บทที่ 1120 เหลือไว้แต่ความประทับใจที่ดี
เป็นวันที่สองที่เธอย้ายเข้าไปในชิงหยวน
เธอเพิ่งถูกลู่เซิ่นทิ้งเอาไว้คนเดียวเมื่อคืน เมื่อลืมตาขึ้นมาตอนสิบโมงกว่า ลู่เซิ่นก็ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
เธอยันหายขึ้นมานั่งอย่างเกียจคร้าน ลูบท้องที่หิวของตัวเอง แล้วตัดสินใจลงไปหาอะไรกินข้างล่าง
จากประสบการณ์ของเธอในตระกูลฉิน เวลานี้คงไม่มีใครเหลืออาหารเช้าไว้ให้ เธอไม่ใช่เจ้าของบ้าน ก็คงไม่มีใครเข้ามาประจบประแจงเธอหรอก
แต่ถ้าคุณครัวไปดู อาจจะหาอาหารพอรองท้องได้
เธอล้างหน้าล้างตา เปิดประตูห้องนอนออกไป แต่ก็ต้องชะงักกึก
——สาวใช้กำลังรอเธออยู่ที่หน้าประตู
เมื่อเธอได้ยินเสียงคนเคลื่อนไหว จึงเงยหน้าขึ้นมาทักทายฉินซีด้วยรอยยิ้ม “คุณฉินตื่นแล้วเหรอคะ? พ่อบ้านสั่งว่าถ้าคุณออกมาแล้วให้พาคุณลงไปทานอาหารเช้าข้างล่างค่ะ”
ฉินซีตาพร่าไปกับความสดใสของสาวใช้ที่ถูกส่งมา ไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนตามลงไป
พ่อบ้านคือคนเมื่อวานที่เธอเคยเห็น บนใบหน้าของเธอยังคงมีรอยยิ้มบนหน้า “ตื่นแล้วหรือครับ? วันนี้ให้คนครัวเตรียมอาหารเช้าแบบตะวันตกกับอาหารเช้าแบบจีนเอาไว้ คุณคุ้นเคยกับแบบไหนครับ?”
ฉินซีครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตอบ “ตะวันตกแล้วกันค่ะ”
พ่อบ้านพยักหน้า “ผมจะให้คนยกออกมา”
เมื่อฉินซีเดินไปที่โต๊ะ เธอพบว่าตำแหน่งของเธอจัดอยู่ตรงข้ามกับที่นั่งของเจ้าของบ้าน
โต๊ะยาวตัวนี้ ยึดหลักตามการจัดโต๊ะแบบตะวันตก และที่นั่งตำแหน่งนี้ ก็คือเป็นภรรยาของเจ้าของบ้าน
ฉินซีมองไปที่พ่อบ้านด้วยความงงงวย เขาแค่ยิ้ม ไม่ได้คิดว่าการจัดโต๊ะของเขาจะเป็นปัญหาอะไร
ฉินซีนั่งรอให้คนรับใช้ออกมาจัดโต๊ะอีกรอบ
เมื่อเธอกัดขนมปังปิ้ง คิ้วของเธอก็เลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ
—— อร่อยมาก!
นี่เป็นความประทับใจสองอย่างเมื่อตอนเธอนั่งกินข้าวคนเดียวที่นี่
……
“คุณผู้หญิงครับ?” เสียงพ่อบ้านเรียกสติฉินซีให้หลุดออกจากภวังค์ “คนครัวเตรียมของช่วยย่อยหลังมื้ออาหารมาแล้วครับ”
ฉินซีหันไปมอง พบว่าในมือพ่อบ้านถือแก้วใบเล็กที่มีของเหลวใสสีแดงเข้มขนาดเล็กบรรจุอยู่ในนั้น
“นี่คืออะไร” ฉินซีถาม
“ป้ากัวทำเองครับ น่าจะเป็นซุปหวานที่ทำจากดอกบ๊วย” พ่อบ้านตอบ
ฉินซีแค่ได้ยินคำว่า ดอกบ๊วย ก็รู้แล้วว่าป้ากัวจะสื่อถึงอะไร
เธอโบกมือไปมา “ไม่ใช่เรื่องจริงเสียหน่อย เฮ้อ ช่างเถอะ เอาไปเก็บเถอะค่ะ”
ฉินซีรู้ว่าถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง ป้ากัวก็จะกลับมาอีก
ถึงอย่างไรนี่ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอ เหลือความทรงจำดีๆไว้จะดีกว่า
เธอจึงหยิบขึ้นมาจิบ
ฝีมือป้ากัวยังดีเหมือนเดิม ซุปนี่รสชาติอร่อย เปรี้ยวหวานลงตัว
น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ท้องจริงๆ
ไม่ เธอไม่ควรพูดแบบนี้ โชคดีที่เธอไม่ท้อง โชคดีที่หนึ่งปีมานี้ เธอป้องกันทุกครั้งเวลาที่มีอะไรกับเขา
ที่ผ่านมามันเป็นเพราะเธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับลู่เซิ่นจริงๆ แต่หลังจากนั้นเป็นเพราะ เธอแค่รอโอกาสที่จะเป็นของเธอ
แต่มันไม่มี
เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังคิดไปในทางลบ ฉินซีจึงส่ายหัว สั่งตัวเองให้หยุดคิดอะไรไร้สาระเสียที
“ป้ากัว คุ้นเคยกับเมืองA แล้วหรือยัง?” ทันใดเธอก็ถามขึ้นมา
ป้ากัวเป็นคนทางเหนือ และเมือง A ค่อนไปอยู่ทางทิศใต้ จึงมีอะไรที่แตกต่างกันมาก
ดูเหมือนพ่อบ้านจะแปลกใจเล็กน้อย ที่จู่ๆเธอก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาเขาจึงพยักหน้าตอบอย่างลังเลไปว่า “ป้ากัวบอกครับว่า ดีขึ้นมากแล้ว ลูกชายและลูกสาวของเธอก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
ฉินซีพยักหน้า ก่อนถามต่อว่า “เสี่ยวเจิ้งล่ะ? แต่งงานแล้วหรือยัง?”
