บทที่ 1109เขาจะขอคนอื่นแต่งงานจริงหรือ
บทสนทนาของฉินซีกับถังย่าถูกขัดจังหวะขึ้น พวกเขาทั้งสองหันมาไปมองพร้อมกัน
ช่างเทคนิควางหูฟังลง หันไปหาฉินซี : “จากการตรวจสอบผ่านซอฟต์แวร์ สามารถมั่นใจได้ว่าคลิปเสียงไม่มีร่องรอยของการตัดต่อ”
หัวใจฉินซีดิ่งลงอย่างกะทันหัน
ดูเหมือนช่างเทคนิคจะกังวลว่าเธอจะไม่เชื่อ จึงหันคอมพิวเตอร์มา
ในคอมพิวเตอร์มีการเปิดซอฟแวร์ไว้ เขาได้แนะนำสั้นๆแก่ฉินซีเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่แสดงอยู่ในซอฟแวร์หมายความว่าอย่างไร : “เส้นนี้มีการเชื่อมกันอย่างต่อเนื่องสมบูรณ์ ถ้าหากคลิปเสียงผ่านการตัดต่อแม้แต่หนึ่งวินาทีก็ตาม ตรงนี้ก็จะเกิดช่องว่างขึ้น และเส้นนี้บอกให้รู้ว่า คลิปเสียงนั้นไม่มีปัญหา”
ฉินซีมองดูเส้นตรงเส้นนั้น และไม่รู้ว่าทำไมถึงมีรสชาติขมขึ้นในปาก
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เชื่อถังย่า จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่คลายความสงสัยจากถังย่าว่าเป็นผู้ที่ส่งอีเมลนี้ แต่ความรู้สึกของเธอบอกกับเธอว่า ผลลัพธ์การตรวจสอบจากซอฟแวร์นี้มีความน่าเชื่อถือ
……ลู่เซิ่นพูดแบบนี้กับคนอื่นจริงๆเหรอ
เขาจะขอคนอื่นแต่งงานจริงหรือ
ความจริงเช่นนี้เหมือนเป็นการนำปอดของฉินซีไปแช่ไว้ในน้ำแข็ง ทำให้เธอแทบจะหายใจไม่ออก อวัยวะภายในถูกแช่จนแข็งไปหมด
เธอทำได้เพียงฝืนพยักหน้า : “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
และช่างเทคนิคอีกคนพูดต่อว่า : “ผมติดตามที่อยู่ที่ส่งอีเมล ผลลัพธ์ที่แสดงคือเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางใต้ แต่ว่าผู้ส่งได้ใช้IPปลอม มีความเป็นไปได้ว่าที่อยู่ที่เราติดตามได้ เป็นที่อยู่IPปลอม ไม่มีค่าใดๆ”
ไหล่ของฉินซีทรุดลงไป
……ยังคงหาไม่เจอ
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะเสียใจกับข่าวไหนมากกว่าดี
ถังย่าโบกมือขึ้น ช่างเทคนิคสองคนจึงได้ออกไป ในห้องประชุมจึงเหลือแค่พวกเขาสองคน
ฉินซีจ้องดูแบบฟอร์มอยู่ตรงหน้าที่ถังย่าได้ร่างออกมา แล้วก็หัวเราะเยาะให้กับตัวเอง
จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอได้ทำลงไปนั้นไม่มีความหมาย
ถ้าหากว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดของลู่เซิ่น อย่างนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรที่เธอนั้นตามหาคนที่ส่งข่าวสารให้เธอ
เป็นถังย่าแล้วยังไง ไม่ใช่แล้วยังไง
คนที่กระทำผิดคือลู่เซิ่น คนอื่นไม่ว่าจะทำอะไร ก็เป็นแค่ตัวเติมเชื้อไฟ
อย่างมากก็เป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ไม่ใช่เป็นผู้กระทำผิด
ดูเหมือนถังย่าจะรับรู้ถึงความผิดปกติของความรู้สึกของฉินซี จึงอยู่เป็นเพื่อนอย่างเงียบๆ สักพักจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง : “คุณไหวไหม”
