บทที่1118 รอให้เธอปฏิเสธ
เมื่อลู่เซิ่นได้ยินคำตอบ ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
เขาเห็นความสั่นไหวในดวงตาของเธอ
เดิมทีเขาคิดว่าเหตุผลของเขาจะมีน้ำหนักมากพอ ที่จะไม่ทำให้เธอปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมแล้วที่จะอ้าแขนรับเธอ ไม่คิดว่าจะโดนเธอปฏิเสธหน้าหงายแบบนี้
ได้รับอิสระ ล้างมลทินจากตัว ได้พบพี่ชายของเธอ เงื่อนไขเหล่านี้ ยังไม่พอที่จะให้เธอตอบรับเขาอีกเหรอ?
ลู่เซิ่นชั่วขณะหนึ่งเขาไม่ใจ มีร่องรอยความโกรธเคืองบางๆ บนใบหน้าของเขา “เหตุผล?”
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลังจากใช้ความพยายามกล่อมเป็นเวลานาน เขาก็ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
เวินจิ้งเพียงแค่กดริมฝีปากของเธอลง ส่ายหัวไปมาเบาๆ “ฉันไม่ได้ฆ่าใคร ฉันได้ออกไปจากที่นี่แน่ ถึงแม้ฉันจะอยากเจอพี่แค่ไหน แต่รอให้ฉันออกไปเองได้ ฉันต้องได้เจอเขาแน่นอน”
หลังจากที่เธอพูดจบเธอ ก็เงยหน้าขึ้นมองลู่เซิ่น ก่อนพูด “และ… …ฉันก็ไม่ได้สนใจในตัวคุณจริงๆ”
ลู่เซิ่นเกือบจะหัวเราะด้วยความโกรธ
เขาไม่สนใจว่าเวินจิ้งจะคิดอย่างไรกับเขา แต่เขาไม่คิดว่าเวินจิ้งจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าถูกขัดโดยเสียงเคาะประตู
“จะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว” เสียงของผู้คุมดังขึ้นด้านนอก
ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ว่าอย่างน้อยวันนี้เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเวินจิ้งได้
เขาถอนหายใจเบาๆ ในใจ
อย่างไรก็ตามเขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ คว้าโอกาสสุดท้ายและเหลือบมองเวินจิ้งอย่างเย็นชา ก่อนพูด “คุณเวิน คุณคิดให้ดีนะ ตอนนี้การผ่าตัดรอไม่ได้แล้ว คุณจะฆ่าคนจริงไหม หรือจะพ้นโทษได้ไหม แล้วจะพ้นโทษได้ตอนไหน ไม่ได้กระทบผม แต่มันจะกระทบพี่ชายคุณแน่นอน”
เวินจิ้งไม่ตอบเธอยังคงนั่งเงียบๆ ก้มหน้าลง
ลู่เซิ่นเปิดประตู ก่อนทิ้งประโยคหนึ่งไว้ให้เธอ “ผู้ชายที่ทำร้ายคุณสำคัญกว่าพี่ชายคุณงั้นเหรอ?”
เขาผลักประตูออกไปภาพ เวินจิ้งที่อยู่หลังประค่อยๆลาลับ
หลินหยังรออยู่ที่ประตู เมื่อลู่เซิ่นออกมาเขาก็รีบเข้าไปรับทันที
ลู่เซิ่นพยักหน้าไปทางผู้คุมซึ่งยิ้มอย่างสุภาพและเดินไปส่งเขาที่ประตู
ประตูเหล็กหลังเขาค่อยๆปิดลง ลู่เซิ่นเดินเข้าไปในรถ
สีหน้าของหลินหยังดูลังเล เขามองสลับไปที่ประตูกับลู่เซิ่นอยู่พักนึง
ลู่เซิ่นลดสายตาลง ก่อนพูดเบา ๆ “นายอยากถามใช่ไหมล่ะ?ว่าทำไมไม่บอกเวินจิ้งไปว่านี่คือข้อตกลง”
เขารู้ว่าหลินหยังมองออกอยู่แล้วว่าเขาคิดยังไง เลยไม่ปฏิเสธ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับไป
ลู่เซิ่นหัวเราะเบา ๆ
เขารู้ว่าผนังในห้องมันบาง ไม่สามารถเก็บเสียงได้ดี
หลินหยังยืนรอเขาอยู่ที่ประตู แน่นอนว่าต้องได้ยินสิ่งที่เขาและเวินจิ้งพูด
“นายคิดย้อนไปสักนิด ว่าที่รอฉันข้างหน้า หน้าที่คือยืนรอใช่ไหม” ลู่เซิ่นพูดอย่างใจเย็น
หลินหยังทำสีหน้าเลิ่กลั่กขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจ ลู่เซิ่นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
เขามาที่เรือนจำเพื่อความสัมพันธ์ของลุงรอง หน้าที่นี่ก็ต้องเป็นลุงรองที่คุ้นเคยกว่าเขา
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเมื่อคืนลุงรองจะไม่ใช่คนทะเยอทะยาน แต่ลู่เซิ่นก็ไม่อาจที่จะไว้ใจเขาได้
เขาเคยไม่รู้ที่ไหนกัน ถ้าเพิ่งจะอยู่ในห้องเยี่ยม เขาไม่ได้จะปกปิดแบบนี้เลย แต่บอกกับเวินจิ้งโดยตรงว่าพวกเขาต้องการทำธุรกิจ จะไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียเวลาแบบนี้
เห็นได้ว่าเวินจิ้งไม่ใช่ผู้หญิงที่โง่เขลา ข้อตกลงนี้เป็นประโยชน์ต่อเธอ เธออาจจะไม่ปฏิเสธ อย่างน้อยที่สุดก็คงไม่ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้
