บทที่ 1093 แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก
“คุณฉินคะ หลังจากประสานงานกันแล้ว ฉันได้จัดเตรียมโครงการไว้ใหม่ค่ะ” ถังย่าเหมือนกับว่าไม่รู้สึกถึงสายตาของฉินซี หยิบเอกสารออกมาจำนวนหนึ่ง “ถ้าหากไม่มีปัญหาอะไร หลังจากนี้การติดต่อกับสถานที่จัดงานจะมีจ้านเซินเป็นผู้รับผิดชอบทำให้สำเร็จ เขาจะติดต่อกับคุณโดยตรงค่ะ”
ฉินซีรับเอกสารมาเปิดอ่านคร่าวๆรอบหนึ่ง
เธอเพิ่งจะส่งความเห็นในกับถังย่าในเช้าวันนี้ คราวนี้ผลิตภัณฑ์ที่แก้ไขออกมา โดยพื้นฐานไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เธอพยักหน้า “ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว สำหรับสถานที่จัดงานนั้นก็ต้องรบกวนพวกคุณแล้ว”
เธอจงใจหลบเลี่ยงสายตาออกจากจ้านเซิน หลุบตาลง พลางพยักหน้าให้กับทั้งสองคนอย่างชื่นชม
แต่สายตาของจ้านเซินคล้ายกับว่ามีตัวตนจริงๆ แม้ว่าฉินซีจะก้มหน้า แต่ก็สามารถรู้สึกถึงมันได้อยู่ดี
ความรู้สึกอันแปลกประหลาดนั้นรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างอดไม่ได้ มองไปยังจ้านเซิน นัยน์ตาหรี่ลง ใช้สายตาเตือนเขา
ถ้าหากว่าระหว่างพวกเขาเคยพบหรือสนิทกันมาก่อน นั่นก็พูดได้ชัดเจนว่า ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำท่าทางเป็นไม่รู้จักแบบนี้
ถ้าหากว่าระหว่างพวกเขาไม่คุ้นเคยกันมาก่อน อย่างนั้นก็ระมัดระวังการกระทำเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครจ้องคนแปลกหน้าแบบนี้ในการพบหน้ากันครั้งแรก
ฉินซีคิดว่าการเตือนในสายตาของตัวเองนั้นชัดเจนมากพอแล้ว คนทั่วไปล้วนสามารถมองออกถึงโทสะบางเบาที่อยู่บนใบหน้าของตัวเอง แต่จ้านเซินกลับไม่หลบหนี ยังคงจ้องฉินซีต่อไป กระทั่งตอนที่สายตาของฉินซีมองมา ก็ยังคงยิ้มให้เธออย่างขี้เกียจเล็กน้อย
ฉินซีเม้มปาก เบนสายตาออกไป
…….. จ้านเซินคนนี้ จะต้องมีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน
“ขอให้คุณฉินวางใจ นิทรรศการภาพถ่ายของคุณ พวกเราจะตั้งใจทำให้สำเร็จ” จ้านเซินพูดกับฉินซี
ฉินซีรู้สึกได้กะทันหันว่านี่เป็นประโยคแรกที่จ้านเซินเอ่ยพูด
น้ำเสียงของจ้านเซิน……พิเศษมาก
ไม่เหมือนกับเสียงทุ้มต่ำสบายๆของลู่เซิ่น น้ำเสียงของเขาไม่เพียงแต่ทุ้มต่ำมาก แต่ยังหยาบมากอีกด้วย ทำให้คนนึกถึงพายุทรายที่พัดในทะเลทราย พัดผ่านใบหน้าแล้วรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง
ความรู้สึกคุ้นเคยอันน่าประหลาดผุดขึ้นมาในใจของฉินซีอีก
เธอจะต้องเคยได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้จากที่ไหนมากก่อน
ฉินซีค่อยๆหันหน้าไปมองจ้านเซิน
หรือไม่ก็ ก่อนหน้านี้เธอกับจ้านเซินจะต้องรู้จักกันมาก่อนจริงๆ
“โดยเฉพาะส่วนที่แสดงความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้อยู่ของคุณในนิทรรศการ พวกเราจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน” จ้านเซินสบตากับฉินซี ตอบทีละคำ ทีละประโยคอย่างช้าๆ
