบศีรษะของเธอเล็กน้อย
“มู่วี่สิง ขอบคุณนะคะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นเบาๆ
ช่วงระยะเวลานี้ เกรงว่าเขาตรวจสอบเรื่องเหล่านี้คงจะเปลืองแรงไปไม่น้อย ทั้งยังต้องจัดหาสถานที่ให้กับเจี่ยนอี ทั้งยังต้องจัดการเรื่องตกแต่งซ่อมแซมบ้านตระกูลเวินใหม่ บางที อาจจะยังมีมากกว่านี้ที่เธอไม่รู้
ผู้ชายคนนี้ แข็งแกร่งสามารถเป็นที่พึ่งให้เธอได้เสมอ
“ขอบคุณผม? ขอบคุณยังไง? หืม?”