แต่ผู้คุมยืนอยู่ที่หน้าประตูและทุกคำพูดที่เขาพูดสามารถไปถึงหูของลุงรองของเค้าได้
ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่เขาเข้าประตูเขาสังเกตว่ามีกล้องวงจรอยู่ที่มุมอับบนผนัง
ทุกการเคลื่อนไหวของเขา อยู่ภายใต้การสังเกตของผู้อื่นดังนั้นเขาจึงจะประมาทไม่ได้
เพียงแค่การปฏิเสธของเวินจิ้งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่มันก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา
แน่นอนว่าเขาก็คิดมา ว่าเขาควรทำอย่างไรหากเวินจิ้งปฏิเสธ
ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาในการคิดอย่างเงียบ ๆ ว่าจะทำอะไรหลังจากนั้น พลันเขามีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว “หลินหยัง”
หลินหยังหันมา
“นายรู้ไหม ปกติฉินซีทำเสื้อผ้าที่ไหน”จู่ๆเขาก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
หลินหยังนิ่งไปชั่วครู่ เขาจะไปรู้ไหมล่ะ
เขาเป็นเพียงผู้ช่วยของลู่เซิ่น ไม่ใช่ผู้ช่วยของฉินซีเสียหน่อย
ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวอย่างตรงไปตรงมา “ผมไม่ทราบครับ”
เมื่อเห็นว่าลู่เซิ่นดูหงอยไปเล็กน้อย เขาก็พูดเสริมขึ้นมา “แต่เดี๋ยวผมจะไปถามพ่อบ้านให้นะครับ”
ลู่เซิ่นนวดคิ้วเพื่อผ่อนคลาย เขาพยักหน้าและพูดต่อ “นายไปติดต่อหาช่างออกแบบชุดแต่งงานที่มีชื่อเสียงที่สุดมา นำไซส์ของฉินซีไปให้เขาด้วย ให้เขาคิดและทำออกมาหลายๆชุดเลย”
หลินหยังประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหันกลับมามองไปที่ลู่เซิ่น “จะทำชุดแต่งงานให้คุณผู้หญิงหรือครับ?”
เมื่อมองไปที่สีหน้าประหลาดใจของหลินหยัง ลู่เซิ่นก็รู้สึกขำเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามรักษาสีหน้าให้สงบและพยักหน้า “ฉันจะแต่งงานกับฉินซีอีกรอบ”
ทันทีที่เขาพูดสิ่งนี้ หลินหยังก็เหมือนสูญเสียการควบคุมไปชั่วขณะ
งานแต่ง?
ทำไมลู่เซิ่นถึงคิดอะไรรวดเร็วแบบนี้
ลู่เซิ่นเมื่อมองเห็นสีหน้าของหลินหยัง จึงถามกลับว่า “ฉันแต่งงานกับฉินซีไม่ได้หรือไง?”
หลินหยังรีบส่ายหัวทันที “ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
“งั้นก็ไปเตรียมตัวให้ดีล่ะ” ลู่เซิ่นโบกมือไปมาก่อนจะกำชับ
หลินหยังพยักหน้ารับคำ
ลู่เซิ่นไม่พูดอะไรต่อ หลินหยังก็เช่นกัน เขาแค่ขับกลับไปบ้านใหญ่ตระกูลลู่เงียบๆ
… …
ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ริสอร์ทชิงหยวน
ฉินซีไม่มีความกล้าที่จะกดดูวิดีโออีกครั้ง
เมื่อวานเธอมีกล้าที่จะฟังเสียงอัดของลู่เซิ่นซ้ำๆ เธอยังมีหวังเล็กๆอยู่ในใจ คิดว่าลู่เซิ่นอาจถูกใครบางคนบงการได้ ดังนั้นเธอจึงยังคงคิดที่จะฟังทั้งจากสองฝ่ายเพื่อหาพิรุธ
แต่วิดีโอนี้มันต่างออกไป
เสียงนั่นคือของจริง วีดิโอก็เป็นของจริง
และตัวของลู่เซิ่นเองในวีดิโอ ก็บ่งบอกทุกอย่างแล้ว
ฉินซีอยู่ในห้องหนังสือเป็นเวลานาน จนในที่สุดเธอก็สามารถจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ กระทั่งเงาของดวงอาทิตย์เริ่มจะลาลับขอบฟ้าไป
มันก็ชัดเจนทุกอย่างแล้ว
ลู่เซิ่นอยู่ห่างจากบ้านนานเป็นเดือน และดูทำตัวแปลกออกไป คงจะเป็นช่วงเวลานั้นที่เขาได้เจอความรักครั้งใหม่ ฝ่ายหญิงคงจะเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ ไม่ต่างอะไรกับตระกูลลู่ ดังนั้นทั้งสองตระกูลจึงสามารถพูดคุยเรื่องการแต่งงานได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดไว้ในคลิปเสียงนั้น ว่าจะไปพูดคุยขอแต่งงานกับพี่ชายของฝ่ายหญิง และเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของเขา ลู่เซิ่นถึงกับต้องบินกลับไปที่เมืองหนานเพื่อคุยเรื่องนี้กับผู้อาวุโสของตระกูลลู่ นี่เป็นสิ่งที่เธอได้ยินมาจากวีดิโอเมื่อตะกี้