คิ้วของฉินซีขมวดเป็นปมเล็กน้อย ความรู้สึกไม่ปลื้มปรากฏขึ้นมาในใจวูบหนึ่ง
น้ำเสียงพูดจาแบบนี้ของจ้านเซิน ไม่เหมือนกับการสัญญาว่าจะจัดนิทรรศการนี้ดีๆกับฉินซี แต่เหมือนกับ……กัดฟันพูดออกมามากกว่า
แต่ว่าสีหน้าความรู้สึกของเขากลับจริงใจมาก ทำให้ในใจของฉินซีสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม
ฉินซีสูดลมหายใจลึก กดความรู้สึกไม่สบายใจที่ผุดขึ้นมาลงไป
บริษัทพีอาร์ของถังย่าดีที่สุดในวงการ หลังจากนี้เธอจำเป็นต้องทำงานร่วมกับพวกเขา ไม่จำเป็นต้องแตกหักกับคนที่พบเจอกันในครั้งแรก
ในใจของฉินซีเอ่ยเตือนตัวเองรอบแล้วรอบเล่าไปหลายประโยค ถึงได้เอ่ยปาก
“ส่วนนี้สำคัญมากจริงๆ” สายตาของฉินซีเบนออกจากร่างของจ้านเซิน กลับไปที่ถังย่า “ขอให้พวกคุณทำมันออกมาให้ดี”
ในตอนสุดท้ายนี้ถังย่าถึงได้เอ่ยพูด “คุณวางใจได้เลยค่ะ”
ทั้งสามคนพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดของนิทรรศการเล็กน้อย ในที่สุดจ้านเซินก็ปกติขึ้นมาเล็กน้อย ไม่จ้องฉินซีเขม็งอีกแล้ว บางครั้งก็เข้าร่วมการพูดคุยด้วยหลายประโยค และเป็นความเห็นที่นำมาอ้างอิงได้จริงๆ
ความสงสัยในใจของฉินซีถึงได้ลดลงเล็กน้อย
แม้ว่าเบื้องหน้าดูแล้ว จ้านเซินจะต้องไม่ได้เป็นเพียงแค่พนักงานที่สัมผัสกับงานนิทรรศการค่อนข้างเยอะคนหนึ่งง่ายๆอย่างที่ถังย่าบอก แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่ว่าอะไรก็ไม่เข้าใจ ทำไม่เป็นแล้วเนียนว่าทำเป็นในกลุ่ม
เรื่องของฉินซึ่งเทียนเพิ่งจะผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือว่าจิตใจ เธอล้วนรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ดังนั้นจึงไม่มีกะจิตกะใจจะรับมือกับจ้านเซิน
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจัดทำนิทรรศการออกมาให้ดี สำหรับเรื่องที่ว่าจ้านเซินมีวัตถุประสงค์อะไรนั้น…….ขอเพียงแค่ไม่รบกวนการจัดงานนิทรรศการ ฉินซีไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจเขา
ตอนห้าโมง รายละเอียดพื้นฐานในนิทรรศการช่วงแรกนั้นตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้ว หอศิลป์เมืองหนานเป็นตัวเลือกอันดับแรก จำเป็นจะต้องให้พวกถังย่าพยายามไปช่วงชิงมา สำหรับการสร้างความนิยมจากกระแสมวลชนในช่วงแรกนั้น ถังย่าเลือกใช้คลิปโฆษณาที่ทำให้ผู้คนมากมายประทับใจอย่างลึกซึ้งในปีที่แล้วที่ฉินซีวางแผนให้กับบริษัทลู่ซื่อ
เป็นธรรมดาที่ฉินซีจะไม่คัดค้านการจัดการแบบนี้ แต่เธอก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างว่า เพราะตั้งแต่ต้นจนจบถังย่าล้วนไม่ได้เอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นเลย