เสี่ยวเจิ้งเป็นคนขับรถของเธอ เมื่อเธอไม่ได้ขับรถเอง เสี่ยวเจิ้งจะเป็นคนขับให้
พ่อบ้านมองไปยังฉินซีด้วยความสงสัย แต่ในที่สุดเขาก็ตอบ “ยังครับ แต่ก็มีแฟนแล้ว ยังคุยกันเรื่องงานแต่งกันอยู่”
ฉินซีถามเรื่องราวของคนรับใช้แต่ละคนที่ชิงหยวน ว่าอยู่ดีกินดีหรือไม่
พ่อบ้านเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถูกถาม ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามกลับไปว่า “ทำไม จู่ๆถึงสนใจเรื่องพวกนี้ล่ะครับ”
ฉินซีก้มหัวลง พลางยิ้ม “ตอนบ่ายโดนคนคนนั้นทำให้ตกใจ เลยพึ่งรู้ตัวน่ะ ว่าไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนที่นี่เท่าไหร่”
ข้ออ้างของเธอดูไม่ค่อยสมเหตุผล แต่พ่อบ้านก็ไม่ได้ถามต่อ และพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ
ฉินซีถามทุกอย่างที่เธออยากรู้ถาม ในที่สุดก็วางตะเกียบลงและยืนขึ้น
เธอรู้ดีว่าเมื่อเธอไปจากที่นี่แล้ว เธออาจจะไม่มีโอกาสกลับมาอีกและเธอก็จะไม่มีโอกาสแสดงความขอบคุณต่อคนรับใช้ที่คอยช่วยเหลือเธอและให้การดูแลเธอเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
เธอทำได้เพียงแค่จำทุกอย่างไว้ในใจ แม้ว่าเธอจะจากไปแล้ว เธอก็จะไม่ลืมพวกเขา
พ่อบ้านเดินตามเธอไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นฉินซีก็หยุดเดิน
“หลานสาวคุณเป็นยังไงบ้าง” เธอหันหน้าไปมองพ่อบ้าน
ทันทีที่พ่อบ้านถูกถามถึงหลานสาวของตัวเอง เขาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข “ดีครับ เกิดมาก็ตัวจ้ำม่ำเลย ทางนู้นโทรมาจะให้ผมไปหาไวๆ ผมแค่ยังกังวลเกี่ยวคุณและประธานลู่น่ะครับ ไม่งั้นคงรีบที่จะไปหาหลานของผม”
ฉินซีหัวเราะ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังก่อนจะกำชับอย่างจริงจัง “คุณต้องดูแลรักษาตัวเองให้ดี ถ้ามีอาการปวดข้อ ก็ให้คนไปตามหมอประจำตระกูลมารักษาล่ะ”
ครู่หนึ่ง พ่อบ้านรู้สึกว่าท่าทางฉินซีดูแปลกเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอก็ดูจริงจังเกินไป แต่เมื่อดูอีกครั้งก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
เขาส่ายหัวและบอกตัวเองว่าอย่าไปคิดมาก
“ฉันเหนื่อยแล้วล่ะ จะกลับห้องไปพักผ่อนสักหน่อย” ฉินซีหันกลับ และก้าวเท้าตรงไปยังห้องนอน
“พักผ่อนเถอะครับ” พ่อบ้านกล่าว “ผมจะบอกพวกคนรับใช้ว่าอย่าขึ้นไปรบกวนคุณให้”
ฉินซีพยักหน้า “ฝากด้วยนะ”
พ่อบ้านเฝ้าดูร่างบางของเธอค่อยๆลับหายไป มีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นภายในใจของเขา แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
…
ฉินซีเดินช้าๆกลับไปที่ห้อง
เมื่อครั้งที่แล้วเสื้อผ้าของเธอถูกคนรับใช้น้ำไปเก็บ แต่วันนี้เธอก็รีบไปเอาลงมา กลัวจะไม่มีโอกาสได้ออกไปจากที่นี่
ดังนั้นเธอจึงเปิดกระเป๋าเดินทางที่อยู่อีกด้านหนึ่ง พลางหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง เลือกเสื้อผ้าที่พอใส่ได้สักสองสามชุดแล้วยัดลงไปในกระเป๋าเดินทาง
หลังจากเก็บของเสร็จ เธอก็ลุกขึ้นยืนดูเสื้อผ้าที่เธอวางทิ้งไว้ คิดในหัวว่าควรแบ่งเป็นสองกอง
กองหนึ่งเป็นชุดที่เธอเลือกมาใส่เอง อีกกองเป็นชุดที่ลู่เซิ่นเลือกมาให้ และยังไม่ได้ใส่
ตัวที่เคยใส่แล้ว ไว้มีโอกาสจะมาเอาไปแล้วกัน
สำหรับเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใส่ … ถ้าหากผู้หญิงคนใหม่ของลู่เซิ่นไม่ทิ้งมัน เธอก็คงลองมัน ถึงอย่างไรมันก็เป็นของใหม่ทั้งหมด
ถ้าหากมันไม่เหมาะกับเธอคนนั้น ไว้ครั้งหน้าเธอจะเอาพวกมันไปอยู่ด้วยแล้วกัน
ฉินซียืนอยู่กลางห้อง พลางมองไปรอบ ๆ