ฉินซีส่ายหน้าไม่การพูดจาใดๆ แล้วก็เงียบไปอีกหลายนาที จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างช้าๆ
“คนที่ส่งอีเมลให้ฉัน เขามีวัตถุประสงค์อะไรกัน”
นี่เป็นคำถามสุดท้ายของเธอตอนนี้
ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ข้างๆลู่เซิ่น ฉินซีก็รู้ดีว่าการที่จะอัดเสียงของลู่เซิ่นนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย
เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ แล้วก็คิดวางแผนหาวิธีส่งมาให้ตัวเอง ลำบากเพียงนี้ เพื่อจุดประสงค์อะไรกัน
เห็นทีอีเมลนี้มีเพียงผลลัพธ์เดียว ——เธอจะเลิกกับลู่เซิ่น
แต่ว่าจะมีคนลงทุนลำบากถึงเพียงนี้ เพียงเพื่อต้องการให้เธอเลิกกับลู่เซิ่นจริงๆหรือ
ฉินซียิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
นี่เป็นเพียงประโยคที่เธอพึมพำกับตัวเอง เธอไม่ได้หวังให้ถังย่าตอบ
แต่ว่าถังย่ากลับพูดขึ้นเบาๆทันที
“บางทีอาจจะไม่มีจุดประสงค์อะไร เพียงแค่ต้องการให้คุณเห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่น”
เมื่อเธอพูดประโยคนี้ออกมา เธอกลับรู้สึกว่าถึงบางอย่างผิดปกติ ราวกับเธอพูดผิดจึงรีบก้มหน้าทันที
ฉินซีขมวดคิ้ว หันหน้าไปมองเธอด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ
——คิดไม่ถึงถังย่าสามารถพูดประโยคที่คล้ายกับคำพูดของ “มนุษย์”พูดกัน
ตอนนี้ในใจของฉินซีรู้สึกราวกับว่า กำลังเห็นหุ่นยนต์เข้าใจความรัก ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
ถังย่าแทบจะเอาหัวมุดเข้าไปในโต๊ะ เหมือนกับหุ่นยนต์ที่รู้ตัวว่าได้สั่งผิดโปรแกรม และไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กระทำลงไป
ฉินซีมองท่าทางที่เขินอายของเธอ กลับรู้สึกขำ ถึงแม้จิตใจจะย่ำแย่มาก แต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
แต่หลังจากที่ยิ้มเสร็จ ความคิดของเธอก็คิดตามคำพูดของถังย่า
เห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่นเหรอ
ฉันเห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่นแล้วจะมีประโยชน์อะไร
เห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่นคนนี้…..
คำพูดนี้…..เธอเห็นเมื่อไม่นานมานี้
ที่ไหนน๊า
ฉินซีเหมือนจะนึกอะไรได้ ถึงกับคิ้วขมวดขึ้น
ในเวย์ปั๋ว!
ก่อนหน้านี้ ที่เรื่องของฉินซึ่งเทียนแดงขึ้นมานั้น บังเอิญเข้ากับเธอที่มีเวลาว่างพอดี จึงได้เปิดลิงก์ที่อานหยันส่งมาให้เธอดู
ท่าทางอานหยันดูดีใจรบเร้าให้เธอเปิดอ่านช่องแสดงความคิดเห็น ฉินซีจึงเปิดอ่านตามที่ขอที่ซึ่งอยู่ตรงบรรทัดแรกสุด เป็นบรรทัดที่มีแต่รูปอิโมจิโกรธ : “เมื่อก่อนฉันเคยปรารถนาที่จะไปทำงานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป คิดไม่ถึงว่าฉินซึ่งเทียนจะเป็นผู้ชายที่เลวทรามขนาดนี้ ขอบคุณฉินซีมากนะ ที่ทำให้ฉันได้เห็นธาตุแท้ของฉินซึ่งเทียน!”