แม้ว่าฉินซีจะไม่ใช่นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ แต่มากน้อยอย่างไรก็ได้สัมผัสกับคดีความมาบ้าง ตามแนวความคิดปกติของนักประชาสัมพันธ์ แม้ว่าในนิทรรศการของฉินซีจะมีการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อลู่เซิ่นอย่างไม่ชัดเจน และแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นในตอนนี้จะเบาบางมาก ข่าวซุบซิบแบบนี้ดึงดูดสายตาผู้คนได้มากที่สุด ถ้าหากว่าใช้วิธีการนี้ในการโฆษณา ก็จะได้รับผลตอบรับการโฆษณาที่ดีที่สุดอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าฉินซีไม่ชอบวิธีนี้ เธอไม่ต้องการใช้ความสัมพันธ์ของลู่เซิ่นกับตัวเองมาเป็นจุดขาย กระทั่งระหว่างทางที่มานั้น เธอก็เคยคิดว่า ถ้าหากว่าถังย่าเสนอโครงการนี้ออกมา เธอจะต้องเอ่ยปฏิเสธในทันทีอย่างแน่นอน
แต่ว่าถังย่านั้นเหมือนกับไม่เคยคิดโครงการนี้อย่างไรอย่างนั้น ไม่เพียงแต่ไม่ได้เขียนออกมาในแผนการ กระทั่งพูดถึงก็ไม่ได้พูดเลยสักคำ
เธอที่เป็นแบบนี้ กลับทำให้ฉินซีรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
จะมีนักประชาสัมพันธ์ที่ปล่อยจุดขายที่ง่ายดายเช่นนี้ไปจริงๆหรือ
เพียงแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมา ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ถ้าหากว่าเอ่ยถามแล้ว ก็ดูเหมือนกับว่าแนะนำให้ถังย่าทำแบบนั้น
ฉินซีเพียงแค่ลุกขึ้นยืน เก็บเอกสารที่อยู่เบื้องหน้าเข้าไปในกระเป๋า เอ่ยกับถังย่าอย่างเกรงอกเกรงใจว่า “ต่อไปก็ต้องรบกวนพวกคุณแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจ” คนที่ตอบเธอกลับเป็นจ้านเซิน
พูดคุยกันมาหลายชั่วโมง มากน้อยอย่างไรฉินซีก็คุ้นเคยกับน้ำเสียงทุ้มต่ำ หยาบกระด้างแล้วเล็กน้อย ฟังดูแล้วก็ไม่ได้เสียดหูขนาดนั้นอีก
แต่น้ำเสียงของเขากับสายตาที่มองมาทางตัวเอง ยังคงยากที่จะให้ฉินซีคุ้นเคยได้
คนขับรถมาถึงด้านนอกแล้ว ฉินซีก็ไม่ได้พูดอะไรกับพวกเขาอีกแล้วลุกขึ้นยืน เดินไปข้างนอก
ถังย่าและจ้านเซินเดินไปส่งเธอที่หน้าประตู
ในที่สุดคราวนี้ตำแหน่งของจ้านเซินและถังย่าก็เป็นปกติ ถังย่าเดินนำหน้าจ้านเซินอยู่เล็กน้อย ขวางเขาอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งได้
ฉินซีพยักหน้าให้กับทั้งสองคนเป็นการบอกลา และขึ้นไปนั่งบนรถ
เพียงแต่มองจากในรถผ่านบานกระจกมองหลัง เธอยังสามารถมองเห็นถังย่าและจ้านเซินที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
ถังย่ากำลังหันข้าง เงยหน้าขึ้นพูดอะไรสักอย่างกับจ้านเซิน
ทว่าสายตาของจ้านเซินมองตามรถคันนี้ของตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่ได้มองถังย่าแม้แต่น้อย
ฉินซีรู้สึกว่าเขาถอนสายตากลับไปในตอนที่สายตาของเขาได้สบเข้ากับตัวเองในกระจก
ความรู้สึกที่ฉินซีมีต่อจ้านเซินนั้นบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
นิสัยใจคอรอบตัวของจ้านเซินแข็งเกินไป บวกกับรูปร่างหน้าตาของเขา มองดูแล้วไม่เหมือนกับคนของบริษัทพีอาร์ แต่เหมือนกับ……..ผู้นำในองค์กรอะไรสักอย่างยิ่งกว่า
ฉินซีถูกความคิดของตัวเองทำให้รู้สึกขบขันจนอยากจะหัวเราะ ตอนที่หันหน้ากลับไปมอง อาคารเก่าแก่หลังนั้นก็หายไปจากครรลองตาเสียแล้ว