ตอนนั้นฉินซีอ่านแล้วก็ยิ้มผ่านไป แต่ตอนนี้กลับนึกขึ้นมาได้ฉับพลัน
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ สำหรับเธอเรื่องที่ทำให้เธอออกหน้าออกตา ก็คงหนีไม่พ้นการฟัดเหวี่ยงกับคนเลวทรามอย่างฉินซึ่งเทียนเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับเหยาหมิ่นที่ถูกใส่ร้าย
เมื่อเธอเห็นตัวตนที่แท้จริงของฉินซึ่งเทียน เธอจึงใช้อำนาจของลู่เซิ่นในการล้มบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ทำให้ฉินซึ่งเทียนแพ้ไปอย่างย่อยยับ
แล้วคนนี้ที่ต้องการให้เธอเห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่นนั้น…..หรือว่าต้องการเห็นตัวเองตกอยู่ในสภาพที่ทำกับฉินซึ่งเทียน เพื่อแก้แค้นลู่เซิ่นอย่างนั้นเหรอ
ดังนั้นคนที่ส่งอีเมลไม่เพียงต้องการให้เธอเลิกกับลู่เซิ่น ยังต้องการปลุกปั่นยั่วยุต่อมความโกรธของเธอ เพื่อให้เธอแก้แค้นลู่เซิ่น
เมื่อฉินซีคิดมาถึงตรงนี้ มุมปากจึงยิ้มอย่างขื่นๆ
ถ้าหากคนที่ส่งอีเมลมีความคิดเช่นนี้ เธอคงอดไม่ได้ที่จะขำให้กับความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย
เธอต่อกรกับฉินซึ่งเทียนได้อย่างไร้ความปราณี นอกจากฉินซึ่งเทียนทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญสุดคือ เธอเป็นเพียงแค่คนนอกที่มองดูความสัมพันธ์ความรักของฉินซึ่งเทียนกับเหยาหมิ่นเท่านั้น
ไม่มีความรัก ดังนั้นย่อมหยิบมีดแทงได้อย่างไร้ความเมตตาปราณี ลงทัณฑ์เพื่อทวงความยุติธรรม
แต่ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นไม่ใช่เป็นแบบนี้
เธอนั้นมีรักที่จริงใจให้กับลู่เซิ่น เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่จะลงมือทำแบบนั้นได้
…..เธอยังวางแผนที่จะสารภาพความรู้สึกที่มีต่อลู่เซิ่นอย่างลับๆในงานนิทรรศการภาพถ่ายครั้งแรกของเธอ
คิดมาถึงตรงนี้ ฉินซีหันหน้าไปมองถังย่า : “แผนการการจัดนิทรรศการภาพถ่าย …อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย”
ถังย่าไม่แปลกใจกับคำสั่งของฉินซีนี้ คงเป็นเพราะตอนที่ฟังคลิปเสียงนั้น คิดแล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าให้กับฉินซี : “ได้ค่ะ ฉันจะให้ฝั่งจ้านเซินดำเนินการลุยงานอย่างไม่หยุด ส่วนที่เหลือ….จะรอคำสั่งจากคุณ”
ฉินซีถอนหายใจเบาๆ : “ฉันอาจต้องใช้เวลาสองสามวันในการคิด เมื่อฉันคิดออกแล้วจะรีบติดต่อเธอทันที”
กิริยาถังย่ากลับไปเป็นคนเดิมที่สุภาพมีความเป็นมืออาชีพแล้วพยักหน้ารับ
ฉินซีมองดูนาฬิกาแวบหนึ่ง ถึงจะรู้ว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว
“ฉันไปก่อนนะ” เธอลุกขึ้นยืน